Review – Lenovo ThinkPad EDGE 11”

เป็นครั้งแรกที่ผมได้ใช้ ThinkPad EDGE Series อย่างจริงจัง ส่วนใหญ่จะจับๆ เล่นๆ ตาม Shop เสียมากกว่า แต่ครั้งนี้ผมได้นำมาใช้งานก่อนงานเปิดตัวในวันที่ 27 ตุลาคม 2553 ถึง 4 วันด้วยกัน

ท้าวความก่อนว่า Lenovo ได้เปิดตัว ThinkPad EDGE Series และ X100e (e ที่ผมคิดว่ามาจากคำว่า EDGE นั้นเอง) โดยเป็นการแบก Class ออกมาเป็น 2 ส่วนคือ EDGE Series และ Classic Series โดยที่ EDGE Series ออกมาเพื่อรองรับในกลุ่มตลาดธุรกิจที่เน้นความสดใส ออกแนววัยรุ่นมากกว่า Classic ที่หลายๆ คนมองว่าแก่และดูล้าสมัย (อันนี้ผมก็เฉยๆ นะ แต่ EDGE มันก็สวยไปอีกแบบ และไม่ได้มีแต่สีดำที่หลายๆ คนบอกเชย)

โดยใน ThinkPad EDGE 11” Type 0328-23U ตัวนี้แม้จะมีขนาดเล็ก เบา แต่ขุมพลังด้านในไม่ได้เล็กตาม และแน่นอนว่ามันไม่ใช่ Netbook แต่คือ Notebook ขนาดเล็ก

a5

โดย EDGE Series นั้นออกแบบมาโดยที่ไม่ได้เอาทุกความสามารถของ Classic Series มาทั้งหมด เนื่องจากคิดใหม่ทำใหม่ EDGE เน้นสวยและดูทันสมัยมากกว่า ไม่ได้อนุรักษ์นิยมแบบรุ่นพี่ซึ่งแน่นอนว่ามันมีแตกต่างหลักๆ คือ…

Read more

review – dtac aircard wave 102

ผมเพิ่งได้รับ aircard ตัวนี้มาได้ประมาณ 3 วัน โดยภาพรวมก่อนเลย สำหรับ aircard ตัวนี้นั้น จำหน่ายในแนวทาง “ราคาถูก เร็ว และรองรับ 3G 2100MHz” ราคาตั้งขายอยู่ที่ 1,290 บาท มาพร้อม Sim card ที่มีชั่วโมง Internet 20 ชั่วโมง โดยแบ่งให้ใช้ได้ 2 เดือน เดือนละ 10 ชั่วโมง

ภาพรวมตอนแรกที่ได้มานั้น ต้องหาก่อนว่า aircard ตัวนี้ OEM มาจากบริษัทอะไรตามธรรมเนียม ;P

เมื่อได้ลองสังเกตตอนติดตั้งแล้วเป็น aircard ที่ผลิตโดย ZTE Technologies แล้วลองหาข้อมูลลงไปแล้วมีความสามารถเดียวกับ ZTE MF626 ซึ่งคาดว่า OEM มาจากบริษัท ZTE Technologies แทนรุ่นก่อนหน้านี้ที่ dtac มักจะ OEM จาก Huawei อาจจะเพราะต้องการทำราคาให้ถูกที่สุดนั้นเอง

เมื่อ OEM จาก ZTE MF626 แน่นอนว่าเสปคเหมือนกันครับ

DSC_6393 

ได้มายังไม่ได้แกะเลยครับ

DSC_6395 DSC_6396 

กล่องบางกว่ารุ่น flip อยู่เกือบเท่าตัวเลยทีเดียว

DSC_6398

  • รองรับ 3G บนคลื่น HSDPA/HSUPA/UMTS 2100 MHz
    เพราะฉะนั้นใช้ได้แต่ย้านที่เป็นของ TOT และผมคิดว่า dtac คงต้องการปูทางสำหรับ 3G 2100MHz ในอนาคตแน่นอน
  • รองรับ GSM/GPRS/EDGE 850/900/1800/1900 MHz
    สามารถใช้ได้กับทุกค่ายทั้ง dtac, AIS, และ True
  • รองรับความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 3.6Mbps
  • รองรับความเร็วอัพโหลดสูงสุด 384Kbps
  • เชื่อมต่อแบบ USB
  • รองรับ Windows 2000, Windows XP(32/64bit), Vista(32/64bit), 7(32/64bit) และ MAC OS

