การเปลี่ยนจาก Dell Multimedia Desktop Keyboard มาเป็น Microsoft Wedge Mobile Keyboard

จากที่ลองใช้งานอยู่สักพัก สิ่งทีเจอคือ ความต่อเนื่องของการใช้งานระหว่าง Keyboard ของ Notebook กับ Keyboard ของ Desktop นั้นไม่ต่อเนื่องอย่างมาก

ความหมายคำว่า “การใช้ที่ต่อเนื่อง” ก็คือเราสามารถสลับไป-มาระหว่าง Desktop Keyboard และ Notebook Keyboard ได้โดยที่เรายังคงจะสามารถใช้ความเคยชินเดิมๆ ในการใช้งานโดยไม่สะดุดได้

แน่นอนว่าในส่วนของโซนตัวอักษรต่างๆ ที่ใช้พิมพ์ประจำไม่น่าใช่ปัญหา ทั้ง 3 ส่วนนั้นทำงานได้ดี แต่ส่วนที่ทำให้เกิดปัญหาในการใช้งานและลดความต่อเนื่องของการใช้ คือส่วนของ Esc, F1-F12 และ โซน Delete/Home/End ต่างหาก ซึ่งในส่วนตรงนี้ ในปัจจุบัน ถ้าเป็น Home User คงจะมีความรู้สึกว่ามันไม่ได้ใช้ประโยชน์และลดบทบาทลงไปเรื่อยๆ แน่นอนว่า Microsoft Wedge Mobile Keyboard  ถูกออกแบบมาให้ใช้กับ Tablet มากกว่า Desktop/Notebook เพราะฉะนั้น ส่วนของ F1-F12 จะถูก swap แทนที่ด้วย shortcut function ของ Windows 8 ทั้งหมด (เพิ่ม-ลด เสียง, เรียก charm bar เรียก pane ต่างๆ ใน charm bar ออกมา) ทำให้ถ้าต้องการใช้ F1-F12 บ่อยๆ ต้องกด Fn เพื่อเรียกใช้งานแทน (ผมหา function swap กลับไม่เจอ) แต่แน่นอนว่า ถึงแม้จะ swap ได้ แต่ Esc ก็จะถูกแทนที่ด้วย function shutdown/sleep แทน Ese อีกยังไม่รวม Home, End, Pgup,Pgdn อะไรพวกนี้ที่จะโดนแทนที่ด้วย F9-F12 แทน ><”

สรุป ถ้าเอา Microsoft Wedge Keyboard มาใช้ทำงานด้าน programming นี่ท่าทางจะสอบตกอย่างรุนแรงมาก และตอนนี้ก็เอา Dell Multimedia Desktop Keyboard  มาใช้แทนตามเดิมแล้ว ไม่งั้นชีวิตการทำงานดับสูญแน่ ><”

ถ้าเอา Microsoft Wedge Keyboard มาพิมพ์งานทั่วไปและบทความมันตอบโจทย์มาก แต่ถ้าเอามาใช้งานเพื่อทำงานด้าน programming และ config พวก network นี่สอบตกอย่างรุนแรงแบบแทบจะปาทิ้งเลย ><”

WP_20130110_003

DSC_1793

DSC_1920cc

DSC_7984

วิธีคิดส่วนตัวเวลาแนะนำสินค้าให้เพื่อนๆ

อันนี้เป็นความคิดเห็นที่ได้ตอบใน Facebook ส่วนตัว แต่คิดว่าเอามา Note ไว้สักหน่อยก็ดี อาจเอาไปปรับใช้กับคนอื่นๆ ได้ดีนะ

บางครั้งจะแนะนำสินค้าอะไรให้ใครใช้ บางครั้งก็ต้องรู้จักนิสัย ความรู้เชิงเทคนิคหรือวิธีใช้สินค้าตัวเก่าๆ ของเค้าก่อนว่าเค้ามีประสบการณ์อะไรมาบ้างก่อนแนะนำ ไม่งั้นมันทำตัวเหมือน Sale ขายของ แนะนำดะ ไร้การแนะนำที่ดีเหมาะสมกับชีวิตคนของที่เรากำลังแนะนำสินค้าไปให้นะ

