เริ่มใช้ OpenOffice น้อยลงเรื่อย ๆ

ไม่รู้ว่าเป็นอะไรช่วงนี้ใช้ OpenOffice น้อยลงมาก ๆ ตั้งแต่มี version 2.2 เป็นต้นมา อย่างแรกคงเป็นเรื่องของภาษาไทยที่นับวันมันจะมีปัญหามากขึ้น version 2.2 ระบบ spellcheck ตรวจสอบคำผิดไม่ถูกต้องเท่าไหร่ คำใดก็ตามที่มีสระและวรรณยุกต์อยู่ มันก็จะแจ้งว่าผิด ทั้ง ๆ ที่มันไม่ผิด อันนี้ยังพอรับได้ รำคาญนิด ๆ ก็แค่ไป disable มัน แต่พอมา version 2.3 นี่หนักกว่าเก่าอีก แดงเถือกทั้งหน้า แถมใช้สักพักแฮงคาตาวันเดียว 30 กว่ารอบ (restart ก็แล้ว และลงใหม่ก็แล้ว) อันนี้รับไม่ได้อย่างรุนแรง ตอนแรกนึกว่า config ของเรามีปัญหาเลยล้าง profile config ใหม่ ก็ไม่หาย สรุปลบออกในทันที กลับไปใช้ 2.2 แทน

แต่ 2.2 มันก็มีปัญหาต่อมา ว่าแฮงง่ายมาก ๆ แต่ก็ยังน้อยกว่า 2.3 เยอะพอสมควรและแถมมันแฮงง่ายกว่า Word 2007 อีก -_-‘ ไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน เสียการเสียงานเพราะ OpenOffice มา 6 ครั้งแล้ว เพราะนั่งกู้ไฟที่ทำไม่ได้เนี่ย ตอนนี้เลยจำยอมใช้ Word 2007 ไปก่อน

ผมรู้สึกว่า version 2.1 นี่ดีสุดสำหรับผมแล้วหล่ะมั้ง ทำงานไม่เคยมีปัญหาเลย version หลัง ๆ นี่กระจุยกระจาย (ทุกครั้งที่ install ลงใหม่ผมลบ profile config ออกเสมอ)

2007-09-18_153419

ลืมบอกไปว่าเครื่องผม C2D 1.66 และ RAM 2GB (Windows XP Pro OEM Thinkpad) ครับ ;)

Project Doucument กับ OpenOffice.org 2 Beta

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเอางานที่เกี่ยวกับการชี้เป็นชี้ตายมาฝูกติดกับฝั่ง OpenSource ทีเดียว

ซึ่งสำหรับ OpenOffice.org 2 Beta Writer นั้น ในที่สุดทุกอย่างก็ OK ในด้านการทำงาน แต่ไม่เสถียรภาพบางส่วน -_-”

ในด้านการตอบสนองต่างๆ ในด้าน Feature ที่เอามาทำงาน Document นั้นถือว่าครอบคลุมและทำงานได้ค่อยข้างครบ แต่คงน้อยกว่า Microsoft Word 2003 พอสมควร แต่การทำทั้ง Index และการทำ Caption ต่างๆ ก็มีมาให้ครบ แต่ดีกว่านิดๆ ตรงที่ Export เป็น PDF ได้เลย และตัว Color Management ใช้ได้ สี่ไม่เพี้ยนเมื่อ Export ออกมา

ในส่วนการ Format Profile นั้นทำได้ OK แต่ก็มีผิดพลาดพอสมควรนิดๆ ในงานด้านนี้ (อ้าวยังไงหว่าตู T_T) แต่พอรับได้แก้ไขสักพักก็ OK

และสุดท้ายเสถียรภาพยังคงทิ้งห่างจาก Microsoft Word พอสมควรทีเดียว แต่ดีตรงที่ Recovery Document ทำงานได้ดีเลยรอดไป เพราะว่าทำงานไปๆ มาๆ แฮงไปซะงั้น ทำให้งานเสร็จช้ากว่ากำหนดไป 30% ทีเดียว (ทำให้เรานอนเช้าแทนที่จะแค่นอนดึก T_T) เซงๆ เลยตรงส่วนนี้ แต่ผมคงไม่โทษใครเพราะว่ามันเป็น Beta Version มันคงแฮงๆ กันบ้าง แต่ถ้ามัน Release แล้วคงไม่แฮง ง่าย ๆ แบบนี้นะ ขอร้องเถอะ (ไม่อยากนอนเช้า)

ทำให้ตอนทำ Presentation File ต้องเปลี่ยนมาใช้ Microsoft Powerpoint 2003 แทน -_-”

