เอารูปจากกล้องมือถือไปพิมพ์ลงกระดาษขนาดจัมโบ้ (4 x 6 นิ้ว) ต้องใช้ไฟล์ขนาดกี่ MP?

เจอคำถามว่า “เอารูปจากกล้องมือถือไปพิมพ์ลงกระดาษขนาดจัมโบ้ (4 x 6 นิ้ว) ต้องใช้ไฟล์ขนาดกี่ MP?”

คิดง่ายๆ ครับ

ปรกติการพิมพ์ภาพใช้ความละเอียดที่ 300 dpi เสียเป็นส่วนใหญ่ (คิดง่ายๆ ก่อน มันมีเรื่อง viewing distance ด้วย แต่คงไม่ใช่ที่ขนาดจัมโบ้)

คิดง่ายๆ ก็คือ (4″ x 300dpi) x (6″ x 300dpi)
= 1200 pixel x 1800 pixel
= 2,160,000 pixels
หรือ 2MP โดยประมาณ

ภาพจากกล้องมือถือเอาไปพิมพ์ไฟล์ตั้งแต่ 2MP จะพิมพ์ลงกระดาษ 4×6 นิ้ว ได้สบายๆ แต่จะคมสวยเท่า compact ไหมนั้นอีกเรื่อง (ข้อจำกัดด้าน sensor, lens ฯลฯ)

แต่สมัยนี้กล้องมือถือรุ่นสูงๆ ก็ 8MP กันเป็นส่วนใหญ่ จะส่งไปไฟล์ใหญ่ๆ ก็ได้นะ เดี่ยวร้านพิมพ์เค้าจัดการ scale down/sharpen ให้เอง หรือทำเองก็ได้แล้วแต่สะดวก แต่ทำเองก็ดีอย่าง เพราะทำ scale down/sharpen แล้วรู้เลยว่ามัน sharp แรงไปหรือเปล่า

วิธีเก็บไฟล์รูปภาพให้อยู่กับเรานานๆ

โดยรวมผมจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือไฟล์ภาพแบบ JPEG/RAW File ที่ไม่ได้แต่งใดๆ จะเก็บตาม ปี/เดือน/วัน แล้วไล่ลำดับ Folder ไปเรื่อยๆ ตามวันที่ของไฟล์นั้นๆ (ตามรูปซ้ายล่าง)

สำหรับไฟล์รูปที่แต่งเรียบร้อยแล้ว ก็จะจัดเก็บตามแนวการถ่ายและหรือชื่อที่ทำให้เราจำได้ง่าย ใน Folder นี้ผมจะเปิด Indexing Services ไปด้วยเผื่อต้องการเรียงตามวันที่ก็ใช้ Windows Search จัดการเอา ส่วนจัดการ tag ก็ใช้ metadata จัดการค้นเอาจาก Index ของ Windows Search เอาก็ได้ แต่ปรกติมันจะช้า (นานๆ ใช้ที) ก็ใช้ตาม Folder ค้นจากชื่อที่เราจัดไว้เร็วกว่า ซึ่งเป็นข้อดีของการจัดไฟล์ไว้เป็นระบบไม่ต้องใช้ Search ช่วยในบางเรื่อง แถมเร็วกว่าถ้าเรารู้ตำแหน่งแน่นอน (ตามรูปด้านขวาล่าง)

2011-04-20_164740 2011-04-20_165320

ลำดับต่อมาเมื่อเราแบ่งได้แล้วว่าส่วนไหนใช้ทำงานอย่างเดียว และส่วนไหนใช้เก็บ (นานๆ ครั้งนำมาใช้หรือดู)

แต่แน่นอนเมื่อรูปเยอะขึ้นเราต้องแบ่งเพิ่มเติมขึ้นมาอีกว่าส่วนไหนทำอะไรบ้าง

  1. รูปที่ใช้ทำงานในปัจจุบัน
  2. ทำงานบ้างและต้องพกติดตัวไป
  3. ไม่พกไปไหนมาไหนแต่ยังต้องใช้ทำงาน
  4. เก็บไฟล์ไว้เมื่อส่งงานลูกค้าจบแล้ว
  5. ไฟล์ภาพส่วนตัวในความทรงจำต่างๆ ของเราเอง

จาก 5 ส่วนด้านบน จะมี HDD อยู่ 4 ตัวที่เกี่ยวข้อง

2011-11-22_222914

  • HDD – D: SATA Internal (100GB) สำหรับเก็บไฟล์ภาพที่ทำงานปัจจุบัน
  • HDD – E: SATA Ultrabay (250GB) สำหรับเก็บไฟล์ภาพที่ยังไม่ได้ใช้ทำงานแต่ต้องพกไปไหนมาไหนตลอดเผื่อต้องใช้
  • HDD – H: e-SATA (1TB) สำหรับเก็บไฟล์ภาพที่ทำงานอยู่ หรือไม่ได้ทำงานแล้วและไม่ได้ยุ่งเกี่ยวตลอดเวลา เช่นรูปที่ส่งลูกค้าไปแล้ว รูปที่แต่งแล้วและเก็บเป็น Porfolio ไว้
  • HDD – I : USB 2.0 (1TB) สำหรับเก็บไฟล์ภาพทั้งหมดจาก HDD D:, E: และ H: สำหรับ Backups เผื่อ HDD ทั้ง 3 ตัวด้านบนเสียหาย

