อ่านข่าว Nikon D600 แล้วอ่านความคิดเห็นแล้วก็หงุดหงิดเล็กๆ

คือ Nikon เองไม่เคยออกมาประกาศเลยว่า Nikon D600 มันเป็น “กล้อง Full Frame ราคาประหยัด” ใน Official Site ไม่เคยบอก มีแต่พวกคนในวงการเชื่อกันไปต่างๆ นาๆ เอง เห็นราคาก็เงิบกันเป็นแถว บางคนขายกล้องรอซื้อกันก็มี

ถ้าเทียบแล้ว ราคา body ตัว Nikon D700 ราคา 69,000 บาท ซึ่งถ้ายังหาได้นะ และราคาเปิดตัว Nikon D700 มัน 91,500 บาทเมื่อปี 2009 ส่วนราคา body ตัว Nikon D600 ราคา 72,000 บาท ซึ่งเป็นราคาเปิดตัว

จะเห็นว่าเทียบราคาปัจจุบันเพิ่มเงิน 3,000 บาท ได้ของใหม่คุณภาพดี เทคโนโลยี และ gernation ของกล้องรุ่นเดียวกับ Nikon D7000, Nikon D4 และ Nikon D800 จริงๆ แล้วมันต้องคิดอีกเหรอ?

อันนี้ผมเดาว่า อาจจะมี Nikon D400 มาปะส่วนของราคาที่ยังอยู่ของ Nikon D7000 ราคา 33,900 บาท กับ Nikon D600 ราคา 72,000 บาท แต่ก็ไม่แน่นะ เพราะมานั่งๆ คิดดู Nikon D800 กับ Nikon D4 มันก็ห่างกันเยอะนะ 99,900 บาท กับ 209,000 บาท คือถ้าซื้อ Nikon D4 มันซื้อ Nikon D800 ได้ 2 ตัว ซึ่งมันก็แนวเดียวกับ Nikon D7000 กับ Nikon D600 เลย

Nikon Sales Thailand เปิดตัว Nikon D4 และเลนส์รุ่นใหม่ในประเทศไทย

ในวันที่ 6 ม.ค. 2555 Nikon Sales Thailand เปิดตัวกล้องและเลนส์รุ่นใหม่พร้อมกับ Nikon สาขาอื่นทั่วโลก แน่นอนว่าเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้เปิดตัวกล้องรุ่นโปรพร้อมกับประเทศ อื่นๆ อีกด้วย