DSC_6402

ทุกอย่างเดิมๆ แบบเดียวกับ flip ครับ ด้านในมือคู่มือเล่มบางๆ และ Sim Card ชุดนึง

DSC_6409 

DSC_6411 DSC_6412

รูปร่างนั้นคล้ายกับตัว DTAC aircard 3G รุ่นแรก (รูปด้านล่าง ซ้ายมือบน) และมีช่องสำหรับใส่ micro SD Card ได้

ซึ่่งไม่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ นัก ทำให้ aircard ตัวนี้เป็น Flash Drive ขนาดย่อมๆ ได้ไปในตัว

DSC_6425

ตัววัสดุนั้น ต้องบอกเลยว่ารุ่น flip และ 3G ดูแข็งแรงกว่า ตัวนี้เนื้อพสาสติกดูอ่อนตัวและบางกว่าพอสมควรเลย

DSC_6404 DSC_6405 

ถาดใส่ Sim card เป็นพสาสติก แตกต่างจากตัว 3G ที่เป็นแสตนเลส ส่วน flip เป็นแบบสอดเข้าไป

DSC_6406 DSC_6407

DSC_6408 DSC_6413 

DSC_6422 DSC_6426

สำหรับตัวซอฟต์แวร์ที่ให้มานั้น แตกต่างจากรุ่น flip และ 3G ครับ (ขนาดรุ่น  flip กับ 3G ยังใช้คนละตัวเลย)

ทำให้ในเครื่องผมตอนนี้มีซอฟต์แวร์จัดการ aircard ทั้ง 3 ตัว แต่ก็สามารถทำงานได้ โดยไม่มีปัญหา

2010-09-17_174447

หน้าตาหน้าเชื่อมต่อนั้นทำได้เรียบง่ายเช่นเดิม และเป็นภาษาไทยเช่นเดิม

2010-09-17_174519

จัดการข้อความ SMS ได้ผ่านตัวซอฟต์แวร์ได้เลย

2010-09-17_174528

แน่นอนว่าจัดการ SMS ได้ก็ต้องจัดการรายชื่อหมายเลขโทรศัพท์ได้เช่นกัน

2010-09-17_174538

หลายๆ คนอาจจะต้องการปรับแต่ค่าและเปลี่ยนแปลงค่าต่างๆ ส่วนเปล่ียนแปลงค่าก็มีให้มากขึ้นกว่าตัว flip

2010-09-17_174551

หน้านี้เป็นสว่นของการติดต่อกับบริการของ DTAC โดยมีแยกระหว่างแบบรายเดือนและแบบเติมเงิน

สรุปโดยภาพรวมแล้วเป็น aircard ที่นำเสนอให้กับลูกค้าในราคาไม่แพง โดยในตัวกล่องนั้นมาพร้อม Sim Card และโปรโมชั่นแถมมาให้อีก 2 เดือน ซึ่งราคาระดับนี้ในท้องตลาดก็มีตัวเลือกไม่มากนัก ที่รองรับ 3G 2100 MHz ครับ

สำหรับดัานความเร็วนั้น ผมไม่มี Sim 3G 2100 MHz (หาของ TOT ไม่เจอ หายไปไหนไม่รู้) เลยทดสอบได้แต่ EDGE นั้นก็ตามมาตรฐานของ DTAC โดยทั่วไปครับ อันนี้ผมก็ตอบไปได้เลยว่ารุ่นไหนก็ไม่ต่างกันแฮะ ต้องวัดกันที่ 3G ซึ่งเดี่ยวจะเทียบ 3 ตัวทีเดียวเลยครับ อดใจรอกัน ^^

