สรุปสั้นๆ งาน Microsoft Build 2013 keynote

เริ่มเวลา 9:00 ของวันที่ 26 มิถุนายน 56 ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 23:00 ของวันที่ 26 มิถุนายน 56 ตามเวลาประเทศไทย

งาน Build เป็นงานของฝั่ง Microsoft ที่พูดถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือทิศทางการพัฒนาด้าน IT จาก Platform ของ Microsoft โดยจัดที่ San Francisco

ในปีนี้ใน Keynote วันแรกได้พูดถึงหัวข้อหลักๆ ที่เก็บๆ จาก tweet เท่าที่จะสรุปได้คือ

  • Windows 8.1 preview (Windows 8.1 Preview: คำถามที่ถามบ่อย #ภาษาไทย)
  • The Windows 8.1 Preview is here!
  • Windows 8.1 Preview Product Guide for Developers
  • ในเดือนนี้จะมี Apps กว่า 100,000 บน Windows Store และ Apps อย่างเป็นทางการ (Official) จาก Facebook, Flipboard และ NFL Fantasy Football จะมาใน Windows 8 เร็วๆ นี้
  • Mail app ตัวใหม่บน Windows 8
  • Xbox Music หน้าตาใหม่ เพิ่มความสามารถ Radio บน Windows 8.1
  • SkyDrive app ตัวใหม่บน Windows 8.1
  • Picture editor บน Windows 8.1
  • Windows 8.1 สนับสนุน 3D printing มาในตัว
  • 2-in-1 tablet combination ของ Windows 8 เป็นสิ่งที่ตลาดต้องการ
  • Gestures เพียบ! Windows 8.1 คงต้องฝึกพอสมควร แต่ถ้าเป็น สะดวกมากจริงๆ
  • สรุป Start button บน Windows 8.1 คือปุ่มเรียก Start screen ไม่ใช่เรียก Start menu ตามที่หลายๆ คนอยากได้กัน
  • เพิ่ม “Booting into the desktop” เป็นค่าที่ตั้งได้เริ่มต้นโดยไม่ต้องเข้าหน้า Start screen ตลอดทุกครั้งที่บูทเข้าเครื่องใน Windows 8.1
  • ใน Windows 8.1 สามารถเปิด apps ได้หลายๆ monitors และ multitask ได้มาก app ขึ้น
  • เปิดตัว Visual Studio 2013 developer preview และ .NET Framework 4.5.1 developer preview
  • ใน Visual Studio 2013 รองรับ async debugging และเชื่อมต่อกับ Azure mobile service เพื่อพัฒนา app ได้ง่ายมากขึ้น
  • Web GL และ MPEG dash สนับสนุนบน Windows 8.1
  • สามารถใช้ Web GL ใน IE11 และใน Apps ได้
  • Windows 8.1 รองรับ “high-density displays” (full DPI support and scaling)
  • เปิดตัว Bing as a platform โดยชูโรงว่า Facebook Search, Yahoo Search และ Apple Siri ใช้ Bing
  • Windows 8.1 Maps app มาพร้อมกับ 3D Maps
  • Bing จะอยู่ใน Windows, Windows Phone และ Xbox แน่นอนว่านักพัฒนาทั่วไป ที่กำลังพัฒนา app จะใช้งานร่วมได้ด้วย โดยเปิดตัว Bing platform for developers
  • เปิดตัวมือถือ Windows phone 8 รุ่นใหม่ HTC 8XT และ Samsung ATIV S Neo
  • พูดถึงทิศทางของ Xbox ผ่านทาง Project Spark เป็นเรื่องของการใช้ Smart Glass บน Xbox One, Xbox 360 และ Windows 8 ในการเล่นเกมร่วมกัน ด้วยการใช้ remote rendering

ความโหดของงาน Build 2013 ปีนี้คือ ทุกคนในงานจะได้ Surface Pro พร้อม Type Cover และ Acer Iconia W3 ในงาน!!!

