ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Windows 8 หยุดการสนับสนุนจาก Microsoft (Support)

ขออ้างอิงถึงของเก่าอย่าง Windows 7 ก่อนเพื่อให้เข้าใจเทียบได้ง่าย

Windows 7 RTM (ที่ไม่ใช่ Service Packs 1) นั้นสนับสนุนจนถึง 9 เมษายน 2013 ซึ่งหากต้องการบริการสนับสนุนต่อก็ต้องติดตั้ง Windows 7 Service Pack 1 ลงไปแทน ซึ่งจะต่ออายุ mainstream support จนถึง 13 มกราคม 2015 และ extended support จนถึง 14 มกราคม 2020 และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

สำหรับ Windows 8 RTM ที่เป็นข่าวนั้น หยุดสนับสนุนในวันที่ 12 มกราคม 2016 ที่ผ่านมา และหากต้องการบริการสนับสนุนต่อก็ติดตั้ง Windows 8.1 เพิ่มเติมจาก Windows Store เพื่อให้ได้ mainstream support จนถึง 9 มกราคม 2018 และ extended support จนถึง 10 มกราคม 2023 ต่อไป และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

และข้อเพิ่มเติมในส่วนของ Windows 10 RTM ตัวล่าสุดยังไม่มี Service Packs ใดๆ ออกมา ทำให้ตอนนี้ Windows 10 มี mainstream support ถึง 13 ตุลาคม 2020 และ extended support ถึง 14 ตุลาคม 2025 และแน่นอนว่าหากอัพเกรดจาก Windows 7 หรือ Windows 8.1 ก็จะได้การสนับสนุนเพิ่มเติมตามนี้เช่นกัน แต่ระยะเวลาอัพเกรดฟรี 1 ปี จนถึง วันที่ 29 กรกฎาคม 2016 นี้เท่านั้น

หากเทียบกัน จะเห็นได้ว่า Microsoft จะหยุดสนับสนุน Windows รุ่น RTM นั้นๆ หลังจากออก Service Packs หรือ Minor upgrade ออกมาประมาณระยะเวลาหนึ่ง เพื่อผลักดันให้คนไปใช้ของใหม่ แต่หากจะใช้ของเก่าก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่ถ้าโดนแฮก หรือเจอผลกระทบจากการไม่อัพเกรด ก็ตัวใครตัวมัน อะไรแบบนั้น

ความหมาย:
mainstream support คือการสนับสนุนทั้ง new features, design changes, warranty, non-security hot fixes, security patches และ reliability patches
extended support คือการสนับสนุนด้าน security patches และ reliability patches เท่านั้น

อ้างอิงจาก

ลองของใหม่ Windows 8.1 update เพื่อคนใช้เมาส์!!!

ใน Keynote เปิดงาน BUILD 2014 ได้ประกาศเรื่อง Windows 8.1 update ซึ่งเป็น update ตัวแรกของ Windows 8.1 โดยประกาศว่าจะพร้อมให้โหลดเป็นการทั่วไป (GA) ในวันที่ 8 เมษายน 2014 นี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันที่ Windows XP จะหมดระยะเวลาสนับสนุนเพิ่มเติม (Extended support) ในวันดังกล่าวด้วย

โดยผมนั้นได้โหลดไฟล์จากมิตรสหายท่านหนึ่งที่มีบัญชีผู้ใช้งานใน MSDN ซึ่งใน MSDN นั้นได้ปล่อยให้สมาชิกโหลดได้หลังจากงาน Keynote เปิดงาน BUILD 2014 จบลง ซึ่งส่วนตัวผมเพิ่งโหลด Windows 8.1 update มาติดตั้งในช่วงเที่ยงๆ ของวันที่ 3 เมษายน 2014 นี้เอง

โดยในไฟล์ติดตั้ง Windows 8.1 update ด้านล่างนี้ เป็นไฟล์ติดตั้งที่คาดว่าจะเป็นตัวเดียวกับที่จะปล่อยออกมาทาง Windows update ตามปรกติในสัปดาห์หน้า (8 เมษายน 2014) ซึ่งหลายคนคงสับสนกับตอนอัพเกรดมาใช้ Windows 8.1 เพราะใน Windows 8.1 นั้นต้องอัพเกรดผ่านทาง Windows Store โดยตัวนี้เหมือนเป็นไฟล์ update ระบบทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรพิเศษมากหรือปรับปรุงโครงสร้างระบบเยอะแยะแบบ Windows 8 มา Windows 8.1