บางคนผมก็แนะนำ iPhone, Macbook, Galaxy S3 หรืออย่าง Galaxy Note 2 คือบางครั้งบางคนเค้ามีวิธีคิดไม่เหมือนเรา ก็แนะนำไปตามความเหมาะ แม้หลายๆ ตัวที่แนะนำไปแล้ว ส่วนตัวจะด่าๆ อยู่บ่อยๆ ว่ามันห่วย มันไม่ดียังไง แต่นั้นมันอาจจะเป็นเครื่องที่เหมาะกับเค้าก็ได้ เพราะเรื่องที่เราบอกว่าห่วย มันไม่ดี มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เอามาตัดสินใจในการเลือกซื้อก็ได้ เช่นเค้าอาจจะไม่ได้ใช้คุณสมบัตินั้นๆ หรือเค้ายอมรับได้ในเรื่องนั้นๆ

พอ ได้ตัวเลือกให้เค้าแล้ว ผมก็ไล่ให้ไปจับที่ร้านต่อไป เพราะตัวหนังสือในกระดาษมันแค่ภาพที่วาดไว้ให้ดูดี มันต้องไปจับที่ร้าน ไปลองเล่นว่ายอมรับได้ไหมอีกรอบ เหมือนเป็นการเช็คความพร้อมก่อนลงมือซื้อใช้อย่างจริงจัง การซื้อสินค้าใดๆ อย่าซื้อเพราะความฉาบฉวย ลองให้ มาก เล่นให้เยอะ ดูรีวิวต่างๆ สักหน่อย ยิ่งเป็นวิดีโอได้ยิ่งดี เพราะเราจะเห็นส่วนที่มันเคลื่อนไหวในการใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ดูว่ามันใช้งานอย่างไร แล้วไปลองใช้ที่ร้านค้าใกล้ๆ บ้านลองเล่นดู ส่วนว่าจะซื้อที่ไหนมันอีกเรื่อง

ลองเล่น Go Live S1 จาก Truemove H 3G+

ได้ลองเอามาเล่นอยู่เดือนกว่าๆ ครับสำหรับตัวนี้ แน่นอนว่าเป็นโทรศัพท์ที่ทำตลาดราคาไม่แพงมาก ในระดับราคา 2,990 บาท โดยเป็นการทำราคาและเจาะตลาดสำหรับตลาด smart phone ราคาประหยัดที่พ่วงความเร็วระดับ 3G เข้ามา ทำให้การตัดสินใจซื้อนั้นไม่ยากจนเกินไปนัก

 WP_20121213_021 WP_20121213_018 

ในกล่องมีตัวโทรศัพท์และแบตเตอรี่มาให้อย่าง 1 รายการ ที่น่าสนใจคือให้ฝาหลังสีขาวมาเพิ่มให้อีก 1  ชิ้น (ที่ติดมากับเครื่องจะเป็นสีดำ) วันไหนเบื่อๆ ก็เปลี่ยนสลับไป-มาแก้เบื่อได้พอดีเช่นกัน

สำหรับสายชาร์จแบตเตอรี่มีให้ตามมาตรฐานทั่วไป ซึ่งเป็นแบบถอดสาย USB-microUSB เป็นสาย data ได้ด้วย (แยกชิ้นได้) แล้วยังมาพร้อมชุดหูฟังแบบ Small Talk ขนาด 3.5 มิลลิเมตร สำหรับไว้ฟังเพลงหรือคุยโทรศัพท์ 1 ชุด

โดยในด้านอุปกรณ์แล้วนั้น ซื้อชุดนี้ 1 ชุดก็เกือบจะไม่ต้องซื้อะไรเพิ่มเติมอีก

แน่นอนว่าราคาเริ่มต้นไม่แพง ทำออกมาเจาะกลุ่มคนที่มีงบไม่มากแต่มาพร้อมกับคู่มือ 2 แบบ (การใช้งานแบบละเอียดและแบบใช้งานด่วน) และใบรับประกัน (รวมเป็น 3 เล่ม) ที่ถือว่าละเอียดพอสมควรเลย เหมาะกับคนที่ยังใช้มือถือ smart phone แบบ Android  ไม่เป็นมาก่อน (แต่ยังไงก็ต้องอาศัยคู่มือเพิ่มเติมจากภายนอกอยู่ดีถ้าในระดับลึกๆ)