สำหรับการจับสัญญานั้นตัว flip ทำได้ดีกว่าพอสมควรครับ (แน่อนเพราะเค้าออกแบบมาสำหรับการจับสัญญาที่ดีที่สุดอยู่แล้ว) แต่แม้จะรูปร่างใกล้ๆ กับตัว 3G ก็ยังด้อยกว่าตัว 3G นิดๆ อยู่ดี วัดจากตัวแสกลแสดงการรับสัญญาที่แตกต่างกันในพื้นที่เดียวกันครับ

“สะบายดี 2 ไม่มีคำตอบจากปากเซ” (สปอย 100%)

  • กลุ่มเป้าหมายของหนังน่าจะเป็น ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ !!!
  • ภาคนี้หนังดูเรื่อยๆ เช่นเคย น่าเสียดายคือภาพไม่สวยเหมือนภาคแรก แต่อยู่ในมาตรฐานที่ผมยอมรับได้
  • หนังไม่ค่อยพาเที่ยว พาสัมผัสวัฒนธรรม ขนมธรรมเนียมเหมือนภาคแรก
  • เรย์แสดงได้ดีไม่บกพร่องใดๆ แต่บทเรื่องนี้ไม่ค่อยส่งเท่าไหร่ ก็เลยได้มาแค่นี้
  • สะบายดี 2 เหมาะกับคนชอบหนังโรแมนติก สบายๆ ง่ายๆ ไม่ติดหรูหรา ยิ้มได้ตลอดเรื่อง ถ้าใครชอบความรักแบบสังคมเมืองที่มีแต่ความหวือหวา ก็ไม่แนะนำ
  • ภาคนี้ คำลี่ ไม่ได้ถูกสร้างให้เป็นตัวแทนของแม่หญิงลาว ที่ต้องเรียบร้อย งดงาม อ่อนช้อย พูดเพราะ ไม่มีจริต เหมือนสอนไพรวัลย์ ในภาคแรก และสอนไพรวัลย์ในภาคแรก คือภาพของผู้หญิงในอุดมคติของหนุ่มไทยส่วนใหญ่ ซึ่งหาแทบไม่ได้ในยุคปัจจุบัน ซึ่งมันตรงกับจริตของชายหนุ่มคนไทย ทำให้สอนไพรวัลย์ภาคนี้ จับต้องได้และไม่สูงเกินเอื้อม และแน่นอนว่ามันคือภาพคล้ายกับผู้หญิงที่หนุ่มไทยส่วนใหญ่เจอะเจอในทุกวันนี้!!!
  • ภาคนี้บทของ เรย์ ทำให้ภาพผู้ชายไทยสำหรับแม่หญิงลาวอ่อนด้อยลงไปเยอะ!!! เพราะจากที่อนันดา ทำไว้ซะหรูงานนี้เหมือนสาวลาวสวนกลับความทะเล้นของหนุ่มไทยเข้าอย่างจัง ภาคนี้ทำให้ เรย์ คือภาพตายตัวของหนุ่มหรือผู้ชายไทยที่เค้าพบเจอเสมอๆ สำหรับสาวลาวจริงๆ แต่อนันดา ไม่ใช่เลย อนันดา คือภาพสร้างที่แทบจะหาไม่เจอ
  • ดูๆ ไปภาพของคู่พระนางจะสลับกันระหว่างสองภาคแฮะ … ภาคต่อไปคาดว่าจะลงตัว!!! คงจะเป็นหนุ่มเรียบร้อยกับสาวเรียบร้อย หรืออาจจะได้เจอหนุ่มและสาวที่ทันกัน (แบบกวน มึน โฮ!!!) อืมมม น่าสนใจมากๆ
  • แน่นอนครับ ภาคนี้อย่างที่บอก ภาพหนุ่มไทยต่อสาวลาว เป็นคน "ไม่เต็ม" ไปซะแล้ว
  • เป็นหนังที่ดูแล้วมีความสุข มีความเชื่อมโยงกับภาคแรกได้อย่างเนียนๆ มีหลายฉากที่นำไปสู่ภาคแรกได้อย่างมีเหตุผล
  • มีลูกเล่นลูกฮาที่สะอาดสะอ้านไม่หยาบคาย แต่ทำให้หัวเราะได้…. เหมาะกับทุกวัยเลย หนังเรื่องนี้
  • ถ้าไม่ได้ดูภาคแรก ดูภาคสองก็ไม่งง แต่พอดูภาคนี้จบ คุณคงอยากหาภาคแรกมาดูต่อเลย เพราะมันเชื่อมกัน ^^
  • ถ้าดูภาคนี้แล้วจะรู้เลยว่าทำไมผู้กำกับถึงใส่บทในภาคแรกให้เด็กมันเตือนอนันดาว่าไม่ให้เมา
  • ทั้งสองภาค (อาจหมายรวมถึงภาค 3) ที่ไม่ต้องมีบทเลิฟซีนก็ทำให้รู้สึกว่านางเอกกับพระเอกรักกันได้ มีฉากเดียวมั้งที่นางเอก-พระเอกสัมผัสแขนนางเอกแค่ 3 วินาที!!!
  • อยากไปหาคำตอบบ้างจัง ^^
  • และแน่นอน ภาคนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ!!! แล้วเจอกันกับ "สะบายดี วันวิวาห์"

