ลาแล้ว DSLR Nikon สวัสดี Mirrorless Sony

กล้องตัวเก่า Nikon D7200 ซื้อมาใช้ 14 มิถุนายน 2017 จุดประสงค์เอาไว้ถ่ายไอดอล และ 10 กันยายน 2017 ก็จัด Tamron SP 70-200mm f/2.8 Di VC USD มาเพิ่มด้วยจุดประสงค์เดียวกัน 😅

ด้วยความที่ใช้กล้อง Nikon D7200 มานาน 6-7 ปีแหละ หลัง ๆ ไม่ไหว เริ่มโฟกัสวืดบ่อยจนเซง ก็เลยหากล้องตัวใหม่ ซึ่งคงต้องไป Mirrorless แทน DSLR เดิม เพราะ Nikon ก็ไม่ออก DSLR ใหม่กลุ่มที่เราใช้งานมามานานแล้ว

พอไป Mirrorless ปัญหาคือเลนส์ที่มีอยู่ทั้งหมดของ Nikon ก็ใช้งานใน Nikon Z ไม่ได้เลย เพราะเป็น AF-D และเลนส์ Tamron ที่มีอยู่ ไม่รองรับ adapter Z-Mount ของ Nikon เอง ทำให้การเลือก Mirrorless ในครั้งนี้ เหมือนย้ายค่ายยกเซ็ต ฉะนั้นกลายเป็นอิสระในการเลือกเลยว่าจะเอายี่ห้อไหนอีกรอบ

พอมาไล่ดูแต่ละยี่ห้อ โดย Nikon Z แม้จะดูดี เราคุ้นเคยกับการควบคุมและเมนู แต่รอบการออกกล้องค่อนข้างคาบเกี่ยวกับที่เราจะซื้อพอดี ประกอบกับเลนส์ค่ายอิสระที่ทำให้ Nikon Z มีตัวเลือกน้อยมาก ผมจึงต้องหาตัวเลือกใหม่

ตัวเลือกใหม่อย่าง Sony จึงได้เกิดขึ้น เป็นการหาข้อมูลว่าจะอยู่กับ APS-C หรือจะไป Fullframe ไปเลยดี พอไล่ระดับราคา กลายเป็น APS-C หรือ Fullframe ไม่สำคัญเท่า เราจะเอาการจับถือตัวกล้องแบบไหน ระหว่าง Rangefinder (EVF อยู่ด้านข้าง) หรือ DSLR (EVF อยู่ตรงกลาง) ซึ่งก็มาจากที่แบบ DSLR ที่คุ้นเคย แล้วก็เป็น Fullframe ไปโดยสภาพบังคับ

ทีนี้จะซื้อมือหนึ่งหรือมือสองดี เพราะมือหนึ่งราคาโดดไปไกลมากกว่าที่เคยซื้อ 60k – 80k เลยทีเดียว ผมเลยไล่ดูมือสองเพิ่มเติมแทนในระดับราคาเดิมที่เคยซื้อกล้องมาในตัวก่อนๆ คือ 30-40k ไม่เกินนี้ เพราะต้องเผื่องบไปลงกับเลนส์อีก

สุดท้ายมาจบที่ Sony A7 III แทน ด้วยความที่นั่งเทียบข้อมูลใน dxomark แล้ว ถือเป็นรุ่นที่ก้าวกระโดดมาจาก Nikon D7200 ในด้าน dynamic range, low light และ AF ในที่ราคามือสองไม่แพงจนเกินไป โดยคนใช้งาน เค้าใช้ชัตเตอร์ไปแล้ว 30,000 กว่าๆ ซึ่งก็ยอมรับได้ เพราะส่วนตัวใช้กล้องมา 7-8 ปี ถ่ายรูปปีนึง หนักๆ ก็ 10,000 รูป ฉะนั้น ยังมี shutter life ให้ใช้งานไปได้อีก 3 ใน 4 (ตัวนี้ shutter life 200,000) หรือถ้าใช้งานก็สัก 4-5 ปีสวย ๆ ถึงตอนนั้นหารุ่นใหม่มือสองมาหมุนเวียนอีกรอบก็ยังไม่แย่