WP_20121213_002 WP_20121213_004

มาดูในด้านตัวเครื่องกันบ้าง ตัวเครื่องเป็นมาพร้อมกับ Android Gingerbread 2.3.6 ที่เป็น Android ระดับที่แม้จะดูเก่าแล้วในตลาด แต่ถ้าในมุมการใช้งานโดยทั่วไปแล้วนั้น ยังคงสามารถทำงานได้ดีในระดับที่ยอมรับได้อยู่ โดยถ้าใช้งานในเชิงการโทรศัพท์, บันทึกทั้งหมายเลขโทรศัพท์-นัดหมาย-ข้อความ รวมถึงจดบันทึกและรองรับ App ลงเพิ่มเติมได้ตามมาตรฐานของ smart phone ที่เป็น Android โดยทั่วไป

แต่ข้อสังเกตส่วนของการเพิ่มเติม App ลงไปนั้น อาจจะลำบากกับ App หนักๆ บางตัวที่เครื่องนี้ เพราะถึงแม้ว่าจะให้ CPU จาก Qualcomm (MSM7225A) Single Core ความเร็ว 1 GHz  ที่ดูแล้วก็แรงดีเกินราคา แต่อาจจะไม่รองรับเครื่องที่มี RAM น้อยเพียง 512MB และพื้นที่ Internal Storage เพียง 512MB อย่างเจ้าตัวนี้เท่าไหร่นัก

แต่แน่นอนว่าถึงแม้จะมี RAM และ Internet Storage เพียง 512MB แต่ก็มีช่องใส่การ์ดความจำ microSD อยู่ตรงมุมล่างซ้ายหลังฝาเครื่องมาให้ใส่เพิ่มเติมลงไปได้สำหรับรองรับการเก็บรูปภาพจากกล้อง หรือข้อมูลอื่นๆ ด้วย

WP_20121212_008 WP_20121212_010

สำหรับระบบเซ็นเซอร์นั้นมี ส่วนของตรวจจับความเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง หรือ Accelerometer สำหรับพลิกจอภาพไป-มา และระบบเปิด/ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนามาให้พร้อมในตัว

สำหรับระบบที่รองรับ App แผนที่อย่าง Google Maps ก็มี A-GPS มาให้ พร้อม Digital Compass ในตัว โดยส่วนตัวแล้วนั้น A-GPS อาจจะดูไม่เพียงพอสำหรับความต้องการในปัจจุบันของผู้ใช้งาน แต่ด้วยราคาระดับนี้อาจจะดูคาดหวังมากเกินไปที่จะได้ GPS แท้ๆ ใส่มาให้ ซึ่งถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง A-GPS ก็พอใช้งานได้ในสภาพการใช้งานที่เครือข่าย Truemove H นั้นมีข้อมูล cell site ส่ง A-GPS มาให้อยู่ได้แม่นยำพอสมควร

เครือข่ายที่รองรับนั้นก็มี GSM 850/900/1800/1900 MHz และ WCDMA 850 MHz แน่นอนว่ารองรับ Truemove H แน่นอนอยู่แล้ว

ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายอื่นๆ นั้นก็มี

  • WiFi 802.11 ที่รองรับทั้ง b, g และ n มาให้เลยในตัว แถมยังทำเป็นตัวระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบพกพา หรือ Portable Wi-Fi Hotspot ได้ด้วย
  • Bluetooth 2.1 ที่รองรับชุดหูฟังสเตอริโอ แบบ A2DP Bluetooth Stereo

สำหรับในส่วนของกล้องถ่ายรูปให้ความละเอียดมาที่ 5MP โดยมีขนาดภาพที่ 2592×1944, 1600×1200 และ 640×480 pixel รองรับการปรับแต่งภาพการรับแสดง –2 ถึง +2 EV มีโหมดสำเร็จรูปมาให้ 3 แบบ พร้อมทั้งซูมแบบ digital zoom ได้ 3 เท่า และยังสามารภเปิด-ปิดเสียงชัตเตอร์ได้  โดยการโฟกัสแบบ Fixed Focus

ในด้านของการถ่ายวิดีโอนั้นรองรับไฟล์ขนาด VGA ขนาด 352×288 และ 176×144 pixel รูปแบบไฟล์ .3gp

WP_20121213_013 WP_20121213_014

จอภาพนั้นให้มาที่ความละเอียด 320 x 480 pixel ที่มีความกว้าง 3.5” แบบ LCD TFT Capacitive Multi Touchscreen แน่นอนว่าถ้าใครเคยใช้จอละเอียดกว่านี้มาก่อนอาจจะหงุดหงิดไปเสียหน่อย แต่ถ้าไม่เคยใช้มาก่อน ส่วนตัวก็ถือว่าไม่ได้ดูแย่เกินไปนัก อาจจะไม่ใช่ IPS ที่สุดมีสีสันสวยงามเหมือนรุ่นสูงๆ เท่าไหร่นัก สำหรับการสัมผัสในการทัชตัวจอภาพและการตอบสนองนั้นยังไม่ไวเท่ารุ่นสูงๆ ราคาแพง ตรงนี้อาจต้องทำใจเสียหน่อย