ดูหนัง "กวน มึน โฮ" วิเคราะห์กันอย่างกับดู "อินเซปชั่น" (สปอย 100%)

ก่อนอื่นผมแนะนำว่าใครดูกวนมึนโฮแล้วผมแนะนำให้ซื้อการ์ตูนกวนมึนโฮมาอ่านเสริมด้วย ไม่งั้นไม่ครบสูตรครับ เพราะคลายปมในหนังหลายอย่างเลยหล่ะ

ต่อจากนี้คือประเด็น และที่ผมลงรวบรวมมาจาก tweet ที่ผม tweet ใน twitter มารวบรวมไว้เพื่อสรุปอีกครั้งนึง อาจจะตรงไม่ตรงบ้าง บางอันก็เป็นความคิดเห็นคนอื่น (จำไม่ได้แล้วว่าเอาจากไหน)

  • ลองนึกดูสิว่าตอนแรกที่เริ่มจีบกัน ทุกคนต่างประดิษฐ์ตัวเองให้สวยหรูที่สุด นานเท่าไหร่กว่าคุณผู้หญิงทั้งหลายจะยอมให้คุณผู้ชาย เห็นหน้าแบบไม่ make up หรือ เห็นพฤติกรรมส่วนตัวแบบ เช่น นั่งแคะขี้มูก!!! หรือผู้ชายเองก็เถอะ นานเท่าไหร่ กว่าจะยอมให้ผู้หญิงเห็นด้านแย่ๆ ของตัวเอง จะกี่ปีที่คบกัน ถ้าต่างฝ่ายต่างยังมีการประดิษฐ์อยู่ ผมว่ามันก็เทียบกันไม่ได้กับ 1 อาทิตย์ที่คบกันด้วยสันดานจริงๆ
  • ในหนังนี่ตกลงผู้ชายเฮงซวยจริง ??? แต่บางทีผู้หญิงก็ชอบคนเลว !!!!
  • ในชีวิตจริง ผู้หญิงอย่างก้อยมีเยอะมาก คบแฟนมาหลายปี ไม่ว่าจะมีข้อเสีย เข้ากันไม่ได้ ไม่เข้าใจ ก็จะคบ แม้ ใคร ๆ จะบอกยังไงก็ไม่ฟัง ไม่เปิดใจ ฉันจะคบ มีคนใหม่ ๆ เข้ามาก็ไม่ดูไม่แลไม่หันเห ทะเลาะกันนึกว่าจะเลิก ก็กลับมาคบนายกร๊วกคนเดิมต่อ เพื่อน ๆ พากันละเหี่ยใจกับความรักแบบนี้ "มันสุขจริง ๆ เหรอแก" สารพัดจะอ้างเหตุผลเพื่อจะคบกับผู้ชายที่เข้ากันไม่ได้แต่ฉันยังรักต่อไป
  • เห็นมาเยอะแล้ว ตอนรักกันบอกว่า รักอยู่เหนือเหตุผล รักไม่ต้องการเวลา พอตอนเลิกกัน เหตุผล ต่างๆ มาเพียบ จัดเต็ม!!!
  • การ ไม่รับโทรศัพท์มันอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในเวลาเราเหงาหรือสิ้นหวังสุดๆ ในเวลาที่เราต้องการเค้ากลับไม่อยู่ตรงนั้น มันสะเทือนใจเหมือนกัน พูด ตรงๆ กวน มึน โฮ เนี่ย ชะตากรรมของก้อยเกิดจากการไม่รับโทรศัพท์ รับโทรศัพท์ซะก็จบ ใครยังรักใครอยู่ แล้วคิดจะไม่รับโทรศัพท์เค้า ก็คิดดูดีๆ