คุณสมบัติของกล้อง Nikon D4 คือ

  • CMOS image sensor 16.2 megapixel format FX (24x36mm Full-Frame)
  • ความเร็วในการถ่ายรูปต่อเนื่องที่ full-resolution (16.2 megapixel) ที่ 10 frame per second (fps) เมื่อเปิด AE/AF และไม่เปิด AE/AF ที่ 11 frame per second (fps)
  • Startup time 0.12 seconds และ Shutter Lag 0.042 seconds
  • ปรับปรุงการถ่ายรูปในที่แสงน้อยโดยตั้งแต่ ISO 100 ถึง 12,800 และลดและเร่งได้ตั้งแต่ ISO 50 ถึง 204,800 ทั้งในโหมดถ่ายภาพปรกติและวิดีโอ
  • Image Processor EXPEED3 รุ่นใหม่
  • ปรับปรุงระบบวัดแสงจาก D3 เป็นรุ่นที่ 3 (Third generation color matrix metering system) ที่ 91,000 pixel RGB metering sensor และ 3D Color Matrix III เน้นความสว่างที่ใบหน้าของคน
  • Advanced Multi-CAM 3500FX ระบบโฟกัสปรกติทัั้งหมด 51 จุด และระบบโฟกัสแบบ cross-type ทั้งหมด 15 จุด ที่ f/5.6 หรือกว้างกว่า และระบบโฟกัสสามารถโฟกัสได้ช่วงสว่างน้อยลงไปได้อีก 2 stop จากความสว่างปรกติ
  • มีระบบ Focus Point Switching ระหว่าง Portrait/Landscape
  • เพิ่มปุ่มย้าย Focus อีกปุ่มเพื่อความสะดวกตอนใช้ถ่ายแนวตั้ง
  • Viewfinder แบบ Full Pentaprism 100%
  • บันทึกวิดีโอแบบ Full HD 1080p ได้ที่ 30 และ 24 fps และ HD 720p ที่ 60 fps ในโหมด slow-motion โดยรอบรับการบันทึกแบบบีบอัดด้วย H.264 B frame compression ด้วย ถ่ายได้สูงสุด 29 นาที 59 วินาทีต่อคลิป
  • ระบบบันทึกวิดีโอมี Auto Flicker Reduction (50/60Hz)
  • ระบบวิดีโอสามารถเลือก FX (x1), DX (x1.5) และ CX (x2.7) Format บนวิดีโอแบบ Full HD โดยไม่ลดคุณภาพใดๆ
  • สนับสนุน WTSA wireless control บน Nikon WT-5 wireless tramsmitter และมี Ethernet port
  • HDMI ouput สำหรับบันทึกวิดีโอแบบไม่บีบอัดบน Apple ProRess 422 Series
  • มี Function ทำงานผ่าน HTTP Mode ในการควบคุมและเข้าถึงไฟล์ต่างๆ ในกล้องได้ทันที
  • เพิ่มระบบ face detection/recognition เพื่อสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น
  • ตัวกล้องนั้นเป็นกล้องตัวแรกที่สนับสนุน XQD Compact Flash memory card (125MB/s) และ CF UDMA7 (100MB/s)
  • Thermal Shield พื้นผิวตัวกล้องเพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้าภายในกล้องได้ดีมากขึ้น
  • ตัว Shutter นั้นออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยทดสอบแล้วทำงานได้ถึง 400,000 ครั้ง
  • เพื่อขนาดจอ LCD ด้านหลังเป็น 3.2" 921,000 pixel Gapless และมีเซ็นเซอร์ปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ
  • น้ำหนัก 1.180kg (ไม่รวมแบตฯ)

ราคาขายอยู่ที่ 200,000 บาท (ถามตอน Q/A ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต)

ปิดท้ายด้วย เปิดตัว AF-S Nikkor 85mm f/1.8G เลนส์รุ่นใหม่ในงานนี้ด้วยราคาประมาณ 16,000-17,000 บาท (ถามตอน Q/A ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต)

ราคาทั้งสองตัวยังไม่มีออกมาอย่างเป็นทางการ

Read more

New Nikon "1 System" mirrorless cameras

image image

สิ่งที่ทำให้ค่ายอื่นๆ ร้อนๆ หนาวๆ คือ Mount Adapter FT1 ของ Nikon 1 System!!! พวกลากเอา NIKKOR Lenses AF-S ยกบริษัทมาใช้งานได้เลยนี่ดิ!! แถมมัน Autofocus ได้

Nikon V1 and J1 (Same Feature)

  • 10.1 megapixel CMOS sensors CX-size (13.2mm x 8.8mm, 2.7x crop factor)
  • up to ISO 3200 (Hi-1 mode 6400)
  • New Dual-core EXPEED 3 processing engine
  • Nikon F-Mount Support via Adapter
  • 73-point AF system (Generous array of 73 phase detection AF points)
  • 10fps shooting photos
  • Electronic shutter (1/16,000 second)
  • X-sync is at 1/60 second (via electronic shutter)
  • Full HD 1080p (1,920 x 1,080 pixel)
    • 30 progressive-scan frames per second video capture
    • 60 interlaced fields per second from 60 frames per second
    • HD 720p (1,280 x 720 pixel) 60 frames per second video capture
    • VGA (640 x 480) 400 frames per second video capture
    • QVGA (320 x 240 pixel) 1200 frames per second video capture for a 40x super slow motion effects
    • Video use MPEG-4 / H.264 AVC
    • auto-noise reduction on movie clips
    • 29 minute cap on single movie files
  • HDMI / USB connectivity

Nikon J1

  • Built-in flash (Guide number of 5 meters or 16 feet at ISO 100)
  • 3-inch LCDs 460,000 dot (153,000 pixel)