เพราะว่า Impress จากที่ใช้มายิ่งกว่า Writer อีก แฮงกระจายกว่าเยอะ

หรือว่าเป็นที่การ config และ turning ระบบ Operating System ผมไม่ดี แต่คงไม่มั้ง ตัว OpenSource Software อื่นๆ ก็ทำงาน Work ดี รวมถึงตัวอื่นๆ ด้วย -_-”

แต่เอาเหอะ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ส่งไป Defent แล้วผ่านผมก็ถือว่า ok แล้วหล่ะ

Bill Gates มาอะไรๆ ก็คงเหมือนเดิม

เนคเทคตอกรัฐบาล จับมือไมโครซอฟท์ “คิดสั้น”

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9480000087782

ปัญหา OSs ในไทยมันไม่ใช่ว่า Micro$oft (เล็กนิ่ม) จะมา หรือจะไป ถึงตา Bill จะมาไทยทุกอาทิตย์ ยังไง .Net มันก็ต้องได้เกิด จริงๆ มันเกิดมานานแล้ว แต่ไม่มีคนรู้ ไม่เป็นข่าวมากกว่า การมาครั้งนี้เหมือนเป็นการโปรโมตรและตอกย้ำว่า ICT จะใช้ระบบ จาก เล็กนิ่ม แน่นอน อ้าวว ถ้าไม่เชื่อไปดูทุกโครงการ ICT มี เล็กนิ่ม ตลอด

มันแค่ปรากฎการเล็กๆ ในเรื่อง นำซอฟต์แวร์ของเล็กนิ่มมาใช้ในวงการราชการอยู่แล้ว หลาย ๆ ประเทศก็ใช้ ไม่แปลก

แต่ปัญหามันอยู่ที่ “เงิน” ในสภาพเศษฐกิจไทยในตอนนี้ เราต้องการเงินลงทุนครับ ไม่รู้เพื่อเพิ่มการลงทุนของ เล็กนิ่ม ในไทย หรือเพิ่มรายจ่าย ให้กับเล็กนิ่มกันแน่ ผมก็ยังไม่แน่ใจ ต้องดูกันยาวๆ ในตัวหุ้นของเล็กนิ่ม ที่ลงทุนในไทย

เข้าเรื่องปัญหาของ OSs กันก่อนดีกว่า จริงๆ เคยเขียนใน webblog ไว้แล้ว แต่ไม่รู้ว่ามีใครไปอ่านหรือเปล่า T_T

ในเรื่อง OSs ในไทยไม่โต มันเกิดจาก การ support ครับ อย่าลืมว่าซื้อซอฟต์แวร์มา ไม่มีการ support คำตอบคือ จบ ไม่ซื้อ จริงๆ ถ้า GUI สวย แต่คนใช้งานมันไม่ได้เหมือนกันทุกคน ยังไงก็ต้องมีความไม่เข้าใจใน GUI ครับ เปิด Help คู่มือต่างๆ หรือใน Web Support แล้วคำตอบไม่เคลียร์ก็จบครับ

เหมือนซื้อของครับไม่มีประกัน หรือตอบปัญหาการใช้งาน ก็แทบจะไม่มีคนซื้อครับ ซึ่ง OSs ในไทยยังห่างชั้นกับ OSs ในต่างประเทศเยอะในเรื่องนี้ครับ ส่วนมากตอบคำถามกันในแบบ techical term ครับ คือศัพท์ต่างๆ แบบผู้ใช้ฟังแล้ว ต้องเปิด dictionary แปล แล้วต่อด้วย dictionary computer อีกรอบ ยังไม่เข้าใจเลย คือถ้าตอบแบบผู้ใช้เข้าใจง่าย มีคู่มือที่ทันสมัย ผมว่ารุ่งครับ แล้วก็อีกเรื่องคือ หนังสือ หรือคู่มือใช้งาน OSs ในไทย ไม่มีสำนักพิมพ์ไหนกล้าพิมพ์มากนักครับ ที่พิมพ์ๆ มาก็มีน้อยครับ ไม่เป็นตัวเลือกที่ดี หรือเขียนแบบแปลจาก help มาอันนี้ก็ไม่ไหวครับ

เรื่องต่อมา OSs นั้นใช้งานยาก และการติดตั้งนั้นซับซ้อน (ในบางตัว) การใช้งานยากนี่เป็นประเด็นหลักครับ คือมีน้อยมากที่ OSs นั้นจะทำงานได้ดี และไม่มีปัญหา ยกตัวอย่างเช่น

Xara X, illus, corelDraw มาใช้ Inkscape นี่ก็แฮงบ้าง หรือไม่ก็มีปัญหาในการ optimize ภาพ