  • คนที่ดูเหมือนจะโชคร้ายจริงๆ น่าจะเป็นเมย์มากกว่า ที่โดนทิ้งสองรอบ ในต่างบ้านต่างเมือง ต่างภาษา ไม่มีใครให้ระบาย จะมีอะไรที่แย่กว่านี้อีก??
  • มันตลกร้ายและเป็นความบังเอิญอย่างร้ายกาจในหลายเรื่อง ด่างเองก็คงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ความรู้สึกมันคงชัดตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่คงเพราะโปสการ์ด
  • เวลาที่มันเนิ่นนาน มันไม่จำเป็นเสมอไป ว่าเราจะเข้าใจกันมากขึ้น มันอาจจะออกห่างมากขึ้นก็ได้และตัวแปรที่ทำให้ห่าง มันก็มีเยอะ! และการที่เราไม่สามารถให้ความสุขและความสมหวังในเรื่องต่างๆ ได้ให้กับแฟนคนนึงได้ตะหาก ที่น่าเสียใจ
  • รักกันนานขนาดไหนก็ตามถ้าคุณไม่สำรวจเลยว่าคุณไม่เคยเข้าใจซึ่งกันและกันเลย สุดท้ายมันก็จะจบลงไปตามกาลเวลาเท่านั้นเอง และถ้าเค้าบอกเลิกคุณแล้วไปคบกับอีกคนหนึ่ง ไม่มีใครผิด แค่มีคนเสียใจเท่านั้นเอง
  • สิ่งที่ก้อยต้องการในชีวิตทั้งหมดนั้น เธอสามารถหามาได้เองอยู่แล้ว ในแพลนชีวิตทั้งหมดของเธอ ไม่จำเป็นต้องมีเราอยู่เลย บ้านที่เธอต้องการสร้าง ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากเรา เธอแค่สร้างมันขึ้นมา แล้วก็เอาเราไปวางไว้ในนั้น คน อย่างเรา … ที่วันๆ เอาแต่ทำให้เธอ ต้องเหนื่อย ต้องอดทน .. จะมีคุณสมบัติไปอยู่ในนั้นได้อย่างไร .. (บางส่วนจากหนังสือการ์ตูน กวน มึน โฮ)
  • "กูจะแรดแล้วโว้ย" (ญ พูด) กับ "กูจะเหี้ยแล้วโว้ย" (ช พูด) ใครจะแพ้ใครจะชนะ คาดว่า แรดชนะเพราะ เหี้ยคงโดนเหยียบไส้แตก!!!
  • ผู้หญิง อยากแต่งงานมากขนาดที่ไม่สนใจว่าผู้ชายยังไม่พร้อม ขนาดยอมเลิกกับผู้ชายที่ตัวเองรักมากที่สุด เพียงเพราะว่าเขายังไม่พร้อมที่จะแต่งงาน?!
