รีวิวเล็กๆ กับ Nokia Lumia 920

จาก “Windows Phone 8 users report random reboots and battery issues”

http://www.theverge.com/2012/11/18/3660974/htc-8x-lumia-920-reboot-freezing-battery-issues

ก็เลยนิดนึง ขอรีวิวเล็กๆ สักหน่อยนึง

22405da2317411e2bf6922000a9f1404_7 
เตรียมพบกับ soshifanclub for Windows Phone 8 เร็วๆ นี้

ในฐานะที่ใช้ Nokia Lumia 920 จริงจังแทนเครื่องเก่า Oppo Find 3 มาได้เกือบๆ 4 วันแล้ว (WP8 vs Android 4.0 ICS)

ต้องตอบว่า เรื่อง Reboot ของ Nokia Lumia 920 ยังไม่เจอ ใช้งานมาหลายวันยังไม่โดนสักครั้ง ถ้าเป็น Oppo Find 3 (Android 4.0 ICS) ต้องเจอย่างน้อยวันละครั้ง ><"

ส่วน Battery Life จากที่ใช้มา ก็ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

1. ถ้าเปิดเล่นหนักๆ Lumia 920 ก็ประหยัดกว่า Oppo Find 3 ประมาณ 1-2 ชั่วโมงนะ แต่ต้องอย่าลืมว่าไอ้ตัวนี้จอมันใหญ่กว่า Oppo Find 3 ด้วย (แต่แบตมันก็จุเยอะกว่านี่หว่า ><")

2. ถ้าเปิด Lumia แบบ Standby วางไว้เฉยๆ อันนี้เห็นผลชัดเจนเลยว่า Lumia 920 มันกินแบตน้อยกว่า Oppo Find 3 แบบเทียบไม่ได้เลย Lumia 920 วางไว้เฉยๆ เปิด standby ไว้ แบตลดชั่วโมงละเกือบ ~1% แต่ถ้าเป็น Oppo Find 3 โน้นเลย 8-10% ><" (เปิด autosync/push ทุกๆ อย่างเหมือนกันแล้วนะ)

สำหรับเรื่องความร้อนของตัวเครื่อง Lumia 920 นั้นยอมรับว่าถ้าเปิด 3G ต่อไว้จะร้อนทีเดียว ถ้าเทียบกับ Oppo Find 3 แล้วก็น่าจะร้อนกว่าพอสมควร แต่ถ้าเปิด 2G และต่อ WiFi ก็ไม่ร้อนเท่าไหร่ อุ่นๆ

ระบบแผนที่นั้นดีมาก Nokia Maps และ Nokia Drive+ BETA ทำงานได้ดีมาก ชอบที่ Nokia Maps โหลด Offline Maps ได้แบบระบุประเทศได้เลย ไม่ต้องมาใช้ internet โหลด แต่ถ้าจะ direction เหมือนจะต้องค้นจาก internet เพื่อ update ข้อมูลบางส่วนมั้ง (ตรงนี้ยังไม่ชัวช์ ยังเล่นไม่หมด) แต่ Nokia Drive+ BETA เป็น Maps แบบ turn by turn ที่ให้มาดีมากๆ มีเสียงภาษาไทยด้วย

แถมเรื่องถ่ายรูปนั้นต้องบอกว่าสมดุลสีขาว (WB) ของ Lumia 920 นั้นเพี้ยนจริง ต้องออก FW/SW มาแก้ ไม่งั้นต้องมาตั้ง WB Manual เอา (ได้ฟิล DSLR มาก) แต่ระบบ IS ของกล้องนั้นเมพของจริง ใช้งานได้จริง ถ่ายรูปเห็นกว่าเบลอแน่ๆ คือมันสั่นนิดๆ แต่เปิดพรีวิวดู คมชัดไม่สั่นเบลอเลย เยี่ยมมากตรงนี้

ลองเล่น Internet 3G ของ TrueMove H ผ่าน Aircard กันบ้างดีกว่า

ผมได้ Aircard 3G+ ของ TrueMove H มาลองใช้จากทาง TrueMove H มาได้สัก 2-3 อาทิตย์แล้ว ได้ลองใช้งานในเขตพื้นที่หนาแน่นของประชากรที่ใช้งานอยู่ 2 แห่ง ลองเล่นทั้งเวลาทำงาน เวลาหลังเลิกงานและช่วงคนใช้น้อย แล้วลองทดสอบความเร็วดูด้วย