Microsoft Visio มาใช้ Dia ก็มีปัญหาในการเปิดโปรแกรมต่างๆ การ support แล้วก็คู่มือห่วยแตกอย่างแรง T_T

Sony Sound Forge มาใช้ Audacity อันนี้ดีมาก ถึงคู่มือจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ถือว่าใช้งานได้ดี แฮงบางนิดหน่อย คือ GUI มันใช้งานง่ายอยู่แล้ว มันเลย ok

Adobe Acrobat 7.0 มาใช้ PDFCreator ผมถือว่าดีในระดับหนึ่ง ถ้าทำงาน Draf ทั่วๆ ไป แต่ถ้าทำงานเกี่ยวกับการพิมพ์จริงๆ ไม่แนะนำ เพราะสีเพี้ยน และระบบจัดการ profile color ยังไม่ดี เทียบกับ Adobe จ้าวตลาดไม่ได้เลย

InterVideo WinDVD, PowerDVD มาใช้ VLC media player ใช้งานยากและ GUI ไม่สวย คู่มือยังห่วยอยู่

Macromedia Dreamweaver มาใช้ Nvu ถ้าทำเว็บแนวๆ HTML และการจัดการ CSS ก็ ok แต่ถ้าเป็น CGI แล้วนี่จบ ถึงแม้สนับสนุนภาษาไทย แต่ยังไม่เต็มที่ใน CGI

Macromedia Flash -> ?????? หาไม่เจอจริงๆ T_Y

Microsoft Office 2003 มาใช้ OpenOffice.org 1.9.104 (2.0 Beta) อันนี้ยาวหน่อย คือถ้าใช้งานกันในบริษัท เดินงานกันเป็นกลุ่มๆ ก็ ok เพราะว่า OpenDocument ของทางฝั่ง OO.org ของเมืองนอกนั้นทำมาดี และหวังจะมาแทน format ไฟล์ของเล็กนิ่ม ถ้างานด้าน Word Processing กับ Spreadsheets ถือว่าทำได้ดีมาก แต่ถ้าเป็น Presentation แล้วจบครับ ยังไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ ส่วนงานด้าน Database นั้นความง่ายก็พอๆ กันครับ ส่วนการใส่สูตรคณิตศาสตร์นั้น OpenOffice.org ทำได้ดีกว่าครับ จริงๆ แล้ว format ไฟล์ของ OpenOffice.org ขนาดไฟล์เล็กกว่า Microsoft Office เยอะครับ อย่างเอกสารของผมถ้า save ใน word มีขนาด 876,377 แต่ถ้าไปใช้ format ไฟล์ของ OpenOffice.org เหลือแค่ 27,133 ไบต์ มันเกิดอะไรขึ้น ?

ในไทย OpenSourse Software ยังพ่ายต่อ Commerce Software อยู่วันยังค่ำครับ ถ้าคนไทยบางกลุ่มยังใช้ Software โดยไม่คำนึงถึงมูลค่าของมันว่ามันมีค่าตัวของมันเอง

ผมไม่ได้ต่อต้าน Commerce Software ครับ ตอนนี้ในเครื่องก็มีหลายๆ ตัวที่เถื่อนเหมือนกัน แต่บางตัวก็ต้องซื้อครับ ตอนนี้รวมๆ ก็หลายหมื่นแล้ว ไม่ได้รวยครับ แต่ซื้อในราคานักศึกษา อย่าง Adobe เนี่ยเค้ามีโครงการซื้อราคานักศึกษาครับ อย่าง Adobe CS2 ราคาทั้งชุด 45,000 – 60,000 /Computer ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ราคานักศึกษาอยู่ที่ 15,000 บาท / Computer ครับ และหลายตัวที่ราคานักศึกษาถูกกว่าหลายเท่าครับ

อย่าปฎิเสธเรื่องการใช้ Commerce Software ถ้าใช้มันหาความรู้ และรายได้ ผมถือว่ามันคือต้นทุนของการผลิตความรู้ และเงินในกระเป๋าครับ

แต่ OSs ที่ Boom มากๆ อย่าง Firefox นี่เป็นตัวอย่างที่ดีครับ Community และการ Promote ต่างๆ ผมว่าเป็นแบบอย่างที่ดีมาก จริงๆ Firefox ที่คนไทยกำลังทำกันอยู่ก็ทำงานมาถูกทางแล้วครับ OSs ในไทยน่าจะเอาอย่างเยอะๆ ครับ จริงๆ หลายๆ ดีๆ แต่ไม่ได้พูดถึงอย่างเคืองกันเน้อ ….. ;)

* วิเคราะฟ์วิจารณ์ตรงไปตรงมาครับ ถ้าไม่ถูกใจก็ขออภัย อันนี้มองในมุมผู้ใช้ครับ