โดยที่เราใช้การ Sync ผ่าน SyncToy แล้วตั้ง Pairs เป็น Synchronize ทั้งหมด

image

ไฟล์รูปทั้งหมดที่เก็บก็จะอยู่ในการดูแลตลอดเวลา

ดูจำนวนรูปและพื้นที่เก็บตั้งแต่ถ่ายรูปมา (ปี 2546 โน้นเลย) ไม่เคยทำรูปหายเพราะ Backup ตลอด ทำให้ทุกรูปยังอยู่ครบ ^^

2011-12-15_011658

การตกแต่งภาพ

ผู้หญิงทุกคนสวยโดยธรรมชาติ การตกแต่งคือทำให้ผู้หญิงนั้นดูเป็นคนมีสุขภาพดี อะไรที่ไม่มีมาตอนกำเนิดก็ลบออก อะไรที่ควรมีตามวัยควรให้มี…แต่ความที่ไม่เข้าใจของคนแต่งภาพคือ เอารูปคนแก่ 80 ปี ลบรอยเหี่ยวย่นออก มันก็เลยดูว่าไป รพ. ยันฮี มา หรือแต่งให้ผิวเนียนจนเหมือนกับว่าไม่เปียกน้ำ ก็ดูแล้วไม่ธรรมชาติเหมือนกัน

อ้างอิงจากพี่ขจร ที่นำคำพูดของอาจารย์โชติ

Work Flow ในการแต่งรูปหลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้วของผม (ฉบับแต่ภาพผู้หญิง)

อันนี้เน้นถ่ายรูปสาวๆ ก่อนนะครับ ;P

  1. เอาการ์ดออกจากกล้องก็ Import เข้า Adobe Photoshop Lightroom ทันที
  2. ปรับ Library ตามวันที่ที่ถ่ายรูป ถ้างานไม่เร่งก็ใส่ Metadata ต่างๆ เพื่อสะดวกต่อการค้นหา
  3. เลือกรูปที่ต้องการจะ Post-Process ทั้งหมดโดยใช้ Flag Color แบ่งตามประเภท แล้วตามด้วย Star สำหรับลำดับการงานก่อนหลัง
  4. แล้วก็ไล่ดูว่าภาพไหนเบลอ ภาพไหนไม่ชัด หลุดโฟกัสก็ลบออกไปตามความเหมาะสมอีกทีหนึ่ง
  5. พอ ได้ลำดับการทำงานแล้วก็ไล่ปรับ Picture Control (Camera Profile) เป็น Portrait ให้ Skin Tone ออกชมพูนิดๆ ดูสวยงาม อาจจะไม่ทุกรูป ดูตามความเหมาะสม ไล่ไปทีละภาพค่อยๆ ดู
  6. ระหว่างปรับ Picture Control ก็เช็ค WB ด้วยว่ามัน ok ไหม
  7. แล้ว จัดการดึง Exposure และ Curve เพื่อเพิ่มกราฟของ Histogram ไปด้านบวกพยายามให้ High Key ตามความเหมาะสมเพื่อให้ผิวสาวๆ ดูชมพูและออกนวลๆ มากขึ้น
  8. ข้อควรคำนึงคือสาวๆ ต่อให้แต่งหน้าเก่งแค่ไหนก็ไม่เนียนครับ ยิ่งถ่ายภาพใช้เลนส์ Macro ให้ใช้ Adjustment Brush แล้วใช้ Clarity เกลี่ยผิวอีกทีเพื่อให้เนียนขึ้น เสร็จแล้วค่อยเพิ่ม exposure หรืออื่นๆ ตามความเหมาะสม
  9. พอ Process RAW จบทุกภาพที่ทำ Flah/Star แล้วทำการ Export เป็น TIFF/JPEG (แล้วแต่งาน) ด้วย Preset ที่ตั้งไว้ โดยผมใช้ ICC เป็น sRGB ทุกขั้ยตอน
  10. เปิด ภาพบน GIMP แล้วใช้ Heal ลบริ้วรอยและสิ้วออกไปให้หมดและเกลี่ยอีกที ส่วนอื่นๆ ก็เล็กๆน้อยๆ หาเอาเช่นทำตาให้เป็นประกายหรืออะไรพวกนี้อีกทีนึง
  11. ดู ว่าภาพจำเป็นต้องทำ High Pass Filter, USM หรือ Soft Skin อะไรพวกนี้หรือเปล่าอีกทีนึง แต่ปรกติแล้วถ่ายด้วยเลนส์อย่าง Macro 60mm F2.8D ก็แทบจะไม่ต้องใช้เลย แถมคมจัดอีก -_-‘ ไล่เกลี่ยผิวกันสนุกเลยทีเดียว