Nikon V1

  • No built-in flash and supports an external flash
  • 3-inch LCDs higher-resolution 921,000 dot (307,000 pixel)
  • High-res electronic viewfinders (EVF) – 0.47” (1,440,000 dot electronic viewfinder)
  • Mechanical shutter (1/4,000 second)
  • X-sync 1/250 second (via mechanical shutter)
  • Stereo microphone input
  • Multi-accessory port
  • Magnesium alloy chassis

Nikon unveils V1 and J1 mirrorless cameras: 10.1MP CMOS, 1080p video, ships in October for $650+ (video)
Nikon announces Nikon 1 system with V1 small sensor mirrorless camera
Nikon V1, J1: Two new compact system cameras for Nikon’s mirrorless debut (รูปภาพ)

เมื่อ Nikon D90 vs Nikon D5100 ในระดับราคาที่ใกล้กัน ณ.ตอนนี้ (4/7/2011)

ณ.ตอนนี้ Nikon D90 (Body) ราคา 28,900 บาท ส่วน Nikon D5100 (Body) ราคา 22,900 บาท แน่นอนว่าราคา Nikon D90 ไม่ได้สะท้อนราคาจริงๆ เพราะถูกดันให้ราคาตกไปกว่านี้ไม่ได้แล้วสำหรับประกันศูนย์ไทย (ราคาเครื่องหิ้วถูกลงมาในระดับ Nikon D5100) ไม่งั้นมันไปทับกับราคา Nikon D5100 และทิ้งช่วงให้ห่างจาก Nikon D7000 ที่ราคาลงมาอยู่ที่ 37,900 บาท ซึ่งเป็นราคาเกือบเท่ากับช่วงเปิดตัวของ Nikon D90 เมื่อ 3 ปีก่อน (ก็บอกแล้วว่ามันตัวแทน Nikon D90)

เทียบกันตามอายุ Nikon D90 เปิดตัวเดือน 8 ปี 2008 ในระดับกล้อง Advanced Consumer (ระดับเดียวกับ Nikon D7000 ในปัจจุบัน) ส่วน Nikon D5100 เปิดตัวเดือน 4 ปี 2011 ในระดับ Mid-range Consumer และเมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสองตัวก็ได้มาบรรจบกัน Nikon D90 ในตอนนี้เป็นกล้องที่ได้ชื่อว่าค้างสต็อก!!! ซึ่งตกรุ่นและเลิกผลิตไปแล้ว แต่ยังมีพอให้หาซื้อได้อยู่บ้างในระดับราคาที่น่าสนใจ

ด้วยคุณสมบัติและเทคโนโลยีแล้วนั้นในด้านของการให้คุณภาพของไฟล์รูปภาพแล้วตัวที่ใหม่กว่าย่อมสดและดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในมุมของคนทำงานจริงจังแล้วอาจมองในอีกมุมนึงที่แตกต่าง

ส่วนตัวแล้วนั้นรับงานถ่ายภาพที่เน้นความรวดเร็วพวกงานพิธีการ งานอีเว้นต่างๆ ช็อตต่างๆ ถือว่าสำคัญ ซึ่งตรงนนี้เน้นความสามารถในการปรับแต่งที่รวดเร็วเป็นหลัก เพราะฉะนั้นการควบคุมตัวกล้องเพื่อให้ได้รูปจึงสำคัญไม่แพ้คุณภาพรูปที่ได้มา

แต่ถ้าใช้ถ่ายแนวชิลๆ เรื่อยๆ บังคับและควบคุมแบบได้ก็จะไม่ใช่สิ่งที่ผิดนัก

สำหรับคนที่จริงจังเพื่อใช้ในการทำงานต่างๆ ผมแนะนำให้เลือก  Nikon D90 ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