หัวข้อหลักๆ ตามนี้

  • Windows 8.1
  • Windows 8 app
  • Windows phone 8
  • Visual Studio 2013 และ .NET Framework 4.5.1
  • Bing platform
  • Xbox platform

ทิ้งท้าย “The future of Windows is very, very bright.” Ballmer

ข้อมูลบางส่วน และติดตามจาก Live from the Microsoft Build 2013 keynote

2013-06-26_000023

App ตัวแรกบน Windows Mobile ด้วย VB.NET (VS 2008)

โดยส่วนตัวแล้วถ้าให้เลือกระหว่าง C# กับ VB.NET ในตอนนี้ ผมคงเลือก VB.NET เพราะตัวเองถนัด และเขียนมาก่อนตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยตอนปี 2 ตอนนั้นเขียนบนฐาน .NET 1.0 และ 2.0 ด้วย VS 2002 – 2003 และตอนฝึกงานที่เขียนบน VS 2005  ด้วยความถนัด App ตัวแรกจึงเลือก VB.NET นั้นเอง

หลายคนที่รู้จักผมคงไม่งง แต่คนไม่รู้จักผมเท่าไหร่ คงงงว่าไอ้ผมนี่มันพวกชอบภาษาแนวปีกกามากกว่า ทั้ง Perl, PHP และ JAVA แต่มี VB.NET มาโผล่มาตัวนึง ซึ่งจริง ๆ ผมเขียน C, C++, Python กับ Ruby พอได้ แต่ไม่เอามาลงจะดีกว่า เพราะอ่าน code ได้แต่ยังไม่ถึงกับเอามาทำ App จริง ๆ จัง ๆ ได้มากนัก อาจจะเพราะ C/C++ นี่ร้างลามานานจนไม่คิดว่าตัวเองเขียนเป็น App ได้ในเวลาอันสั้น Python ที่ได้จับตอนทำ E-Book และทำรายการพร้อมตัวอย่าง ยังไม่ถึงขั้น Deploy ตัว App ไปขายได้ ส่วน Ruby นี่ผมได้เพราะ Rails Framework จึงไม่คิดว่าตัวเองเก่ง Ruby พอที่จะเขียนได้โดยไม่พี่ง Rails Framework

มารอบนี้สิ่งที่ต้องเตรียมตัวหลายอย่าง อย่างแรก ผมหาข้อมูลก่อนว่าผมจะเขียน App บน Windows Mobile ได้ยังไง เพราะส่วนตัวไม่ได้ติดตามด้าน Windows Mobile เลย แต่นับตั้งแต่ซื้อ HTC Pharos มาได้ 3-4 วัน ผมเลยหาข้อมูลหลาย ๆ อย่างมาประกอบทั้งเรื่องของ Smartphone กับ Pocket PC Phone มันต่างกันยังไงแน่

รุ่น Smartphone คือรุ่นที่ตัวเครื่องมีปุ่มตัวเลขสำหรับโทรศัพท์และควบคุมการใช้งาน แต่ไม่มี Toch Screen ส่วน Pocket PC Phone  นั้นคือเครื่องที่ไม่มีปุ่มตัวเลขสำหรับกดใช้งาน แต่ใช้ Touch Screen แทน หรือบางครั้งถูกเรียกว่า PDA Phone

สิ่งแรกคือ Windows Mobile 6 นั้นได้เปลี่ยนชื่อรุ่นนิดหน่อย เป็น Standard (สำหรับ Smartphone) กับ Professional (สำหรับ PDA Phone) โดย App ในปัจจุบันนั้นได้พัฒนาขึ้นมาบน .NET Compact Framework 2.0 เป็นส่วนใหญ่ และสะดวกมาก ๆ เพราะสามารถสร้าง App บน Visual Studio 2005 Standard และ Visutal Studio 2008 Professional เป็นต้น (รุ่น Visual Studio Expression พัฒนา App บน Windows Mobile ไม่ได้ครับ T_T ) ด้วยเหตุนี้ทำให้การพัฒนา App บน Windows Mobile มีต้นทุนครับ เพราะต้องซื้อลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์สำหรับพัฒนา แต่ก็ยังมีทางเลือกเล็กน้อย ซึ่งใช้พลังงานเยอะกว่าปกติหน่อย แต่ประหยัดตามลิงค์นี้ครับ

Compiling .NET Compact Framework applications without Visual Studio

ลองไปอ่านดูครับ แต่ ….