พอมาที่เลนส์ตอนแรกสนใจ FE 85mm F1.8 มือหนึ่ง ศ. Sony เลย แล้ว ศ. มีลดราคา ซึ่งลดลงมา 30% แต่พอไปถึง ศ. แล้วลอง FE 70-200 mm F4 Macro G OSS Ⅱ แล้วพบว่า เออ เอาจริงๆ ซื้อระยะ 70-200 mm ที่เราใช้กับกล้องตัวเก่า มาใช้งานเลย น่าจะตบโจทย์การใช้งานมากกว่า เพราะใช้บ่อยกว่าระยะ 85mm เลยจัดระยะ 70-200 mm มาแทน ซึ่งก็ได้โปรลดราคา 7% ซึ่งช่วงราคาที่ลดก็ประมาณเกือบๆ 7,000 บาท

จนสุดท้ายได้ Sony A7 III + FE 70-200 mm F4 Macro G OSS Ⅱ มาใช้งานเป็นชุดเริ่มต้น

ระหว่างนี้ก็รอแท่นชาร์จ (ที่ Sony มันไม่แถม) และแบตก้อนใหม่เพิ่มมาอีกก้อน เพราะ A7 III ตัวนี้มันถ่ายได้ประมาณ 600-700 รูปต่อแบต 1 ก้อน เลยคิดว่ามีแบตหลายก้อนแน่ๆ จะกลายเป็นว่ามีแท่นชาร์จเพิ่มสะดวกเวลาต้องชาร์จแบตพร้อมกัน

ส่วน SD Card ใช้ SanDisk Extreme PRO SDXC UHS-I ตัวเก่าก็น่าจะเพียงพอ เพราะ write performance ของ A7 III ยังไม่ถึง 200MB/s เลยไม่ต้องจ่ายเงินส่วนนี้เพิ่มเติม

ส่วนรูปลองถ่ายดู 2 รูป เนื้อไฟล์ประทับใจมาก ขนาดยังไม่ได้ denoise อะไรเลย ยังออกมาดูมากๆ

อ่านข่าว Nikon D600 แล้วอ่านความคิดเห็นแล้วก็หงุดหงิดเล็กๆ

คือ Nikon เองไม่เคยออกมาประกาศเลยว่า Nikon D600 มันเป็น “กล้อง Full Frame ราคาประหยัด” ใน Official Site ไม่เคยบอก มีแต่พวกคนในวงการเชื่อกันไปต่างๆ นาๆ เอง เห็นราคาก็เงิบกันเป็นแถว บางคนขายกล้องรอซื้อกันก็มี

ถ้าเทียบแล้ว ราคา body ตัว Nikon D700 ราคา 69,000 บาท ซึ่งถ้ายังหาได้นะ และราคาเปิดตัว Nikon D700 มัน 91,500 บาทเมื่อปี 2009 ส่วนราคา body ตัว Nikon D600 ราคา 72,000 บาท ซึ่งเป็นราคาเปิดตัว

จะเห็นว่าเทียบราคาปัจจุบันเพิ่มเงิน 3,000 บาท ได้ของใหม่คุณภาพดี เทคโนโลยี และ gernation ของกล้องรุ่นเดียวกับ Nikon D7000, Nikon D4 และ Nikon D800 จริงๆ แล้วมันต้องคิดอีกเหรอ?

อันนี้ผมเดาว่า อาจจะมี Nikon D400 มาปะส่วนของราคาที่ยังอยู่ของ Nikon D7000 ราคา 33,900 บาท กับ Nikon D600 ราคา 72,000 บาท แต่ก็ไม่แน่นะ เพราะมานั่งๆ คิดดู Nikon D800 กับ Nikon D4 มันก็ห่างกันเยอะนะ 99,900 บาท กับ 209,000 บาท คือถ้าซื้อ Nikon D4 มันซื้อ Nikon D800 ได้ 2 ตัว ซึ่งมันก็แนวเดียวกับ Nikon D7000 กับ Nikon D600 เลย

Nikon Sales Thailand เปิดตัว Nikon D4 และเลนส์รุ่นใหม่ในประเทศไทย

ในวันที่ 6 ม.ค. 2555 Nikon Sales Thailand เปิดตัวกล้องและเลนส์รุ่นใหม่พร้อมกับ Nikon สาขาอื่นทั่วโลก แน่นอนว่าเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้เปิดตัวกล้องรุ่นโปรพร้อมกับประเทศ อื่นๆ อีกด้วย