ต้องบอกก่อนว่า TrueMove H เป็น 3G 850Mhz ที่เป็น Reseller ของ CAT (ช่วงคลื่นทั้งหมด 15Mhz) ตอนนี้กำลังขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

เรื่องความเร็วของ 3G ลองอ่าน ความเร็วที่แท้จริงของ 3G ที่หลายคนอาจยังไม่รู้เวลาใช้งานจริง เสริมดูก่อนก็ได้เผื่อจะไม่เข้าใจเรื่องความเร็วที่ได้มาว่าทำไมถึงทดสอบในช่วงเวลาและสถานที่ที่แตกต่างกัน

สำหรับตัว Package ตัว Aircard 3G+ นั้นมีตัว Aircard และ SIM แบบเติมเงินมาให้ในกล่องเลย

IMG20121028150534 IMG20121028150602

ลักษณะของ Aircard นั้นมีคล้ายๆ กับ USB FlashDrive แบบเมื่อก่อน มีส่วนที่สไลด์สำหรับใส่ SIM อยู่ด้านใน

IMG20121028150316 IMG20121028150446

ขนาดของ Aircard เมื่อเสียบกับช่อง USB ก็ถือว่ากลางๆ อาจจะใหญ่สำหรับบางคนนะ

IMG20121028150241

เสียบเข้าช่อง USB ก็มี software ให้ติดตั้ง แล้วก็ไล่ลง driver ให้ตามปรกติเลย โดย driver ก็รองรับและใช้งานได้บน Windows 8 เช่นกัน
(ผมทดสอบบน Windows 7 และ Windows 8 ในการทดสอบครั้งนี้)

2012-10-25_163516

ตัว Aircard ตัวนี้ build-in WiFi มาให้เลย เพราะฉะนั้นก็สบายใจได้ว่าเอาไปใช้งานได้สำหรับเครื่อง Desktop ที่อาจจะไม่มี WiFi (หรือต้องการควบคุมการใช้งานผ่าน Aircard อีกที) แต่ส่วนตัวคิดว่า Notebook สมัยนี้คงไม่ค่อยมีปัญหาว่าไม่มี WiFi แล้วหล่ะ

สำหรับ function อื่นๆ ในส่วนของ software นั้นมีตัวควบคุมและสั่งงานสำหรับเติมเงินต่างๆ บนตัว software ได้เลย ทำให้สะดวกเวลาต้องการเติมเงิน ไม่ต้องถอดซิมมาใส่มือถือเพื่อเติมเงินแต่อย่างใด รวมไปถึงเมื่อเงินในซิมหมด (กรณีเป็นซิมเติมเงิน) ตัว TrueMove H จะ redirect ตัว browser ให้ไปหน้าสำหรับจ่ายเงินเพื่อซื้อเครดิตหรือเติมเงินเข้าตัวซิมให้ทันทีโดยไม่ต้องไปที่ร้านค้าเพื่อซื้อบัตรเติมเงินมาเติมแต่อย่างใด

2012-10-25_163523

ผลการทดสอบด้านความเร็ว

จากที่ได้บอกไปแล้วว่าตัว Aircard คงไม่ได้มีประเด็นสำคัญอะไรมาก เพราะความเร็วสูงสุดของ H/W ที่ทำได้นั้นคงทำได้แน่ๆ อยู่แล้ว แต่ความเร็วที่สำคัญกว่าคือความเร็วของเครือข่าย TrueMove H ที่ผมได้นำมาใช้มากกว่า

โดยความเร็วนั้นถ้าเครือข่ายที่อยู่ในพื้นที่ที่มีคนใช้งานเยอะ ก็จะได้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 200-1,500kbps โดยประมาณ การตอบสนองการเรียกข้อมูลประมาณ 60-100ms เห็นจะได้ โดยผมได้ทำการทดสอบอยู่ในช่วงเวลา 17:00 น. และ 21:00 น. เพราะทดสอบในใจกลางเมืองแถวสยาม-เพลินจิต