  • การจับถือที่กระชับกว่า เพราะขนาดกล้องที่ใหญ่กว่า (เหมาะกับผู้ชาย) โดยมีดีไซน์รองรับการใช้งานร่วมกับ Grip เต็มระบบ  ถ่ายแนวตั้งจะได้ไม่ต้องปวดข้อมูล
  • การควบคุมที่โอเคกว่าเพราะมีจอ LCD ขนาดเล็กอยู่ด้านบนขวาและในช่อง view finder ที่บอกค่าต่างๆ โดยไม่ต้องมาดูที่ LCD หลังกล้อง
  • การเข้าถึงฟังก์ชั่นต่างๆ ที่รวดเร็วด้วย My Menu และปุ่มกดต่างๆ ที่เยอะทำให้จัดการได้ดีกว่า
  • รองรับเลนส์ AF ถ้าคุณรับงานแน่นอนผมมองว่าคุณต้องมีเลนส์เก่าๆ อยู่บ้าง หรืออาจจะอาศัยเลนส์เก่าคุณภาพดีราคาไม่แพงที่มีอยู่ในท้องตลาดเยอะมาก ซึ่งก็เพราะตัว AF ใช้ screw drive motor ภายในกล้อง ซึ่งราคาเลนส์ AF ราคาถูกมีเยอะมาก ทั้งในตลาดมือหนึ่งและมือสอง
  • คุณภาพของไฟล์ที่ได้ไม่ได้ด้อยจนลูกค้าต่อว่า หรือนำมาใช้งานแล้วรู้สึกหงุดหงิด มันดีมาก ดีเกินพอสำหรับคนใช้งานทั่วไปเสียด้วยซ้ำ และแน่ๆ ส่วนตัวแล้วในระดับรับงานในปัจจุบันไม่เคยมีลูกค้าบ่นว่าไฟล์ภาพไม่ดี ฯลฯ บางครั้งมันอยู่ที่คนถ่ายด้วยเช่นกัน
  • แฟลชหัวกล้องยังทำ CLS ควบคุมแฟลชนอกได้เต็มระบบ

สิ่งที่ Nikon D5100 ดีกว่า  D90

  • คุณภาพไฟล์รูปที่ดีกว่า เพราะ CMOS และ Image Processsor (Expeed 2) ที่ใหม่กว่า ทำให้ดัน ISO ได้สูงกว่า
  • จอพับได้
  • ขนาดเล็กเบา (เหมาะกับผู้หญิง)

ในมุมคนใช้งานจริงจังที่เน้นการได้ภาพโดยต้องแข่งกับชาวบ้านเค้าเป็นหลัก จะมองในมุมให้ซื้อ Nikon D90

แต่ถ้าในมุมของคนที่ใช้งานทั่วๆ ไป เน้นเรื่อยๆ ผมแนะนำให้มอง Nikon D5100 ไป เพราะคุณคงไม่ได้เอากล้องไปถ่ายแข่งความเร็วในการได้ภาพกับใครครับ

เรื่องเล่าจากการซ่อมแฟลช Nikon Speedlight SB-900 จากการตกระยะ 2 เมตร!!!

รูปจาก Nikon D40, 18-200 VR, SB-900 (พอดีว่าไม่ได้ถ่ายรูปติดไว้ในเครื่องเลยหารูปที่มี CC มาแปะแทน -_-“)

Nikon D40, 18-200 VR, SB-900

เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นตอนที่ให้พี่ที่ไปถ่ายรูปรับปริญญาด้วยกันถือแฟลชแยกออกจากกล้องสร้างผ่าน Wireless เพื่อถ่ายภาพ แน่นอนว่าการถือนั้นต้องตรงมุม และได้ระยะทำการของแฟลชเพื่อให้ได้ภาพที่ดี ประเด็นคือพี่เค้าไม่ค่อยชำนาญในการกะระยะ และจับถือแฟลช จึงทำให้ต้องจับมือและกะระยะให้พี่เค้าว่าควรจะอยู่ในมุมไหนระยะเท่าไหร่ เหตุการณ์ก็ทำให้เมื่อชูมือขึ้นแล้วจัดระยะ เหมือนมือพี่เค้าหมดแรง หรือว่าอะไรสักอย่าง ดันปล่อยมือลง (หรือลื้นก็ไม่รู้) แฟลชตกลงจากระยะชูมือขึ้นสูงประมาณ 2 เมตรลงกับพื้น แต่ก่อนตกเหมือนจะมีเท้าผมหรือใครเนี่ยแหละ กันไว้นิดนึง แต่ไม่ได้ทำให้การตกหยุดลง ฐานแฟลช (Hot Shoe) ก็ยังมีแรงพอที่จะกระเด็นและกระแทกกับพื้นอีกครั้ง เหตุการณ์ไวมาก ฝาใส่แบตหลุดออกมา แบต 3 ก้อนหลุดกระจายออกมา สวนอีกก้อนยังคาอยู่ ตอนนั้นยังงงๆ ออกแนวช็อคกับเหตุการณ์ แฟลช SB-900 ราคา 15,900 ตกกระแทกอย่างงั้นหัวใจแทบสลาย หลังจากนำขึ้นมาตรวจสอบเบื้องต้น สภาพภายนอกไม่มีอะไรเท่าไหร่ มีแต่ลังที่ใส่แบตมันมีอาการเกยกันเล็กน้อยทำให้ใส่แบตก้อนที่ 3 ยากกว่าปรกติ (ในใจก็คิดแค่ว่าคงไม่มีอะไรกลับไปคงไขแล้วจัดเข้าที่ก็โอเค) ภายนอกมีลอยถลอกนิดหน่อย โอเค สภาพจิตใจดีขึ้น เช็คการทำงานของระบบซูมแฟลช TTL ปรกติ ถ่ายต่อ!!!