คุณสมบัติของกล้อง Nikon D4 คือ

  • CMOS image sensor 16.2 megapixel format FX (24x36mm Full-Frame)
  • ความเร็วในการถ่ายรูปต่อเนื่องที่ full-resolution (16.2 megapixel) ที่ 10 frame per second (fps) เมื่อเปิด AE/AF และไม่เปิด AE/AF ที่ 11 frame per second (fps)
  • Startup time 0.12 seconds และ Shutter Lag 0.042 seconds
  • ปรับปรุงการถ่ายรูปในที่แสงน้อยโดยตั้งแต่ ISO 100 ถึง 12,800 และลดและเร่งได้ตั้งแต่ ISO 50 ถึง 204,800 ทั้งในโหมดถ่ายภาพปรกติและวิดีโอ
  • Image Processor EXPEED3 รุ่นใหม่
  • ปรับปรุงระบบวัดแสงจาก D3 เป็นรุ่นที่ 3 (Third generation color matrix metering system) ที่ 91,000 pixel RGB metering sensor และ 3D Color Matrix III เน้นความสว่างที่ใบหน้าของคน
  • Advanced Multi-CAM 3500FX ระบบโฟกัสปรกติทัั้งหมด 51 จุด และระบบโฟกัสแบบ cross-type ทั้งหมด 15 จุด ที่ f/5.6 หรือกว้างกว่า และระบบโฟกัสสามารถโฟกัสได้ช่วงสว่างน้อยลงไปได้อีก 2 stop จากความสว่างปรกติ
  • มีระบบ Focus Point Switching ระหว่าง Portrait/Landscape
  • เพิ่มปุ่มย้าย Focus อีกปุ่มเพื่อความสะดวกตอนใช้ถ่ายแนวตั้ง
  • Viewfinder แบบ Full Pentaprism 100%
  • บันทึกวิดีโอแบบ Full HD 1080p ได้ที่ 30 และ 24 fps และ HD 720p ที่ 60 fps ในโหมด slow-motion โดยรอบรับการบันทึกแบบบีบอัดด้วย H.264 B frame compression ด้วย ถ่ายได้สูงสุด 29 นาที 59 วินาทีต่อคลิป
  • ระบบบันทึกวิดีโอมี Auto Flicker Reduction (50/60Hz)
  • ระบบวิดีโอสามารถเลือก FX (x1), DX (x1.5) และ CX (x2.7) Format บนวิดีโอแบบ Full HD โดยไม่ลดคุณภาพใดๆ
  • สนับสนุน WTSA wireless control บน Nikon WT-5 wireless tramsmitter และมี Ethernet port
  • HDMI ouput สำหรับบันทึกวิดีโอแบบไม่บีบอัดบน Apple ProRess 422 Series
  • มี Function ทำงานผ่าน HTTP Mode ในการควบคุมและเข้าถึงไฟล์ต่างๆ ในกล้องได้ทันที
  • เพิ่มระบบ face detection/recognition เพื่อสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น
  • ตัวกล้องนั้นเป็นกล้องตัวแรกที่สนับสนุน XQD Compact Flash memory card (125MB/s) และ CF UDMA7 (100MB/s)
  • Thermal Shield พื้นผิวตัวกล้องเพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้าภายในกล้องได้ดีมากขึ้น
  • ตัว Shutter นั้นออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยทดสอบแล้วทำงานได้ถึง 400,000 ครั้ง
  • เพื่อขนาดจอ LCD ด้านหลังเป็น 3.2" 921,000 pixel Gapless และมีเซ็นเซอร์ปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ
  • น้ำหนัก 1.180kg (ไม่รวมแบตฯ)

ราคาขายอยู่ที่ 200,000 บาท (ถามตอน Q/A ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต)

ปิดท้ายด้วย เปิดตัว AF-S Nikkor 85mm f/1.8G เลนส์รุ่นใหม่ในงานนี้ด้วยราคาประมาณ 16,000-17,000 บาท (ถามตอน Q/A ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต)