ในด้านของแบตเตอรี่นั้นให้มามีความจุที่ 1,420 mAh ที่ค่อนข้างจะเยอะ สำหรับมือถือหน้าจอขนาดไม่ใหญ่แบบนี้ ทำให้การใช้งานข้ามวันต่อวันนั้นเป็นไปได้ง่ายมากๆ แต่อีกเหตุผลที่ส่วนตัวคิดว่าที่ให้มาเยอะก็เพราะเครือข่าย 3G นั้นกินแบตเตอรี่มากกว่าปรกติอยู่แล้วด้วยนั้นเอง

ทดสอบการตอบสนองการแสดงผล, การทัชตัวหน้าจอ และทดสอบ A-GPS บน Google Maps

สำหรับตัวเครื่องนั้นมาพร้อมกับ App ของ Truemove H อยู่มากมายหลายตัวนอกเหนือจากตัว App พื้นฐานของ Android ที่มีมาให้อยู่แล้ว และสามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จากใน Play Store จาก Google เอง

โดยตัว App ของ Truemove H นั้นจะขึ้นต้นด้วยตัว H ทั้งหมด เพื่อง่ายต่อการเรียกใช้และแยกแยะ

  • H News เป็น App ติดตามข่าวสารทั่วไป
  • H Skywatch เป็น App สำหรับติดตามข้อมูลพยากรณ์อากาศและแจ้งเตือนภัยพิบัติต่างๆ
  • H Kaset เป็น App ที่รวมข้อมูลและข่าวสารทางการเกษตรฯ ต่างๆ
  • H Sport เป็น App รวบรวมข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับกีฬา
  • H TV  เป็น App สำหรับดูทีวีแบบออนไลน์ทั้งช่อง Free TV และช่องอื่นๆจาก True บางส่วน
  • H Radio เป็น App สำหรับฟังวิทยุออนไลน์
  • H Music เป็น App สำหรับฟังเพลงออนไลน์ที่อัพเดตใหม่ทุกวัน
  • H Movie เป็น App สำหรับดูหนังฟรีแบบออนไลน์ผ่านมือถือ
  • H Play เป็น App รวบรวมข่าวสารกิจกรรมจาก TrueMove H
  • H Shopping เป็น App รวบรวมข้อมูลการช็อปปิ้งออนไลน์
  • H Mart เป็น App สำหรับใช้ซื้อ-ขายออนไลน์จากสมาชิกผู้ใช้งานของ Truemove H

จากตัวเครื่องที่ได้มาทดสอบกว่าเดือนที่ผ่านมานั้น ต้องบอกว่าเป็นเครื่องที่ถือว่าราคาไม่แพงและความคุ้มค่าอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ถือว่าแพงหรือถูกไป สำหรับคนที่ชอบและติดตามข้อมูลข่าวสารและใช้บริการของ True อยู่ก่อนแล้ว  App ที่ทาง Truemove H เตรียมไว้ให้ก็ทำให้การใช้บริการต่างๆ นั้นง่ายขึ้นและสะดวกขึ้น เป็นการเพิ่มความสะดวกมากขึ้นทีเดียว

8 เรื่องราวของ Windows 8

จาก เล่าสู่กันฟังกับการ upgrade จาก Windows 7 มา Windows 8 ก็ผ่านมาได้ประมาณ 40-50 วันได้แล้ว ส่วนตัวผมเป็นการ upgrade มาจาก Windows 7

แน่นอนว่าหลายคนคงพอทราบแล้วว่า Windows 8 มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ในตอนแรกที่จะนำเสนอคือส่วนของส่วนติดผู้ใช้จะเจอเสมอๆ หรือ User Interface นั้นเอง