การติดตั้งนั้นมีไฟล์ KB อยู่ทั้งหมด 6 ไฟล์ ใช้พื้นที่รวมกันเกือบๆ 789MB ซึ่งได้แก่

  1. KB2919442 – Windows8.1-KB2919442-x64.msu
  2. KB2919355 – Windows8.1-KB2919355-x64.msu
  3. KB2932046 – Windows8.1-KB2932046-x64.msu
  4. KB2937592 – Windows8.1-KB2937592-x64.msu
  5. KB2938439 – Windows8.1-KB2938439-x64.msu
  6. KB2949621 – Windows8.1-KB2949621-v2-x64.msu

การติดตั้งก็ไล่ลำดับจากบนลงล่างอย่าได้สลับลำดับกัน ค่อยๆ ติดตั้งไปเรื่อยๆ การติดตั้งอาจจะต้องมีการ restart อยู่บ้าง 3-4 รอบ ก็ทำตามขั้นตอนไป

หลังจากติดตั้งครบทั้งหมด โดยใช้เวลาไม่นานมาก ประมาณ 15-20 นาที สิ่งแรกคือ “Start menu ตัวใหม่ที่กำลังกลับมา ไม่ได้มาพร้อมกับ Windows 8.1 update ที่กำลังจะปล่อยในเร็ววันนี้” (รูปตัวอย่างด้านล่าง)

BkPEJAhIgAA7Ts2.png large

ใน PC Info ไม่มีอะไรเพิ่มเติมที่บอกว่าเราใช้ Windows 8.1 update

2014-04-03_134911

เริ่มต้นจากในหน้า Start screen นั้นมีการปรับปรุงในการแสดงผลปุ่ม power และปุ่ม search เพิ่มเติมเข้ามา เพื่อให้หาง่ายขึ้น เมื่อมีแอพใหม่ๆ ไม่ว่าจะติดตั้งผ่าน Windows Store หรือ Desktop app ก็จะมีจำนวนบอกอยู่ที่ All app ด้านล่างซ้าย

2014-04-03_134633

เมื่อคลิ้กดู App app เพื่อตรวจสอบว่ามีแอพใหม่อะไรบ้าง ก็จะมีแถบสี และตัวอักษร NEW กำกับไว้ด้านท้าย

2014-04-03_134751

ส่วนตัวรู้สึกเหมือน Microsoft ทำมาประชดเรื่องหาปุ่ม power ไม่เจอใน Windows 8 และ 8.1 จริงๆ นะ เพราะใน Windows 8.1 update พวกเอามาวางไว้ที่ Start screen ให้เห็นชัดๆ แบบเต็มๆ ตา

image

เมื่อคลิ้กขวาได้ เวลาค้นหาที่เมนู Search Charm หรือ Networks Charm ก็จะมีคำสั่งลัดขึ้นมาให้เราใช้งานได้รวดเร็วมากขึ้น

image image

สิ่งแรกคือ Tiles ต่างๆ นั้น สามารถนำเมาส์ไปคลิ้กขวาแล้วจัดการ Tile ต่างๆ ได้เลย เหมือนทัชตามปรกติ ไม่ต้องลากเมาส์ขึ้นไป แล้วมาสั่งงานที่ App bar แบบเดิม

เราสามารถ Pin ตัว Windows Store app บน Taskbar ได้แล้วใน Windows 8.1 update ตัวนี้

2014-04-03_141454

การเปลี่ยนชื่อ groups ของ Tile ก็แค่คลิ้กขวาที่พื้นหลัง Start screen ก็จะมีเมนูขึ้นมาให้จัดการให้

2014-04-03_141517

เลื่อนเมาส์ลงไปด้านล่างให้สุด ขอบจอจะมี Taskbar โผล่ขึ้นมาทันที ซึ่งเราสามารถใช้มันสลับการทำงานระหว่าง Desktop app กับ Windows Store apps ที่เปิดอยู่ได้ โดยแอพที่เปิดอยู่นั้น จะเปิดใน Desktop mode หรือ Start Screen ตัวแอพทุกๆ ตัวจะมีรายการแอพที่เปิดอยู่ไปโผล่ที่ Taskbar ใน Desktop mode ด้วย ทำให้เราสลับแอพด้วยเมาส์ได้ง่ายมากขึ้นจากเดิมมาก