ต่อมาเป็นการทดสอบในแหล่งที่คนไม่หนาแน่นมากและช่วงเวลาต่างกันคือ 22:00 และ 03:30 น. ความเร็วในการใช้งานนั้นเพิ่มมากขึ้น โดยจะได้อยู่ที่ 500 –2,000kbps และพอมาในช่วง 03:30 น. ก็ได้ความเร็วที่ 3-4,000kbps ในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยมีคนใช้งาน ในพื้นที่แถวๆ อุดมสุขนั่นเอง

แต่ส่วนที่ผมประทับใจมากก็คือความเร็วในการตอบสนองการเรียกข้อมูล (latency) ที่ 50-150ms ซึ่งเราสามารถนำความเร็วในการตอบสนองต่ำขนาดนี้ไปใช้ในการโทรศัพท์ผ่าน VOIP หรือ VDO Call ได้เลยถ้าในพื้นที่ของเรามีคนใช้งานไม่หนาแน่นอนมากนัก หรือใช้ประโยชน์ในการดู TV Online ก็สามารถทำได้ลื่นไหลดีเช่นกัน

2012-10-25_164529 2012-10-25_165226 2012-10-25_170105 

จากข้อมูลโดยส่วนตัวของผมแล้วนั้น ตัว Aircard ของ TrueMove H นั้นมี software ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานซิม TrueMove H ที่ดีและมีประโยชน์มาก

โดยเมื่อมาพูดถึงเรื่องคุณสมบัติของตัวเครือข่ายนั้น ต้องบอกว่าอยู่บนพื้นฐานของความหนาแน่นของการใช้งานของลูกค้าในแต่ละบริเวณเป็นสำคัญครับ โดยพื้นที่ที่ผมทดสอบนั้นอยู่ในใจกลางเมืองย่านธุรกิจของกรุงเทพซึ่งก็ตอบสนองการใช้งานได้ในระดับที่น่าพอใจ และในช่วงเวลาที่คนใช้งานน้อยก็ทำงานได้ในความเร็วที่ดีมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเช่นกัน

Review: Lenovo ThinkPad X230

DSC_1863 DSC_1886

DSC_1874

ผมได้เครื่อง Lenovo ThinkPad X230 เครื่องนี้มาทดสอบผ่านทาง PR ของ Lenovo (Thailand) โดยเอามาใช้กันจุใจกว่าตอน ThinkPad X220 พอสมควร โดยได้ใช้งานอย่างเต็มที่เกือบๆ 3 อาทิตย์เลยทีเดียว ส่วนตัวแล้วแบกเอาไปใช้งานตามที่ต่างๆ อยู่บ้าง เอาไปออกทริปถ่ายรูปภาคสนามอยู่หลายครั้ง แน่นอนว่าก็แบกไปพร้อมๆ กับ ThinkPad T420 เครื่องที่ผมทำงานอยู่ด้วยเช่นกัน (รวมสองเครื่องก็เกือบๆ 4 กิโลกรัม) โดยใน ThinkPad X230 ตัวนี้นั้นมีบางส่วนที่แตกต่างจากเดิม และบางส่วนที่คงเดิม แต่สิ่งที่ยังสัมผัสได้อยู่คือ ความแน่นของงานประกอบของเครื่องในการจับถือที่ไม่มีอาการยวบจากแรงกดทั้งฝาหลังและที่วางมือบริเวณคีย์บอร์ดแต่อย่างใด และดูๆ จะบางลงเล็กน้อยด้วย โดยไม่มีตะขอเกี่ยวจอเหมือนเช่นเดียวกับ ThinkPad X220 ตัวเก่า ดูรวมๆ แทบจะเหมือนกับ ThinkPad X220 ก็ว่าได้

Read more

6 เดือนกับ Oppo Find 3 สับแหลก!