ก่อนอื่นสิ่งที่หลายคนคงยังสับสนกับชื่อคือตัวหน้าตาหรือรูปแบบส่วนของ App (ขอใช้คำว่า App แทนคำว่า ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน) บน Windows 8 นั้นจะเรียกว่า  Windows 8 style UI (ชื่อเก่าถูกเรียกว่า Metro UI และ Modern UI ตามลำดับ) โดยใน Windows 8 นั้นมีอยู่ 2 รูปแบบในการแสดงผลคือ Windows 8 style UI ที่เป็นรูปแบบของ App แบบใหม่ และ Desktop mode ที่เป็นรูปแบบของ App ที่เราคุ้นเคยกันมาอย่างดีตั้งแต่ Windows 95 จนถึง Windows 7

มาวันนี้เลยอยากแนะนำว่าแต่ละส่วนที่เปลี่ยนแปลงมีอะไรบ้างกัน โดยส่วนที่ผมอยากแนะนำแบบจริงจังเพื่อให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น 8 อย่างด้วยกัน ได้แก่

  1. Start screen & Live Tile
  2. Windows 8 UI Control
    – Charm Bar
    – AppBar
    – Settings pane
    – App switching
  3. Pin to Start
  4. Desktop Mode
  5. Personalization
  6. Network pane
  7. Language preferences
  8. Multitasking & LifeCycle in Windows 8 Apps

Read more

Review: Nokia Lumia 920

รอบนี้มารีวิวมือถือเรือธงจาก Nokia ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกจับตามองอย่างมากจากผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้มือเก๋าว่าจะมากู้หน้าให้กับ Nokia และ Microsoft ได้แค่ไหนจากครั้ง Lumia 900/910 ที่ใช้ Windows Phone 7 ตัวเก่าที่ไม่ได้รุ่งอย่างที่คิด Nokia จากการส่งมือถือ Windows Phone 7 ออกมาช้ากว่าที่ควรจะเป็น หรือถ้าพูดง่ายๆ ว่ามาตอนตลาดวายไปแล้ว และเหมือนทาง Microsoft ก็ดูจะไม่ได้สนใจที่จะดูแล Windows Phone 7 ต่ออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะออก Windows Phone 7.5 และกำลังจะออก Windows Phone 7.8 เร็วๆ นี้ ซึ่งในตอนนั้นก็ดูจะเป็นช่วงเดียวกับที่ Nokia ออกพอดี ซึ่งผิดกับตอนที่ HTC ออก Windows Phone 7 ที่ดูจะโหมโฆษณาหนักกว่ามาก

มารอบนี้ Windows Phone 8 ทาง Nokia กลับเปิดตัวแรงและขายก่อน HTC เจ้าเก่าหรือผู้เล่นรายใหม่อย่าง Samsung ด้วยยอดขายและยอดจองที่ถือว่าทำได้ดีสำหรับตลาด Windows  Phone 8 ที่ถือว่าใหม่มากในตลาดตอนนี้ โดยครั้งนี้ Microsoft เปิดตัวเพื่อเข้ามาชนกับ Android 4.2 จาก Google และ iOS 6 จาก Apple ที่ออกมาก่อนหน้านี้ไม่นานนักอย่างดุเดือด

ต้องกล่าวในส่วนของ Windows Phone 8 ก่อนว่ามีรหัสพัฒนา (codename) ชื่อ Apollo เป็นมือถือรุ่นที่ใช้ NT kernel ซึ่งเป็น kernel ชนิดเดียวกับ Windows 2000 (NT 5.0), XP (NT 5.1), Vista (NT 6.0) และ 7 (NT 6.1) แต่ปรับปรุงให้เล็กลงมากๆ และได้ใช้ core component ระบบที่แชร์การพัฒนาร่วมกับ Windows 8 โดยเอามาแทนที่ Windows CE kernel ที่อยู่ใน Windows Mobile และ Windows Phone 7.x ที่ขายไปก่อนหน้านี้ โดยถ้าจะให้พูดง่ายๆ คือล้างไพ่ใหม่หมด โดยถ้ามองในภาพรวมแล้วถือว่าเสี่ยงมากในการกลับมาโดยไม่อิงกับระบบเดิมใดๆ เลย (แม้จะมี Apps เก่าๆ ทำงานได้อยู่บ้าง) แต่ถ้าในมุมของการเกิดใหม่และต้องการที่จะกลับมาใน Platform ที่ทรงพลังอย่าง NT kernel คงต้องทำ และยังเป็นวิธีคิดเดียวกับที่ Apple ทำ ก็คือ iOS ใช้ OS X kernel ตั้งแต่แรกเช่นเดียวกัน

DSC_3702

Read more