อีกทางหนึ่งคือใช้ Visual Studio 2008 Professional Trial version ครับ ผมมีแผ่นที่ได้จาก BarCamp Bangkok Winter 2008 มาลง (ดีนะที่ผมเอามาและยังเก็บไว้) ก็เอามาลงแล้วตามด้วย Windows Mobile 6 Professional and Standard Software Development Kits Refresh และ ActiveSync 4.5 ครับ แค่นี้ก็ได้ครบ

เสร็จแล้วก็ลงทั้งหมดลงไล่ตั้งแต่ Visual Studio, SDL และ ActiveSync ครับ

เสร็จแล้วก็สร้าง Project ตามปกติเลย เลือก Device แล้วก็ SmartDevice Project 

ก็ได้หน้าตามแบบโทรศัพท์เลย คราวนี้ผมก็เขียน App อย่าง่าย ๆ แต่งานนี้ไม่เอา Hello World ;P คราวนี้ผมเอา App บวกเลข Integer ธรรมดาเนี่ยแหละ ง่ายดี

2008-08-11_225359

แล้วก็ลาก Object Control ลงไป

2008-08-11_225337

แล้วก็เขียนโค้ดลงไปตาม Syntax ของ VB.NET ที่ผมคุ้นเคย

เสร็จแล้วก็ build และทดสอบด้วย emulator บนเครื่องก่อน โดยรวมทำงาน ok

ขั้นต่อไปก็เอาลองใส่ใน HTC Pharos ของผม แล้วก็ทำงานตามภาพด้านล่างครับ บวกเลขได้ดั่งใจนึก ;P

P1080207

ทั้งหมดนี่ลง App บนเครื่อง ThinkPad R40 ตัวเก่าใช้เวลาทั้งหมดชั่วโมงกว่า -_-‘ แต่เขียน App ตัวนี้ 5 นาทีเสร็จ

โดยรวมเป็นการทดสอบว่า Syntax VB.NET ที่เราคุ้นเคยทำงานได้ไหม และลองดูว่า การเขียน App บน Windows Mobile นี่มันยากหรือเปล่า ลองเล่น ๆ ดู ถ้ามี idea เราคงได้เจอกัน ;P

แล้วเจอกันใหม่ครับ ;)

Express Editions มัน Free (แต่มีเงื่อนไข) จริงๆ นะ

เข้าไปดูส่วนของ Microsoft SQL Server 2005 Express Editions แล้วตกใจหมดเลยกับคำว่า Free !!! เป็นไปได้ไง

แต่อ่านไปอ่านมา ก็ถึงบางอ้อ?.. หรือหนองอ้อ ดีหว่า (หุๆๆๆ) เพราะว่ามันคือการเปลี่ยนชื่อของ Microsoft SQL Server Desktop Engine (MSDE) จากเดิมที่ Microsoft แบ่ง SQL Server ของตัวเองเป็นสองส่วนคือส่วน Commercial ที่ใช้ชื่อว่า Microsoft SQL Server กับ Free ที่เป็น Microsoft SQL Server Desktop Engine แต่ตอนนี้เพื่อไม่สับสน (หรือเปล่า) เลยให้มันชื่อเหมือนๆ กันซะเลย เลยเปลี่ยนชื่อ MSDE เป็น Microsoft SQL Server Express Editions แทนซะเลย

ว่า Microsoft SQL Server 2005 Express Editions ถึงแม้จะ Express Edition ก็ตามที แต่ก็คาดว่าน่าจะทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ดูๆ ไปแล้วคาดว่าทาง Microsoft คงเอามาสู้กับ Oracle Database 10g Express Edition ที่ Free ที่ได้เปิดตัว Beta ไปเมื่อเร็วๆ นี้เช่นกัน