  • ผู้หญิง มักคิดว่าหน้าที่ของผู้ชายคือต้องง้อให้ถึงที่สุด ว่าผู้ชายมันก็มีขีดจำกัด เมื่อง้อถึงจุดหนึ่งแล้วไม่มีผล ผู้ชายทั้งโลกมันจะเลือกใคร
  • ผู้หญิง ชอบถามลองใจ…พอคำตอบไม่ถูกใจก็มางอนเราทุกที ทั้งๆ ที่บางครั้ง ที่ถามเป็นแค่เรื่องสมมติ แต่จริงจังกับคำตอบเหมือนกับมันเกิดขึ้นจริงๆ
  • "ในร้านอาหาร มีใครรู้จักมึงหรือป่าว ในแท็กซี่ เค้ารู้จักเมิงมั้ย บอกรักไปเลย อย่ากลัวและอย่าอาย" คุ้นๆ เหมือนในหนังเรื่องนึง!!!
  • จีบสาวกำลังหวานแล้วไปจ๊ะเอ๋กับแฟนหล่อนโดยที่เรายังไม่รู้มาก่อนว่าเธอมีแฟน แล้ว และหล่อนก็แนะนำเรากับแฟนหล่อนว่า "พี่ชาย" อ้ากกกกก!!!
  • "กูจะแรดแล้วโว้ยย" ประโยคนี้โดนใจมากกกกกกกกกก
  • แต่ผมฟันธงว่าสุดท้าย พระเอกยังลังเลไม่รู้จะเลือกใครระหว่างพี่อ้อยหรือพี่ฉอด แน่นอน
  • กวน มึนโฮ นี่น่าจะใช้เพลง ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ นะ แต่พอดีว่ามีเรื่องอื่นเอาไปใช้แล้ว น่าเสียดายๆๆ เอะ แต่ค่ายเดียวกัน น่าจะพอได้อยู่ อิๆๆ
  • ผู้หญิงชอบพูดว่าไม่มีอะไร ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ว่ามี …
  • แปดปีไม่มีค่าอะไร จะเลิกมันก็เลิก แต่งงาน ไม่มีค่าอะไร จะเลิกมันก็เลิก มีลูก ก็ไม่มีค่าอะไร จะเลิกมันก็เลิก ฯลฯ ก็คนมันจะเลิกอ่ะคุณ
  • การที่งอน ก็เหมือนจับตัวเองกับความสัมพันธ์เป็นตัวประกัน คนบางคนเขามีกฎ ไม่เจรจากับผู้ก่อการร้ายจับตัวประกันครับ :P
  • สุดท้ายแล้ว “รักต้องการเวลา” อย่างน้อยก็เพื่อจะแสดงว่าเราไม่ได้คิดไปกันเอง? via @lewcpe
  • เฮิร์ตเหรอจร๊าาาาาาาา
  • จะมีประโยคนึงที่กระชากอารมณ์ได้ดีที่สุด ไม่แพ้  “ไม่กินผักทำไมไม่บอก” ใน Seasons Change นั้นคือ “พอเถอะ คุณไม่สงสารฉันเหรอ”