ราคาทั้งสองตัวยังไม่มีออกมาอย่างเป็นทางการ

Read more

New Nikon "1 System" mirrorless cameras

image image

สิ่งที่ทำให้ค่ายอื่นๆ ร้อนๆ หนาวๆ คือ Mount Adapter FT1 ของ Nikon 1 System!!! พวกลากเอา NIKKOR Lenses AF-S ยกบริษัทมาใช้งานได้เลยนี่ดิ!! แถมมัน Autofocus ได้

Nikon V1 and J1 (Same Feature)

  • 10.1 megapixel CMOS sensors CX-size (13.2mm x 8.8mm, 2.7x crop factor)
  • up to ISO 3200 (Hi-1 mode 6400)
  • New Dual-core EXPEED 3 processing engine
  • Nikon F-Mount Support via Adapter
  • 73-point AF system (Generous array of 73 phase detection AF points)
  • 10fps shooting photos
  • Electronic shutter (1/16,000 second)
  • X-sync is at 1/60 second (via electronic shutter)
  • Full HD 1080p (1,920 x 1,080 pixel)
    • 30 progressive-scan frames per second video capture
    • 60 interlaced fields per second from 60 frames per second
    • HD 720p (1,280 x 720 pixel) 60 frames per second video capture
    • VGA (640 x 480) 400 frames per second video capture
    • QVGA (320 x 240 pixel) 1200 frames per second video capture for a 40x super slow motion effects
    • Video use MPEG-4 / H.264 AVC
    • auto-noise reduction on movie clips
    • 29 minute cap on single movie files
  • HDMI / USB connectivity

Nikon J1

  • Built-in flash (Guide number of 5 meters or 16 feet at ISO 100)
  • 3-inch LCDs 460,000 dot (153,000 pixel)

Nikon V1

  • No built-in flash and supports an external flash
  • 3-inch LCDs higher-resolution 921,000 dot (307,000 pixel)
  • High-res electronic viewfinders (EVF) – 0.47” (1,440,000 dot electronic viewfinder)
  • Mechanical shutter (1/4,000 second)
  • X-sync 1/250 second (via mechanical shutter)
  • Stereo microphone input
  • Multi-accessory port
  • Magnesium alloy chassis

Nikon unveils V1 and J1 mirrorless cameras: 10.1MP CMOS, 1080p video, ships in October for $650+ (video)
Nikon announces Nikon 1 system with V1 small sensor mirrorless camera
Nikon V1, J1: Two new compact system cameras for Nikon’s mirrorless debut (รูปภาพ)

เมื่อ Nikon D90 vs Nikon D5100 ในระดับราคาที่ใกล้กัน ณ.ตอนนี้ (4/7/2011)

ณ.ตอนนี้ Nikon D90 (Body) ราคา 28,900 บาท ส่วน Nikon D5100 (Body) ราคา 22,900 บาท แน่นอนว่าราคา Nikon D90 ไม่ได้สะท้อนราคาจริงๆ เพราะถูกดันให้ราคาตกไปกว่านี้ไม่ได้แล้วสำหรับประกันศูนย์ไทย (ราคาเครื่องหิ้วถูกลงมาในระดับ Nikon D5100) ไม่งั้นมันไปทับกับราคา Nikon D5100 และทิ้งช่วงให้ห่างจาก Nikon D7000 ที่ราคาลงมาอยู่ที่ 37,900 บาท ซึ่งเป็นราคาเกือบเท่ากับช่วงเปิดตัวของ Nikon D90 เมื่อ 3 ปีก่อน (ก็บอกแล้วว่ามันตัวแทน Nikon D90)

เทียบกันตามอายุ Nikon D90 เปิดตัวเดือน 8 ปี 2008 ในระดับกล้อง Advanced Consumer (ระดับเดียวกับ Nikon D7000 ในปัจจุบัน) ส่วน Nikon D5100 เปิดตัวเดือน 4 ปี 2011 ในระดับ Mid-range Consumer และเมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสองตัวก็ได้มาบรรจบกัน Nikon D90 ในตอนนี้เป็นกล้องที่ได้ชื่อว่าค้างสต็อก!!! ซึ่งตกรุ่นและเลิกผลิตไปแล้ว แต่ยังมีพอให้หาซื้อได้อยู่บ้างในระดับราคาที่น่าสนใจ