แต่ขึ้นชื่อว่าของฟรีแล้ว มันก็มีข้อจำกัดในตัวของมัน Microsoft SQL Server 2005 Express Editions นั้นทำงานได้แค่ 1 CPU, RAM ไม่เกิน 1GB , ขนาดฐานข้อมูลไม่เกิน 4GB และไม่มีพวกสิ่งอำนวยความสะดวกพวก Analysis Services, Reporting Services, Data Transformation Services และ Notification Services เท่านั้นเอง แต่ถ้าอยากได้มากกว่านี้ก็ต้องใช้ของเสียเงินแทนหล่ะครับ ซึ่งถ้าดูๆ ไปก็เหมาะสำหรับคนที่ใช้เล็กๆ น้อยๆ, ธุรกิจขนาดเล็ก หรือนักพัฒนาระบบทั่วไปครับ

ต่อมาในส่วนของ Visual Studio Express Editions ที่แยกมาเป็น

Visual Basic 2005 Express Edition
Visual C# 2005 Express Edition
Visual C++ 2005 Express Edition
Visual J# 2005 Express Edition

แต่อันนี้ใช้ได้แค่ 1 ปีเท่านั้นหลังจากนั้นก็ซื้อมาใช้แล้วกันครับ คงไม่มีอะไรมาก แต่ว่าถ้าเอามาใช้ศึกษานี่เหมาะมาก หรือเอาไปเขียนซอฟต์แวร์ขายก็น่าจะ OK แต่ว่าติดที่คุณต้องลง Microsoft .NET Framework 2.0 ด้วย ซึ่งขนาดไม่แตกต่างกับ 1.1 หรือ 1.0 เท่าไหร่นัก

อย่างอื่นก็ลองอ่านเอาที่

Visual Studio Express : http://msdn.microsoft.com/vstudio/express/
SQL Server Express : http://msdn.microsoft.com/vstudio/express/sql/
Frequently Asked Questions : http://msdn.microsoft.com/vstudio/express/support/faq/default.aspx
Oracle Database 10g Express Edition : http://www.oracle.com/technology/products/database/xe/index.html

Update !!! 11/11/2005
เพิ่งได้รับความกระจ่างในเรื่องของ Visual Studio 2005 Express Edition ต่าง ๆ ของ Microsoft ในเรื่องนี้จากพี่เดฟ (ithilien_rp) โดยผมเข้าใจผิดไปนิดนึงในเรื่องของการใช้ฟรี 1 ปีแล้วหมดอายุนั้น “ไม่ใช่” ครับ

ขอปรับเปลี่ยนว่า การใช้งานนั้น “สามารถใช้ได้เท่าที่ต้องการไม่จำกัดระยะเวลา” แต่ที่จำกัดคือ “ระยะเวลาในการที่จะ Download ตัว Visual Studio 2005 Express Edtion มาเก็บไว้”

อ้างอิงจาก Frequently Asked Questions ใน Link ข้างต้นในข้อที่ 12 ที่ว่าไว้ว่า

You said “free for one year” ? what does that mean, exactly “Will you be charging for this later”

We originally announced pricing of Visual Studio Express at US$49. We are now offering Visual Studio Express for free, as a limited-in-time promotional offer, until November 6, 2006. Note that we are also offering SQL Server 2005 Express Edition as a free download, and that this offer is not limited to the same promotional pricing period as Visual Studio Express.

โดยที่ใจความสำคัญว่า “พวกเราตั้งราคาพื้นฐานของ Visual Studio Express ไว้ที่ 49$ แต่ในตอนนี้ Visual Studio Express นั้น Free โดยมีช่วง Promotion ถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2006 โดยที่ SQL Server 2005 Express Edition นั้นก็ Free เช่นกัน แต่ไม่ได้กำหนดเวลา Promotion เหมือนกับ Visual Studio Express”

Update !!! 12/11/2005
มีคนถามว่ามันเป็น Beta หรือเปล่า ก็บอกได้เลยว่า Visual Studio 2005 Express Edition ที่อยู่ในเว็บ มันเป็นตัว Full Version แล้วครับ ไม่ใช่ Beta หรือ Demo/Trial ครับ ซึ่งตอนนี้ผมกำลังโหลดอยู่เหมือนกันครับ