ประสบการณ์ในการใช้ dtac aircard flip 158

ผมได้รับแอร์การ์ดได้สัก 2 อาทิตย์แล้วครับ และได้ทดสอบลองใช้งานจริง มาได้ประมาณอาทิตย์กว่าๆ ในลักษณะการใช้งานในชีวิตประจำวัน เมื่อเทียบกับ dtac aircard ตัวเก่า (รุ่นเก่าผมได้จากตอน dtac 3G ครับ) โดยการทดสอบนี้ผมทดสอบบนระบบ 3G ทั้งสองรุ่นเลย ส่วน EDGE นั้นผมทดสอบบน dtac aircard flip 158 เท่านั้น เพราะตัวแอร์การ์ด dtac 3G มันล็อคให้ใช้แต่ sim 3G เท่านั้น

โดยในรุ่นใหม่นี้ dtac ชูจุดเด่นที่ เสาอากาศของการ์ดแบบ RX Diversity ซึ่งมีลักษณะเป็นตัวช่วยเสาอากาศหลักของตัวการ์ด (Main Antenna) ลักษณะการทำงานคือ เมื่อ Main Antenna รับสัญญาณได้น้อยลง Rx Diversity Antenna จะทำงาน และรับสัญญาณใน radiation patterns ที่แตกต่างกัน เพื่อให้สามารถรับสัญญาณได้ชัดเจนมากขึ้น หรือเรียกว่ามีเสาอากาศสำหรับรับสัญญาณอยู่ 2 ตัวในการ์ดเดียวนั้นเอง

จากความรู้สึกในการใช้งานในพื้นที่เดียวกัน โดยเปรียบเทียบแล้วพบว่าในพื้นที่ที่มีสัญญาณอ่อนนั้นตัว flip 158 รับสัญญาณได้ดีขึ้นอยู่พอสมควร ซึ่งผมไม่ได้ใช้เครื่องมือวัดใดๆ ครับสังเกตจากกราฟรับสัญญาณเท่านั้นที่แตกต่างกันประมาณ 1-2 ระดับ) จาซอฟต์แวร์ dtac aircard ตัวเดียวกัน

ส่วนในเรื่องของความเร็ว Internet นั้นก็แตกต่างกันไม่มากนัก เพราะในเรื่องของ Wireless Connection นั้นความเร็วมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ signal ที่ส่งมาที่ตัว aircard เป็นหลักซึ่งถ้าสัญญาณ์มาเต็มก็จะได้ความเร็ว Internet เร็วไปด้วย ซึ่งความเร็วของ Internet ของ dtac นั้นมีความเสถียรในการใช้งานดีอยู่แล้วเป็นส่วนใหญ่ครับ อาจจะมีบางพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่น ตรงนี้คงต้องทำใจสักหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับโหลดข้อมูลไม่ได้เลย แต่ก็จะเหมือนแชร์ๆ ช่องสัญญาณใช้กันไปมากกว่า

การ flip ของตัวแอร์การ์ดนั้นทำได้ในมุมที่โดยทั่วไปแล้ว USB ของ Notebook จัดวางไว้คือแนวนอน สำหรับ Notebook เครื่องใดให้เป็นแนวตั้งมาอาจจะต้องทำใจสักหน่อยถ้า Notebook ของท่านบางกว่าตัวแอร์การ์ดครับ อาจจำเป็นต้องหาสายตัวเพิ่ม ออกมาแบบเดียวกับรุ่นเก่า ซึ่งผมคิดว่าการทำ flip ก็เพื่อลบข้อด้อยตรงการยื่นและการหามุมรับสัญญาณได้หลากลายมากขึ้น แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขเรื่อง USB แบบแนวตั้งที่ยังใช้งานได้ไม่สะดวกนัก ซึ่งถ้าตรง USB port ที่ต่อเข้ากับเครื่อง Notebook นั้นสามารถหมุนได้ด้วยจะไม่ทำให้เป็นอุปสรรคในเรื่องนี้เลย

ส่วนที่เหมือนกับตัวเก่าคือมี slot สำหรับใส่ micro SD ครับ ตรงนี้ผมคิดว่ามีประโยชน์มากสำหรับคนใช้ smartphone ที่ใช้ micro SD เป็นสื่อในการเก็บข้อมูล ทำให้ไม่ต้องพกตัว Card Reader (ที่อาจจะต้องหา SD to Micro SD Adapter) ไปไหนมาในไหนตัวนั้นเอง