2014-04-03_135146

เมื่อมีความสามารถ Pin to Taskbar ของ Windows Store apps ก็ทำให้การเรียกใช้งานง่ายขึ้นจากหน้า Desktop mode โดยไม่ต้องเข้าหน้า Start screen ให้เสียเวลา

2014-04-03_135023

เมื่อ Pin to taskbar  ได้ เราก็สามารถเปิด-ปิด รวมไปถึงสั่ง Pin หรือ Unpin ที่ Taskbar โดยไม่ต้องไปหน้า Start screen ตามแนวคิดเดิมๆ

2014-04-03_144620

Taskbar Thumbnail Previews สามารถใช้งานกับ Windows Store apps ได้ด้วย

image

เมื่อเลือก Windows Store apps ที่เปิดอยู่ ตัว Taskbar และ Titlebar จะแสดงผลค้างอยู่สักพัก และเมื่อเราเริ่มใช้งาน Windows Store apps ตัว Taskbar และ Titlebar ก็จะเลื่อนหายลงไป-ขึ้นไป และแสดงผลแบบเต็มจอตามแบบเดิม

2014-04-03_145956

ถ้าเลื่อนเมาส์ขึ้นไปด้านบน Titlebar ของ Windows Store apps ก็จะเลื่อนลงมา

2014-04-03_150133

ในส่วนที่สำคัญคือของ Windows control box ด้านซ้ายที่สามารถบังคับตัว Windows Store apps ให้ Split Left/Right ได้ รวมไปถึงยังทำงานโดยใช้คำสั่ง Minimize/Close แบบเดียวกับ Windows decoration ที่มีมาควบคู่กับ Titlebar แต่อยู่ด้านขวามือได้ด้วย ทำให้การย่อ-ปิด Windows Store apps ทำได้สะดวกมากขึ้นสำหรับการใช้เมาส์

2014-04-03_135108 image

และแน่นอนว่าเมื่อ Start screen สามารถแสดงผล Taskbar ได้เมื่อซ่อนไปแล้ว ใน Windows Store apps ก็ทำแบบเดียวกันได้แน่ๆ โดยเลื่อนเมาส์ลงมาด้านล่าง Taskbar ของ Store app จะเลื่อนขึ้นมา

2014-04-03_145340

สำหรับปุ่ม Start นั้นยังคงทำหน้าที่เดิมใน Windows 8.1 ก่อนหน้านี้ คลิ้กขวา ที่ปุ่ม Start ก็มีเมนูอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมแบบเดิมๆ

2014-04-03_134844

ตัวเลือก Taskbar and Navigation properties นั้นส่วนเพิ่มเติมคือ Show Windows Store apps on the taskbar ซึ่งเลือกให้มาเป็นค่าเริ่มต้น ถ้าไม่อยากได้ความสามารถด้านบนในส่วนของ Taskbar ที่ทำงานร่วมกับ Windows Store apps ที่กล่าวมาก็ติ้กเอาออกไปได้

2014-04-03_134652

ตัวเลือก “When I sign in or close all applications on a screen, go to the desktop instead of Start” ถูกตั้งมาเป็นค่าเริ่มต้นทันทีเมื่อ Windows 8.1 update ติดตั้ง และตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่เครื่องที่มีหน้าจอ touch screen

2014-04-03_134744

และแล้วก็มาสักทีกับ PC Settings ที่สามารถ Pin ได้ ทำให้เราสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ซึ่งเลือกที่จะ Pin ลง Start screen หรือ Taskbar ก็ได้

image

ในส่วนของ PC Settings นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง มีเมนู Control Panel เพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อเปิด Control Panel ได้ง่ายมากขึ้น (เอามาปะๆ ไว้เพราะ PC Settings มันไว้ตั้งค่าแบบง่ายๆ เร็วๆ)

2014-04-03_135720

ในส่วนของ PC and devices นั้นเพิ่มเติม Disk space เข้ามาเพื่อตรวจสอบการใช้งานพื้นที่ของตัวแอพและไฟล์ต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น ไม่ต้องเข้า File Explorer แบบเดิมๆ

2014-04-03_135303

เปลี่ยนชื่อ SkyDrive มาเป็น OneDrive แล้ว

(สำหรับใครที่ Pin ตัว SkyDrive บน Desktop mode ไว้ก่อนหน้านี้ แนะนำให้ Unpin และ Pin ใหม่ ผมเจอว่ามันไม่ยอมเปลี่ยนชื่อให้)