แต่เท่าที่คาดการณ์นะครับ ในเรื่อง Express Edition ที่ได้ฟังจากพี่เดฟ และความเห็นส่วนตัวนั้น เป็นการเปิดตัว Free Developer Tools สำหรับ .NET Platform ทั้งระบบครับ โดยภายใต้การทำ IDE จาก Microsoft แทน Third Party อื่นๆ เพราะว่าปีหน้า Vista กำลังมาครับ และ Vista เป็นการทำระบบทั้งหมดใน OS ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะ Avalon, WinFS, Indego และทั้งส่วนของ Base Operating System ด้วย โดยคาดการณ์ไว้ว่า Microsoft Windows Vista จะไม่สนับสนุน Win32 Library , VB Runtime Library 6.0 หรืออื่นๆ ก่อนหน้า .NET Platform ทั้งหมด หรือถ้าสนับสนุน ก็ผ่าน Emulator หรือ Run Time Virtual Machine ไปแทน ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพลดลงไป แต่ใช้งานได้ แต่ช้าหน่อย อย่าลืมนะครับว่า .NET มันมี 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ CLR (Common Language Runtime) กับ CLI (Common Language Infrastructure) ซึ่งทำให้คนที่พัฒนาซอฟต์แวร์ทำงานได้ง่าย และดีขึ้น รวมไปถึงถ้าใช้ C++.NET ในการพัฒนาแล้ว Compile เป็น Native Code แบบ .NET แล้วด้วยเนี่ย ทำให้เราใช้ Feature ใหม่ๆ ใน .NET รุ่นใหม่ๆ ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการทำ Express Edition ออกมาเป็นของเล่นของนักพัฒนาซอฟค์แวร์ได้ลองใช้ และปรับเปลี่ยนการใช้งานของตนเอง รวมไปถึง Recompile ตัว Software เดิมใหม่ด้วย เพื่อให้ Win32 Library , VB Runtime Library 6.0 หรืออื่นๆ ที่ตนเองได้ใช้อยู่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงตัวเองมาทำงานบน .NET แทน ซึ่งดูจากเวลาที่ออกก็มีเวลาในการปรับเปลี่ยนตรงนี้ประมาณเกือบ 1 ปีเห็นจะได้ครับ ซึ่งที่ทำแบบนี้เพราะต้องเอามารองรับการเปลี่ยนระบบ Base Operating System ใน Vista เองด้วย เพื่อให้การปรับเปลี่ยนนี้ราบรื่นขึ้น และมี Software ที่ทำงานได้ดีบน Vista ซึ่งบทเรียนนี้เกิดจากตอน XP ที่ออกมาไม่ได้ทำแบบนี้เลยทำให้ซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ทำงานไม่ค่อยได้ในตอนแรกนั้นเอง และรวมไปถึง Microsoft น่าจะทำออกมาแข่งกับ Java Platform ที่เพิ่งปล่อยพวก Enterprise IDE ออกมาให้ใช้ฟรีๆ แถมด้วยตลาด Database ที่ออก Oracle ที่ออก Express Edition ที่ยังเป็น Beta เช่นกัน โดยคราวนี้ Microsoft ปล่อยมา ยกระบบเลยทั้ง IDE และ DBMS ด้วย

แหม เล่นซะคนช็อคกันทั่วโลก ไม่อยากเชื่อว่า Microsoft จะสำกดคำว่า Free !!! ได้

Update !!! 13/11/2005
แต่ลองใช้งานแล้ว convert project เก่าจาก VB.NET 2003 มาใช้ใน 2005 ก็ไม่มีปัญหาใดๆ ตัว project ทำงานได้ปกติดี แต่ไม่รู้ว่าตัว project ที่ซับซ้อนมากๆ จะมีผลหรือเปล่า

ส่วนการ download มาแล้วทำการลง แนะนำว่าให้ทำการ register ด้วยจะดีมากครับ เพื่อเป็นการยืนยันลิขสิทธิ์ครับ กันไว้ก่อนดีกว่า

แต่ผมชอบมากเลยสำหรับ Learning Resources for Visual Basic Express เป็น VDO Review ครับ ทำได้ดีพอสมควรทีเดียว

http://msdn.microsoft.com/vstudio/express/vb/learning/default.aspx

เท่าที่ดูนี่ ผมว่างานนี้ Microsoft มาแปลก ๆ ดูทุ่มเท มากเลยงานนี้ ;)