ด้วยคุณสมบัติและเทคโนโลยีแล้วนั้นในด้านของการให้คุณภาพของไฟล์รูปภาพแล้วตัวที่ใหม่กว่าย่อมสดและดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในมุมของคนทำงานจริงจังแล้วอาจมองในอีกมุมนึงที่แตกต่าง

ส่วนตัวแล้วนั้นรับงานถ่ายภาพที่เน้นความรวดเร็วพวกงานพิธีการ งานอีเว้นต่างๆ ช็อตต่างๆ ถือว่าสำคัญ ซึ่งตรงนนี้เน้นความสามารถในการปรับแต่งที่รวดเร็วเป็นหลัก เพราะฉะนั้นการควบคุมตัวกล้องเพื่อให้ได้รูปจึงสำคัญไม่แพ้คุณภาพรูปที่ได้มา

แต่ถ้าใช้ถ่ายแนวชิลๆ เรื่อยๆ บังคับและควบคุมแบบได้ก็จะไม่ใช่สิ่งที่ผิดนัก

สำหรับคนที่จริงจังเพื่อใช้ในการทำงานต่างๆ ผมแนะนำให้เลือก  Nikon D90 ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

  • การจับถือที่กระชับกว่า เพราะขนาดกล้องที่ใหญ่กว่า (เหมาะกับผู้ชาย) โดยมีดีไซน์รองรับการใช้งานร่วมกับ Grip เต็มระบบ  ถ่ายแนวตั้งจะได้ไม่ต้องปวดข้อมูล
  • การควบคุมที่โอเคกว่าเพราะมีจอ LCD ขนาดเล็กอยู่ด้านบนขวาและในช่อง view finder ที่บอกค่าต่างๆ โดยไม่ต้องมาดูที่ LCD หลังกล้อง
  • การเข้าถึงฟังก์ชั่นต่างๆ ที่รวดเร็วด้วย My Menu และปุ่มกดต่างๆ ที่เยอะทำให้จัดการได้ดีกว่า
  • รองรับเลนส์ AF ถ้าคุณรับงานแน่นอนผมมองว่าคุณต้องมีเลนส์เก่าๆ อยู่บ้าง หรืออาจจะอาศัยเลนส์เก่าคุณภาพดีราคาไม่แพงที่มีอยู่ในท้องตลาดเยอะมาก ซึ่งก็เพราะตัว AF ใช้ screw drive motor ภายในกล้อง ซึ่งราคาเลนส์ AF ราคาถูกมีเยอะมาก ทั้งในตลาดมือหนึ่งและมือสอง
  • คุณภาพของไฟล์ที่ได้ไม่ได้ด้อยจนลูกค้าต่อว่า หรือนำมาใช้งานแล้วรู้สึกหงุดหงิด มันดีมาก ดีเกินพอสำหรับคนใช้งานทั่วไปเสียด้วยซ้ำ และแน่ๆ ส่วนตัวแล้วในระดับรับงานในปัจจุบันไม่เคยมีลูกค้าบ่นว่าไฟล์ภาพไม่ดี ฯลฯ บางครั้งมันอยู่ที่คนถ่ายด้วยเช่นกัน
  • แฟลชหัวกล้องยังทำ CLS ควบคุมแฟลชนอกได้เต็มระบบ

สิ่งที่ Nikon D5100 ดีกว่า  D90

  • คุณภาพไฟล์รูปที่ดีกว่า เพราะ CMOS และ Image Processsor (Expeed 2) ที่ใหม่กว่า ทำให้ดัน ISO ได้สูงกว่า
  • จอพับได้
  • ขนาดเล็กเบา (เหมาะกับผู้หญิง)

ในมุมคนใช้งานจริงจังที่เน้นการได้ภาพโดยต้องแข่งกับชาวบ้านเค้าเป็นหลัก จะมองในมุมให้ซื้อ Nikon D90

แต่ถ้าในมุมของคนที่ใช้งานทั่วๆ ไป เน้นเรื่อยๆ ผมแนะนำให้มอง Nikon D5100 ไป เพราะคุณคงไม่ได้เอากล้องไปถ่ายแข่งความเร็วในการได้ภาพกับใครครับ