2014-04-03_135348

ในส่วนของ Network นั้น Manage khown networks หรือตัวจัดการ Wireless network profiles ของ WiFi นั้นกลับมาแล้ว!!! สามารถ Forgot ตัว Wireless network profiles ที่มีอยู่ได้แล้วโดยไม่ต้องมีใช้ command line เหมือนใน Windows 8.1

2014-04-03_135507

image

สรุปโดยรวมของ Windows 8.1 update นั้น คงเป็นการปรับเปลี่ยนที่ดูดีขึ้นพอสมควร ซึ่งส่วนตัวนั้น ค่อยรู้สึกว่า Desktop apps และ Windows Store apps นั้นสามารถเชื่อมโยงเข้าหากันได้เนียนมากขึ้น ใช้งานได้ง่าย และทำให้ Windows Store apps นั้นมีประสบการณ์ในการใช้งานคีย์บอร์ดและเมาส์ได้ดีจนรู้สึกว่า Windows Store apps ใช้งานได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวกับ Desktop apps จนเกินไป

เมื่อแอพบน Windows 8.1 และ Windows Phone 8.1 กำลังรวมกันด้วย Universal WinRT อาจตัดสินอนาคตของ Microsoft

อนาคตของ Windows ในตลาด tablet และ mobile นั้นดูจะยังลุ่มๆ ดอนๆ อยู่พอสมควร อาจจะเพราะชะล่าใจ จนเข้ามาช้าไป อีกทั้งเข้ามาช้าก็เร่งเครื่องไม่ทันกระแส พัฒนาไล่ตามคู่แข่งแบบหวานเย็น จนเหล่านักพัฒนา และผู้ใช้ที่ติดตามฝั่ง Windows ได้แต่มอง platform อื่นๆ เค้าก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าช่วงปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า Microsoft ได้วางแผนว่า Windows ในอนาคตจะต้องให้ประสบการณ์ในการใช้งานตั้งแต่หน้าจอประมาณ 3” จนถึง 30” แล้วมีประสบการณ์เดียวกัน ซึ่ง codename ชื่อ Windows Blue เป็นแผนงานที่วางไว้ในช่วงปีที่แล้วจนถึงปีนี้ แต่ดูเหมือนแผนงานฝั่ง Windows desktop และ tablet ก็ดูจะได้รับการตอบรับที่ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งถูกมองว่าเป็นแผนงานอุดข้อเสียและปรับปรุงให้ดีขึ้นมากกว่า ส่วนในด้านของ Windows Phone ก็ช้ากว่าฝั่ง Windows เข้าไปอีก ด้วยการออก Windows Phone 8 GDR 1, GDR 2 และ GDR 3 ที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงการไล่ตามในสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดมีอยู่ก่อนแล้วมาก่อน 1-2 ปี

แต่จากข่าวในช่วงเดือนที่ผ่านมาของ Windows Phone 8.1 (codename: Blue) นั้น ได้สร้างความตื่นเต้นพอสมควรในด้านความสามารถที่มากมายกว่า Windows Phone 8 GDR 1 จนถึง GDR 3 รวมกันเสียอีก อีกทั้ง ส่วนที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ ได้มีข้อมูลที่รวมการพัฒนาแอพบน Windows 8.1 และ Windows Phone 8.1 เข้าด้วยกัน สร้างความน่าสนใจมากกว่าข่าวลือเรื่อง Microsoft มีความคิดจะนำแอพ Android มาทำงานบน Windows เสียอีก