ข้อควรระวังในการใช้ Clarity

  1. อย่าใช้ Clarity ในบริเวณที่ไม่เหมาะสม เช่นบริเวณคิ้วเพราะคิ้วอาจจะบางลงให้ Erase ออก และบริเวณที่ไม่เกี่ยวกับผิวเช่นดวงตา ฯลฯ ออกด้วย เดี่ยวจะไม่สวย
  2. Clarity ใช้มากไปหน้าจะพสาสติกไม่เป็นธรรมชาติ เอาพอประมาณเกลี่ยให้เนียนพอประมาณ ส่วนอื่นๆ แล้วค่อยมาใช้ Heal ลบใน GIMP จะชัวช์กว่า

หลักการณ์ Retouch หน้าสาวๆ ของผมคือทำให้สาวๆ เค้าหน้าเนียนที่สุดแต่ยังดูเป็นธรรมชาติเท่าที่จะทำได้ ผมจะไม่ใช้พวก plugin พวกทำหน้าเนียนแบบหว่านทีเดียว 5-20 รูป จะค่อยๆ ทำทีละรูป ไม่งั้นมันไม่ค่อยสวย ดูไม่ใส่ใจเท่าไหร่
ซึ่งข้อควรจำในการ Retouch ภาพคือ zoom 100% – 200% ซะ !!! เพราะเราจะเห็นรายละเอียดชัดและเกลี่ยได้อย่างสวยงามที่สุดเท่าที่จะทำได้
โปรแกรมที่ใช้ใน Workflow ตอนนี้

  1. Adobe Photoshop Lightroom ใช้เป็น Library และ RAW Process
  2. GIMP ใช้เป็น Retouch Process
  3. XnView เป็นโปรแกรมสำหรับทำ Batch Process และ Save for Web

* กำลังเก็บเงินซื้อ Adobe Photoshop Lightroom อยู่ใกล้เป็นความจริงแล้วววววว ส่วน Adobe Photoshop คงไม่จำเป็น GIMP มันเพียงพอแล้วสำหรับงานพวกนี้อยู่แล้ว ถ้าหาเงินได้จากการถ่ายภาพค่อยคิดอีกทีนึง

อันนี้เป็นประสบการณ์ใน การ Retouch ภาพของผมในช่วง 2-3 เดือนผมปรับปรุงกระบวนการต่างๆ มาตลอดทุกๆ ครั้งที่ผมโพสอัลบั้มใหม่ๆ ขึ้นใน Multiply เพื่อผลของภาพที่ดีขึ้น จะดูได้จากผลงานแรกๆ ที่ผมนำขึ้น Multiply และผลงานล่าสุดที่นำขึ้นจะเห็นความแตกต่างในการทำงานส่วนนี้ครับ

เมื่อ ทำการ Process ภาพจบแล้วไฟล์ทุกไฟล์จะถูกทำ Daily Backup ทุกวันตอน 23:55น. และไฟล์ภาพทั้งหมดจะ Duplicate/Mirror Backup อยู่ใน HDD อยู่ 2 ตัวกันพลาดอีกทีนึง ;P

จาก http://fordantitrust.multiply.com/journal/item/19/19

กำลังบ้าถ่ายรูปครับ

ไม่มีอะไรแค่จะมาบอกว่าตอนนี้ผมบ้าถ่ายรูป อยากติดตามผลงานเข้าไปได้ที่ Photo Blog ผมที่ http://fordantitrust.multiply.com/ ได้ครับ

ส่วนที่นี่ก็พยายามจะ update เรื่อยๆ เมื่อเวลาอำนวยหลังจากนั่งทำงาน และนั่งแต่งรูปแล้ว (จะเหลือเวลาไหมเนี่ย –_-‘)

ตอนนี้ใช้ Nikon D80 อยู่ครับ ส่วนอื่นๆ ก็

  • Nikon MB-D80
  • Nikon Speedlight SB-900
  • Nikon AF-S DX Nikkor 18-135mm F/3.5-5.6G IF-ED
  • Nikon AF Micro Nikkor 60mm F/2.8D
  • Nikon AF ED Nikkor 80-200 F2.8D

ติดตามผลงานได้เรื่อยๆ ที่ http://fordantitrust.multiply.com/ ครับ สำหรับภาพถ่าย ;P

DSC_3984 DSC_4539 
DSC_4423 DSC_4220

DSC_1914

DSC_2915 DSC_3830

DSC_2786 DSC_3273