พอสักพัก จำเป็นต้องใช้แฟลชติดกับกล้อง คว้าแฟลชมาจะใส่กับหัวกล้องปรากฎว่า ….

ฐานแฟลชงอครับ งอแบบเสียบลงไปไม่ได้ …. งานเข้า!!!!

ก็เลยต้องถ่ายแบบแยกแฟลชไปตามเดิม จนจบงาน คือยังดีที่มันทำงานได้ปรกติดีอยู่ (แสงแฟลชออก ซูมแฟลชแล้วได้ระยะเท่าเดิม ทุกอย่างทำงานปรกติหมด) ตอนนั้นภาพก็ต้องถ่าย เหมือนกับว่าถ้าเราพะวงแต่แฟลชทุกคนที่ไปก็จะพะวงไปด้วย คือของมันเสียไปแล้ว พะวงไปก็เท่านั้น มันต้องเดินหน้าต่อไป ก็เลยปล่อยวางแล้วถ่ายไปทั้งๆ แบบนั้น เพราะตอนนั้นคนที่ไปด้วยกันก็มีคนนึงมี SB-900 อีกตัว ถ้าจำเป็นจริงๆ ยืมเค้าใช้งานก่อนก็ยังได้ อย่างน้อยๆ งานนี้ต้องทำให้ดีที่สุดไว้ก่อน

พอจบงานก็รีบโทรหา “ช่างดำ” ก่อนเลย เพราะเป็นช่างที่ทำให้ Nikon AF Nikkor 80-200mm f/2.8D ED ผมคืนชีพจากการที่ AF พัง ซึ่งแม้แต่ Niks Thailand ยังไม่ซ่อมเพราะรุ่นเก่าแล้ว!!! สุดท้ายคำตอบคือ “ไม่มีอะไหล่ในตอนนี้และรอนานเพราะช่วงนี้ของสั่งยากมาก” T_T ที่พึ่งต่อมาคือ “Foto Thailand” ไปถึงร้านให้เค้าดูสภาพแฟลช ก็ได้คำตอบเดียวกันกับช่างดำ เสียใจ 2 รอบติด …. ที่พึ่งต่อไปคือ Niks Thailand ที่เป็น authorized dealer ของ Nikon ที่มี ศ.ซ่อมโดยตรงในไทยแห่งเดียว!!! คือของมันเป็นของที่ทำตลาดอยู่แล้ว ยังเป็นรุ่นท็อปของแฟลช Nikon เพราะงั้น ศ. ยังไงก็ต้องมีอะไหล่แน่นอน ตอนนั้นอยู่ MBK อยู่แล้ว ก็เลยเดินต่อไปอีกนิด ก็ถึงร้าน Sunny Camera ซึ่งเป็นร้านในเครือเดียวกับ Niks Thailand ให้เค้าฝากส่งให้