จากเอกสาร Windows Phone 8.1 SDK ที่หลุดออกมานั้น เปิดเผยว่า Windows Phone 8.1 ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพโดยใช้ Universal Windows Runtime (หรือเรียกอีกชื่อว่า Universal WinRT) ได้ โดยเป็นผลดีต่อต้นทุนในการพัฒนาแอพเป็นอย่างมาก ซึ่งชื่อ “WinRT” นั้น คงคุ้นหูกันมาก่อน เพราะมันคือชื่อ runtime ของแอพ Windows Store apps บน Windows RT และ Windows 8 อยู่ก่อนแล้ว นั้นหมายความว่า เราสามารถสร้างแอพที่ทำงานได้ทั้งบน Windows Phone 8.1 และ Windows 8.1 ได้ในการพัฒนาเพียงครั้งเดียว ในชื่อ “Universal Store apps” เพื่อใช้เรียกว่า runtime ใหม่ ให้แยกต่างหากจากของเดิมที่ชื่อ “WinRT”  เป็น “Universal WinRT” แน่นอนว่าสำหรับแอพเดิมที่เคยพัฒนาอยู่ก่อนแล้วบน Windows Phone 8 นั้นสามารถอัพเกรดแอพด้วยการคอมไพล์ไปใช้ Windows Phone Silverlight 8.1 (หรือเรียกอีกชื่อว่า WP Silverlight 8.1) แทนได้เช่นเดิม หรือจะพัฒนาโดยใช้ Universal WinRT ก็ได้โดยเริ่มต้นสร้าง Solution ใน Visual Studio ใหม่อีก Solution หนึ่งจาก Template ที่มีอยู่ใหม่

แต่ทั้งนี้ ด้วยข้อจำกัดของทั้ง Universal WinRT และ WP Silverlight 8.1 นั้นมีหลายส่วนในเบื้องต้น ซึ่งข้อจำกัดใน Universal WinRT นั้นยังมีอยู่มากตามเอกสารที่หลุดออกมา และคิดว่าน่าจะเข้าใกล้การพัฒนาจนไร้ข้อจำกัดในการผสานกันระหว่าง Windows 8และ Windows Phone ในอนาคต

ส่วนต่อมาที่น่าสนใจในเอกสารคือ Share โดยถ้าว่ากันตามจริง ใช้หลักการเดียวกับบน Windows 8 ที่ใช้การส่ง command ไปยังแอพปลายทาง (target app) และเมื่อแชร์จบแล้วจึงย้อนกลับมาที่แอพเดิม (source app) ทำให้ต่อการ การแชร์ระหว่างแอพจะทำได้สะดวกขึ้น และไล่ตามความสามารถของคู่แข่งได้สูสีมากขึ้น

สำหรับข้อมูลส่วนอื่นๆ ที่น่าสนใจตามเอกสาร SDK ที่หลุดมา จะเป็นส่วนของการเตรียมตัวและพัฒนาแอพให้สามารถทำงานบน Windows Phone 8.1 ได้อย่างราบรื่นและสมบูรณ์ รวมไปถึงทำความเข้าใจแนวคิดใหม่ของ Universal WinRT ที่กำลังจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาแอพในอนาคตด้วย

จากการวิเคราะห์นั้น คิดว่าการพัฒนาแอพที่สามารถทำงานได้กับอุปกรณ์ทั้ง desktop, tablet และ phone ในตัวเดียว อาจจะสร้างความยุ่งยากอยู่พอสมควร ในการแสดงผลให้แตกต่างกันในแต่ละอุปกรณ์ แต่ถ้ามองในมุมบริหารจัดการ และการจูงใจนักพัฒนาแอพบน desktop และ tablet มาพัฒนาบน phone และในทางกลับกัน นักพัฒนาบน phone ก็ขยับมาลงใน desktop และ tablet นั้นดูน่าสนใจมากขึ้น เพราะในขณะนี้ รูปแบบการพัฒนานั้นดูจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด และการพัฒนาแอพบน Windows Store apps นั้นก็ง่ายกว่าบน Windows Phone apps อย่างมาก ซึ่งจุดนี้เองที่น่าสนใจว่าผู้เล่นจากฝั่งไหนจะลงมาเล่นมากกว่ากัน ต้องลองติดตามต่อไป ถ้าเอกสารที่หลุดมานั้นเป็นเอกสารจริง

หมายเหตุ เอกสารต่างๆ ที่หลุดออกมานี้ แนะนำให้ลองหาดูกัน ผมคงไม่สามารถโพสเอกสาร หรือแจกจ่ายเอกสารเหล่านี้ได้ด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายในตัวเอกสารเอง (ถ้าเป็นเอกสารของ Microsoft จริง)

มาโหลด Windows 8.1 แบบ ISO กันดีกว่า (สำหรับคนที่มี product key ลิขสิทธิ์ แบบ Upgrade download version)

เป็นการอ้างอิงบน product key ลิขสิทธิ์ แบบ Upgrade download version ที่ซื้อออนไลน์ ส่วนคนซื้อแบบกล่องไม่แน่ใจว่าใช้ได้ไหม เพราะยังไม่ได้ลอง ใครได้ผลยังไงรายงานกันสักหน่อย