มารอบนี้เป็นเรื่องราวการใช้งาน Oppo Find 3 ในช่วงเกือบๆ 6 เดือนที่ผ่านมา

ต้องบอกก่อนว่า ผมซื้อเจ้า Oppo Find 3 ตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว (ไปซื้อเครื่องที่งานเปิดตัวเลย) แล้วจริงๆ ผมได้จับและเล่นเครื่องก่อนงานเปิดตัว (เพราะได้ลองเครื่อง demo/review) ส่วนตัวตอนนั้นกำลังเล็ง Sony Xperia S แต่กว่าของจะเข้า ของจะมา กว่าจะได้ซื้อนานมาก แล้วพอได้ลองเครื่องเจ้า Oppo Find 3 ผมก็ว่าโอเคนะ จอภาพสวยงาม ความเร็วของเครื่องก็เร็วดีมาก กล้องก็ถ่ายออกมาชัดดีด้วย หน่วยความจำที่ให้มาก็ถือว่าสมราคา แม้วัสดุฝาหลังจะดูแปลกๆ แต่โดยรวมแล้วตัวเครื่องนั้นงานประกอบดีมาก

DSC_8675 DSC_8676

DSC_8687 DSC_8693

ถ้าถามว่าจะให้ติส่วนไหน จริงๆ ต้องบอกว่าคงเป็นฝาหลัง แล้วก็ที่ปิด ช่อง microUSB ที่ดูจะลำบากมากเวลาจะใช้งานสักหน่อย (ผมใช้ไปสักพักรำคาญ เลยดึงออกมันซะเลย)

ซึ่งตอนซื้อผมได้แถมเคส ฟิล์มกันรอยหน้าจอ และแบตก้อนที่สอง มาด้วย คือใช้งานไปสักพักเลยเข้าใจเลยว่าแถมแบตก้อนที่สองนั้นสำคัญมาก เพราะแบตหมดเร็วพอสมควรเลย

สำหรับคุณภาพเสียงจากลำโพงที่ตัวเครื่องนั้นผมว่าทำได้ดีนะ เสียงที่ได้มีแบสออกมาเป็นลูกๆ เลย ดูใส่ใจ และให้ความสำคัญกับลำโพงที่เครื่องโทรศัพท์ดีครับ เปิดฟังเพลงแทนลำโพงตั้งโต๊ะก็พอไหวนะ

สำหรับเรื่องกล้องนั้นการถ่ายรูปทำได้ดีครับ หน่วงๆ บ้าง ก็พอเข้าใจได้ คงเอาไปสู้กับ Samsung Galaxy Nexus ที่ผมเคยได้ลองใช้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ห่างกันมาก การถ่าย HDR ทำได้ดีเลยแหละ

(ไฟล์รูป Original คลิ้กจากรูปได้เลย)

IMG20120727141114

IMG20120604180622 IMG20120418131556

IMG_20120907_204725 IMG_20120907_204840 (2)

IMG20120907132329 IMG20120805224049

IMG20120517190609 IMG20120826211311

IMG20120824063019

สำหรับสเปคคงหากันไม่ยากนะครับ

SCR_20120517_011853
คะแนน benchmark เครื่องที่ผมมีอยู่

ซึ่งจากที่ใช้มา ตัวเครื่องมันมี Storage อยู่ 3 ส่วน คือ Phone (2GB), Internal storage (16GB) และ microSD Card (ผมใส่ไป 16GB Class 10) จากที่ใช้มาก็ไม่ค่อยได้ใส่อะไรหนักๆ เท่าไหร่ (นอกจาก MV/VDO) แล้วเพลงก็ไม่ได้ใส่ เพราะมี iPod nano กับ iPod Touch ใช้งานแยกต่างหากอยู่แล้ว (ผมมักแยกในเรื่องนี้ เพราะจะได้ทำงานสะดวก และไม่ต้องพะวงเรื่องแต)