เข้าไปบอกเค้าว่ามาซ่อมแฟลช ให้เค้าดูอาการต่างๆ ให้ตอนนั้นเนี่ยด้วยความที่ อะไรก็ได้ยอมๆ ราคาเท่าไหร่ว่ามา ตอนนั้นคิดราคาค่าซ่อมไว้ว่า ถ้าเกินกว่าราคา 50% ของราคาปรกติที่ซื้อมาคงซื้อใหม่แน่ๆ เพราะใช้มาจะ 2 ปีค่าเสื่อมปีละ 15-20% ตอนนี้ค่าตัวมันคงประมาณ 60-70% ของราคาหรือประมาณ 12,000 บาทได้แหละ เพราะงั้น ถ้าราคาค่าซ่อมเกินกว่า 50% ก็ถือว่าซ่อมไม่คุ้มแหละ ตอนนั้นผมตีไว้ว่าไม่น่าเกิน 5,000 บาท (ผมตีโหดสุดไว้ก่อน จะได้ทำใจได้เวลาจ่ายเงิน)

สรุปคือตีค่าซ่อมเบื้องต้น 2,500 บาท !!! โอเค …. จัดไป ส่งซ่อมโดยไม่คิดอะไรมาก เพราะไม่มีทางเลือก ระยะเวลาตรวจสอบอะไหล่และราคาที่แน่นอนคือ 2 อาทิตย์ (คงเป็นเรื่องของคิวการซ่อม การสั่งของและเช็คสต็อก) ซึ่งแน่นอนสำหรับแฟลชประกันร้าน (ซื้อมาเป็นของหิ้วจากญี่ปุ่น) เพราะงั้นทำใจเรื่องระยะเวลาในการซ่อมว่าจะมันจะต้องช้าแน่นอน

ผ่านไป 2 อาทิตย์ ตรงเวลาสุดๆ ศ. โทรมาสรุปค่าซ่อมทั้งหมด 4,000 บาทถ้วน (ไม่มีเศษ สมแล้วที่เป็น ศูนย์บริการ ไม่มีปัดเศษ ให้ได้ใช้แบงค์ย่อย … ฮา …) ผมก็โอเค ต่ำกว่าที่คาดไว้ 20% และคิดเป็นค่าซ่อมที่ราคาประมาณ 30% ของมูลค่าของ ณ.ปัจจุบัน ถือว่าการซ่อมครั้งนี้ผ่านและไม่แพงจนเกินไป (เทียบกับเหตุการณ์ที่ทำให้มันพัง) ศ. แจ้งว่าอีกประมาณ 5 วันน่าจะซ่อมเสร็จ

มาวันที่ 15 มีนาคม 2554 ศ. แจ้งว่าแฟลชซ่อมเสร็จแล้ว เข้าไปรับของได้เลย โดยเปลี่ยนไปทั้งหมด 3 ชิ้นคือ ฐานแฟลชที่งอ, หลอดไฟแฟลชที่ร้าว!!!, และแผ่นกระจกด้านหน้าที่ไหม้ (เค้าเขียนว่า “ไหม้” แต่อาการนี้พวกผมเรียกว่า “เหลืองเพราะใช้งานหนัก”) โอเค ตอนเย็นก็เลยรีบไปรับของทันที และทดสอบที่ร้านที่ฝากเค้าส่ง กล้องก็ไม่ได้เอาไป แต่เค้าก็ให้ยืมกล้องให้ลองจนพอใจ สุดท้ายโอเค กลับเข้าสู่สภาพเดิมดี ก็เลยเก็บของกลับบ้าน มาลองต่ออีกหน่อยทั้งระบบ Wireless Flash, ระบบ TTL ฯลฯ งานนี้ ศ. ประกันงานซ่อม 2 เดือน ถ้ามีปัญหาก็เข้าไปซ่อมและเช็คได้ฟรี แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ลองใช้งานในสภาพใช้งานจริงหรือหนักๆ คงต้องหาโอกาสลองสักหน่อย

รอบนี้โดนสาหัสมากนับแต่ซ่อม Nikon AF Nikkor 80-200mm f/2.8D ED ที่รอบนั้นโดนไป 4,700 บาท รอบนี้อีก 4,000 บาท อืมมม T_T

ภาพอะไหล่ที่เปลี่ยนออกมา

Nikon SB-900 - Hot Shoe Flex
Nikon SB-900 - Flash Lamp Broken
Nikon SB-900 - Main Plate Glass Burn