  1. ไปที่ Upgrade Windows with only a product key
  2. ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งทั้ง Windows 8.0 (จะได้ไฟล์ Windows8-Setup.exe) และ Windows 8.1 (จะได้ไฟล์ WindowsSetupBox.exe)
  3. สั่งติดตั้ง Windows 8.0 (รันไฟล์ Windows8-Setup.exe)
  4. กรอก product key ที่มีอยู่ลงไป และทำตามขั้นตอนจนถึงหน้าจอ “Downloading Windows 8” รอจนขึ้น 1% แล้วกดปิด (ปิดด้วยปุ่มกากบาทขวามือบน)
  5. สั่งติดตั้ง Windows 8.1 (รันไฟล์ WindowsSetupBox.exe)
  6. ถ้าเจอ error ใดๆ ให้ปิดและลองสั่งติดตั้ง Windows 8.1 ใหม่
  7. แต่ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ให้ทำตามขั้นตอน จนเริ่ม “Downloading Windows 8.1”3726359e3a6e11e3989522000a9f3c91_8
  8. รอจนกว่าจะดาวน์โหลดจนครบ 100%
  9. รอตรวจสอบไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจน 100%
  10. จะมีตัวเลือกในการติดตั้ง ให้เลือก “Install by creating media”
  11. จะมีตัวเลือกว่าจะให้สร้างตัวติดตั้งใน USB flash drive หรือ ISO file ก็เลือกได้ตามใจชอบ88dcc7903a7811e3a74122000aeb10b1_8

เมื่อทำขั้นตอนด้านบนจบ ให้ทำตามขั้นตอนใน การติดตั้ง Windows 8.1 โดยไม่ถาม product key ก่อนติดตั้ง สำหรับคนที่มี product key ของ Windows 8.0 ผ่าน USB flash drive เพื่อแก้ไขการกรอกข้อมูล product key ของ Windows 8.0 ในขั้นตอนติดตั้งไม่ได้

อ้างอิง: Here is how to get the Windows 8.1 ISO and create a USB install stick

การปรับตัวในการใช้ Desktop App กับ Start Screen บน Windows 8 และ 8.1 แบบง่ายๆ

สิ่งแรกมันไม่มีอะไรง่ายในการปรับตัวกับสิ่งที่เราคุ้นเคย แต่นั้นก็แลกมาซึ่งความสะดวกในอนาคต ผมจะเล่าวิธีคิดในการใช้งาน Start Screen ที่ผมคิดในหัวหลังจากปรับตัวได้ก่อน

ลบภาพจำเดิมของ Start Menu ใน Windows ไปซะ คิดว่ามันคือการเลื่อนหา App แบบใน Tablet ยี่ห้ออื่นๆ แน่นอนว่า Desktop App มันอาจจะดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล

โอเค เอาหล่ะ เราต้องปรับตัวโลกกำลังมุ่งไปสู่ form factor แบบ Tablet แล้ว การผสมกันในสองรูปแบบจึงเป็นสิ่งจำเป็น

วิธีที่ผมใช้คือ แบ่งการเรียกใช้งาน Desktop App ตามการใช้งานตวามความบ่อยในการเรียกใช้งาน ผมแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ

1. อันไหนใช้บ่อยๆ เปิดตลอดเวลาใช้การ Pin ไว้ที่ Taskbar 

2013-10-18_132534

2. อันไหนไม่บ่อยมาก แต่ใช้ประจำก็ Start Screen แบ่งตามหมวดหมู่ในการใช้งาน และปักหมุดผสมกับ Windows 8 App ในบางส่วน

2013-10-18_000701

3. อันไหนนานๆ ใช้ทีก็โยนเข้า All App หายากก็พิมพ์หาเอา

วิธีการเรียกเข้าหน้า Start Screen แล้วจะเข้า All App มี Shortcut key แบบง่ายๆ คือ กดปุ่ม Windows เข้า Start Screen แล้วตามด้วย Ctrl+Tab หรือใช้ปุ่มลูกศรชี้ลงที่มุมซ้ายก็ได้

2013-10-18_132551

image

ถ้าปรับตัวได้ ก็ไม่ได้แย่ขนาดไม่ใช้ Windows 8/8.1 กันครับ