SCR_20120625_180825 SCR_20120625_180658

ตัว OS ตอนแรกที่ผมได้มานั้นเป็น Android 2.3.6 (Gingerbread) โดยเป็น version 3.05 (version ของ Oppo ที่เรียกลำดับของ ROM ตัวเอง) ช่วง 1-3 เดือนแรกของการใช้ Oppo Find 3 เป็นไปด้วยความยากลำบากในการใช้งานอยู่พอสมควร ด้วยความที่ ROM ของ Oppo Find 3 นั้นมีปัญหาในเรื่องของการจับสัญญาณ AIS และการติดต่อ Internet จน Connection overflow และทำให้เกิดปัญหาเครื่อง restart อยู่บ่อยครั้ง คือใช้ๆ อยู่ ถ้าเริ่มต่อ Internet ไม่ได้ แล้วดันทุรังใช้งานไป เครื่องจะ restart ทันที!!! ซึ่งเป็นบ่อยมาก วันนึงไม่ต่ำกว่า 10 รอบ (ผมเป็นคนใช้งาน Internet บ่อยมาก) หรือบางครั้งโทรศัพท์อยู่ ก็ดัน Restart ไปซะอย่างนั้น ทำให้การติดต่อสื่อสารเริ่มมีปัญหา ผมบ่นๆ ใน twitter ไปหลายรอบ จนทางทีมงาน Oppo Thai ติดต่อกลับมาเพื่อรับทราบปัญหาและแก้ไข ซึ่งส่วนตัวในตอนนั้นก็ประทับใจในการใส่ใจ จนเริ่มเสถียรตอน Android 2.3.6 version 3.15 ได้ ปัญหาเรื่องนี้ก็ไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งส่วนตัวก็ประทับใจ

จนทาง Oppo Thai ออก ROM ตัวใหม่ Android 4.0 (Ice Cream Sandwich) โดยเป็น version 4.03 (version ของ Oppo ที่เรียกลำดับของ ROM ตัวเอง) พออัพ ก็งานเข้าเลย เกิดอาการแฮงกระจาย และมีออก version 4.06 ออกมา ก็คิดว่าจะแก้ไขปัญหา ดันมีปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก งั้นผมลิสรายการปัญหาทั้งหมดเลยแล้วกัน ><”