DSC_1099 DSC_1093

DSC_1103 

รูปแบบกล่องนั้นยังไม่แตกต่างจากตัวรุ่นเก่าที่วางขายตาม Shop ครับ (แต่แตกต่างจากของ dtac 3G แน่นอน)

DSC_1091

รองรับ 3G ที่ระดับความเร็วไม่เกิน 3.6 Mbps ครับ ซึ่งก็เพียงพอสำหรับใช้งานอยู่แล้ว (แต่ dtac ยังไม่เปิด dtac 3G ให้คนทั่วไปใช้ก็คงมีไว้เผื่อๆ เท่านั้น)

แถมท้ายด้วยโดยการ์ดตัวนี้แท้จริงคือ HUAWEI E158 (อ้างอิง http://www.blognone.com/news/17199) ซึ่งสามารถทำงานได้ดีบน Ubuntu Linux ด้วย

DSC_1107

DSC_1108 DSC_1109

ลักษณะการใส่ตัว Sim card ที่ไม่เหมือนรุ่นเดิมครับ

DSC_3185

เปรียบเทียบขนาดของ dtac aircard flip 158 กับ dtac aircard 3G จะเห็นว่าโครงสร้างคล้ายๆ กัน

DSC_1126

เมื่อเสียบเข้ากับเครื่องก็จะสาพับเสาขึ้นมาแบบนี้เพื่อเอียงรับสัญญาณได้หลากหลายมากขึ้น

สำหรับหลายๆ คนคงกังวลว่า อ้าว! แล้วไม่มี CD มาให้เหรอ ก็บอกเลยว่าตัว dtac aircard ทั้งรุ่นเก่าและใหม่ นั้นมีความจุที่เป็น Flash Drive แบบ internal มาให้ 32MB ครับ โดยด้านในใส่ Software/Driver มาให้พร้อมแล้ว โดยเป็นความจุนอกเหนือจากของที่ได้ใน slot ของ micro SD

เรามาดูกันว่าตัวซอฟต์แวร์รุ่นเก่าและใหม่หน้าตาแตกต่างกันอย่างไร

image

dtac aircard software รุ่นเก่า

image_3

dtac aircard software รุ่นใหม่

ตัวโปรแกรม dtac 3G aircard เทียบกับ dtac aircard จะเห็นว่ามีปุ่ม Services เพิ่มขึ้นมาสำหรับ dtac และ Happy ครับ ซึ่งอันนี้ในรุ่น dtac aircard รุ่นเก่าน่าจะมี (ผมอ้างอิงจากตัวซอฟต์แวร์ของ 3G เป็นหลัก) จะเป็นว่ามีส่วนของ Services เพื่อใช้สำหรับเติมเงิน รับ/ส่ง SMS และตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ได้เลยโดยไม่ต้องพึ่งพาโทรศัพท์แต่อย่างใดครับ

สำหรับท่านใดที่สนใจทาง dtac แจ้งมาว่า

  • รับประกันสินค้านานถึง 1 ปี 
  • สามารถเปลี่ยนคืนสินค้าใหม่ได้ภายใน  30 วัน 
  • โดยตัวสินค้ามาพร้อมซิมดีแทค
    – ดีแทคแบบรายเดือนราคา 2,990 บาท มาพร้อมชั่วโมงอินเทอร์เน็ตถึง 300 ชม. (ใช้ได้ 100 ชม./เดือน นาน 3 เดือน)
    – แฮปปี้แบบเติมเงินราคา 2,700 บาท มาพร้อมชั่วโมงอินเทอร์เน็ตถึง 60 ชม. (ใช้ได้ 20 ชม./เดือน นาน 3 เดือน)
  • dtac aircard รุ่นใหม่นี้ มีจำหน่ายที่สำนักงานบริการลูกค้า ดีแทคเซ็นเตอร์ และร้านค้า IT ชั้นนำทั่วประเทศ
  • สอบถามเพิ่มเติมโทร. 1678 dtac call center