  1. เครื่องแบตหมดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ 4-5 ชั่วโมงแบตเหลือ 20% (หรือต่ำกว่า) ทั้งๆ ที่ปิด 3G แล้วนะ
    (GPS และ AutoSync ก็ปิด แต่เหมือนตัว Bar ที่ใช้ในการปิดมันจะใช้งานได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะเห็นขึ้น AutoSync ขึ้นมาทั้งที่ปิดไปแล้ว)
  2. เครื่องร้อนกว่าปรกติ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เปิด Apps อะไรด้านหลังเยอะแยะ เกมก็ไม่มีสักเกม
  3. การใช้งานร่วมกับ Apps ที่เชื่อมต่อ Internet ตลอดเวลา หรือพวก Push ต่างๆ โดยเฉพาะ Apps ที่เกี่ยวกับ Chat ทั้งหมดถ้าลง ROM ใหม่ๆ จะโดน Apps ที่จัดการเรื่อง Security (บ้าบอสักตัว) มาคอยปิด Apps หรือ block การเชื่อมต่อไว้ ทำให้ไม่แจ้งเตือน ต้องไปตั้งค่าใน Security ให้ allow เป็นราย Apps ไป (ส่วนตัวผมปิดมันไปเลย) แล้วแบบนี้คนใช้งานทั่วไป ใครมันจะไปรู้ครับ
  4. การกดวางสายตอนโทรศัพท์ชอบค้างไปดื้อๆ ทำให้วางสายไม่ได้ หรือวางสายช้ากว่าที่ควรจะเป็น (กดวางแล้วไม่ยอมวาง บางครั้งต้องถอดแบตออกก็มีมาแล้ว)
  5. ระบบการแจ้งเตือน Data plan ที่ใช้เกิน (data exceed) ไม่มีที่ปิด หรือกำหนด!!! เหมือนมันหายไปตอน Android 4.0 และไม่มีที่ให้ปรับ หรือยกเลิกแจ้งเตือน
  6. เมื่อ restart เครื่อง ในส่วน Notification Bar บอกปิด 3G แต่สัญลักษณ์เชื่อมต่อคือ H หรือเชื่อมต่อ 3G อยู่ ต้องมาไล่ปิด-เปิดใหม่อีกรอบ
  7. Apps “Photos” ที่ให้มากับเครื่องนั้นโดยรวมดี แต่มีปัญหาในการที่มันไปวิ่ง scan หารูปใน directory ของระบบทุกๆ path/mount ของระบบเลย พวกลากเอาทั้ง cache image ของ Apps ต่างๆ มาด้วย ทำให้ใช้งานจริง ไม่ได้ เพราะรกและหาไฟล์รูปจริงๆ ที่มียากมากจนต้องใช้ ES File Explorer และ JustPictures มาใช้แทน
  8. Home Screen/Luncher ถ้าใช้ของตัวอื่นที่ไม่ใช่ของ Oppo จะมีปัญหาชอบ reset ตัวเอง และบางครั้งตอน restart เครื่อง กลับมา ก็จะ reset ไปใช้ของ Oppo (เครื่องมันความจำเสื่อมหรือไง)
  9. Icon ของ App ไร้รสนิยมมาก เป็นมาตั้งแต่ Android 2.3.6 ควรเปลี่ยนหรือทำให้มันเปลี่ยนได้ด้วย ผมรับไม่ได้ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ผมเปลี่ยน Home Screen และต้องมาโหลด Icon pack เสียเงินเพิ่มอีก
  10. ปัญหาเครื่อง restart/reset ตัวเองกลับมาอีกแล้ว รอบนี้ผมไม่ได้ใช้ AIS แต่เป็น dtac ซึ่งสัญญาณ Internet ดีกว่ามาก เพราะงั้นปัญหาเดิมไม่น่าใช่ วางๆ อยู่เฉยๆ มัน restart ไปดื้อๆ เลย หรือโทรศัพท์อยู่ดัน restart ตัวเอง (คุยงานอยู่ด้วยนะ) นี่ถ้าไอ้คนใช้คนนั้นมันกำลังทะเลาะกับสาว มันไม่โดนงอนตายเหรอว่าวางหูใส่ ><”
  11. อยู่ๆ ก็ เกิดอาการเล่นเพลงกระตุก (ไม่เคยเกิดขึ้นตอน Android 2.3.6)
  12. OTA มีเหมือนไม่มี ตอน Android 2.3.6 นั้นผมอัพผ่าน OTA และผ่านเว็บ มีให้โหลดแบบรู้สึกได้ถึงความใส่ใจ แต่ใน Android 4.0 ต้องเข้า ศ. ไปอัพเท่านั้น OTA ไร้การตอบรับ การดาวน์โหลดผ่านเว็บโดนถอดออก
  13. ใน Android 4.0 ในส่วนของ ROM นั้น Oppo Find 3 ไร้การสนันสนุนอย่างเห็นได้ชัด มีการออก ROM มาให้โหลด 2 ตัว ระยะห่างกันประมาณ 1 เดือน และรอบล่าสุดก็เงียบหายไปนานแล้ว (คิดว่าประมาณ 1 เดือนเกือบๆ 2 เดือน) ตอน Android 2.3.6 ออก ROM และแก้ไขปัญหาเกือบทุกอาทิตย์ มีการสนับสนุนที่ดีกว่าในตอนนี้มาก (ตอนนั้นประทับใจมาก) สรุปคือทิ้งคนใช้ Oppo Find 3 ที่เปิดตลาดคุณไปแล้วเหรอ เห็นออก ROM ตัว Oppo Finder รวดเร็วทันใจมาก ส่วนคนใช้ Oppo Find 3 นั่งมองแบบงงๆ นี่เราลูกเมียน้อยหรือไง
  14. การ root หรือ custom ROM ของ Oppo Find 3 มีคนเล่นน้อย เอกสารหายาก คนเริ่มขาย Find 3 ทิ้งกันเยอะ ส่วนตัวผมก็กำลังนั่งคิดว่าจะไปใช้ Pure Google อย่าง Samsung Galaxy Nexus หรือตัวอื่นๆ ที่เป็น Pure Google ที่รองรับ Android 4.1 (หรือ 4.2 ในอนาคต) เพราะรอไม่ไหวกับการสนับสนุนแบบตามมีตามเกิดแบบนี้ (เข้าไปดู Webboard ของ Officialได้คนใช้แนะนำและช่วยเหลือกันเองซะเยอะ)
  15. การอัพ ROM แต่ละครั้งต้อง wipe แบบ all และ erase cache/userdata ทิ้งทั้งหมด แล้วต้องมานั่งลง Apps ใหม่ นั่ง config ใหม่ตลอด (เสียเวลาไป 1 วัน) ตอน Android 2.3.6 ยังดีหน่อย มี patch ให้ แต่ตอน Android 4.0 ต้อง wipe แถมต้องมา erase cache/userdata เองก่อนลง ไม่งั้นจะเจอข้ออ้างว่าที่มันแฮงเพราะคุณไม่ erase cache/userdata ก่อนติดตั้งให่ แล้ว User ที่ไหนมันจะมานั่งทำ ผมเป็น Power User ยังเบื่อเลย ><”

เล่าไม่หมด เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน เยอะมาก ผมเฝ้ารอ ROM ตัวใหม่ของ Oppo Find 3 ที่แก้ไขปัญหา ผ่านเว็บ (ผมไม่มีเวลาไป ศ. หรอกนะ) ผมก็หวังว่าจะไม่หมดความอดทนไปใช้ยี่ห้ออื่นก่อนก็แล้วกันนะ

แกะกล่อง Blu-ray ของ JAPAN FIRST TOUR GIRLS’ GENERATION แบบ Hong Kong Version

นี่เป็นแผ่น Blu-ray แผ่นแรกในชีวิตผมเลยมั้งที่ตัดสินใจซื้อ ส่วนตัวแล้ว รอแผ่น JAPAN FIRST TOUR GIRLS’ GENERATION มานานพอสมควรแอบโหลดมาดูก่อน เพราะตั้งใจซื้ออยู่แล้ว ก็ได้แต่ฟินล่วงหน้าไปสักพัก ผมก็รอแผ่นตัว Blu-ray ในไทยว่าจะมีไหม คือที่ญี่ปุ่นน่ะมีแผ่น Blu-ray ออก ผมก็เฝ้ารอ ของแผ่นไทย สรุปออกมาแต่ DVD!!!

ความฟินของผมมันอยู่ระดับ 1080p ไปแล้วสำหรับคอนเกาหลี คือ ผมดู Live Perform กับ Music Video แบบ 1080i/720p มาตลอด จะให้มาซื้อ DVD ดูจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก คือคอนปีก่อนมันก็มีแต่ DVD ทั้งไทยทั้งเทศ มันก็พอโอเค เพราะมันหาซื้อไม่ได้ แต่ถ้ามันมีขายผมก็ซื้อ Blu-ray อยู่ดี

มารอบนี้ พอมีผมก็ตามหา แล้วไปเจอ JAPAN FIRST TOUR GIRLS’ GENERATION (Blu-ray)(Hong Kong Version) Blu-ray Region All ซึ่งเป็นแผ่นที่เฝ้ารอมานาน คลิ้กซื้อแบบไม่คิดเลย แน่นอนมีแผ่นของญี่ปุ่นด้วย แต่ว่ามันแพงกว่าแผ่นฮองกงเกือบเท่าตัว ก็เลยเอาตัวแผ่นฮองกงแทน (ถ้าซื้อแผ่นญี่ปุ่นของ Limited ดีกว่า แต่ว่ามันหมดแล้ว T_T)

IMG20120925234643

ผมก็ได้มาในเวลาไม่นาน ประมาณ 2 สัปดาห์เห็นจะได้ ในราคา 1,162 บาท ซึ่งรวมค่าส่งแล้ว (ผมหา coupon code มาลดค่าส่งนิดหน่อยด้วย ประหยัดไปได้พอสมควร)

IMG20120925234702

ตัวกล่องก็ทั่วๆ ไปพลาสติกขุ่น ตามปรกติของกล่อง Blu-ray

IMG20120925234846

ด้านในมี Booklet มาให้แผ่นเล็กๆ พร้อมแผ่น Blu-ray

IMG20120925234734

เป็น Booklet ที่มีรายชื่อเพลงและคนที่เกี่ยวข้องกับคอนเสิร์ต

IMG20120925234755

ไม่รอช้าด้วยความละเอียดระดับ 1080HD/59.94i ดูบนจอ Full HD 23” ผ่าน Samsung Blu-ray BD-C5500 ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้มานาน แต่มันไม่เคยได้อ่านแผ่น Blu-ray เลย พอได้ดูของจริงแล้วฟินมาก คมชัดจริงๆ

สรุป ได้เวลาถอยทีวี LED 42” แล้วซินะ!!!!