เปรียบทียบ Microsoft Pro IntelliMouse และ Microsoft Classic IntelliMouse

ในไทยมี Microsoft Classic IntelliMouse ขายอยู่มาปีกว่า ๆ แล้ว แต่ Microsoft Pro IntelliMouse นั้นยังไม่ได้เอามาขายสักที ส่วนตัวผมสั่ง ตัว Pro IntelliMouse มาใช้งานตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว จนถึงวันนี้ (วันที่ลง blog) ทาง Microsoft ก็ยังไม่เอามาขายสักที จนราคาที่ญี่ปุ่นมันลงมาจนทำราคาได้ดีขึ้นมาก (ถูกลงมากว่า 1,000 บาท รวมค่าส่งและภาษี) ก็เลยเอาข้อมูลมาลงอีกรอบใน blog เปรียบเทียบทั้งสองตัว

  1. ตัว Sensor
    Pro เป็น PixArt PAW 3389PRO-MS รองรับ DPI 16,000 (200-16,000), polling rate 1,000Hz และ refresh rate 12,000 FPS
    การปรับเปลี่ยน DPI ทำผ่านปุ่มด้านซ้ายที่เป็น shortcut key ผ่าน software driver เช่นกัน
    Classic เป็น PixArt PAW 3808EK BlueTrack รองรับ DPI 3,200 (400-3,200) และ polling rate 1,000Hz
  2. ตัว Switch
    Pro ใช้ Omron D2FC-F-7N (การันตี 20 ล้านคลิ๊ก)
    Classic ใช้ Omron 70g (การันตี 10 ล้านคลิ๊ก)
  3. ยางที่ใช้ใช้ทำกริป Pro ใช้ของคุณภาพดีกว่า Classic
  4. ตัวไฟ LED ท้าย mouse ของ Pro เป็น RGB ปรับเปลี่ยนสีได้ผ่าน software driver
  5. สายของ Pro เป็นสายผ้าแบบถัก ส่วนของ Classic เป็นยาง
  6. งานสี งานออกแบบ และงานประกอบ Pro ดีกว่า Classic

ว่ากันง่ายๆ ด้วย sensor และการเลือกใช้ switch ก็พอสรุปได้ว่า “Pro คือ Gaming mouse ส่วน Classic คือ Office mouse”

จากการใช้งานมา 4-5 เดือน Pro IntelliMouse สามารถใช้แทน Gaming mouse ในระดับราคาใกล้ๆ กันได้ดี แน่นอนว่าตัวปุ่ม และลูกเล่นอาจจะเทียบกับกลุ่มที่ทำออกมาเฉพาะได้ยากหน่อย แต่ถ้าคุณชอบแนวการออกแบบของ Pro IntelliMouse ดั่งเดิม ที่มาพร้อมกับ sensor ที่แม่นยำและปุ่มที่ทนทาน เป็นตัวเลือกที่ดีตัวหนึ่ง

สำหรับราคา

  • Microsoft Classic IntelliMouse ราคาขาย $39.99 ราคาในไทยประมาณ 1,390 บาท
  • Microsoft Pro IntelliMouse ราคาขาย $59.99 ยังไม่มีจำหน่ายในไทย ส่วนตัวสั่งผ่าน Amazon JP ซึ่งรวมค่าส่งและภาษีแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 2,3xx บาท ราคาเดือน 8 ปี 2019 (ข้อมูล ณ วันที่ 28/1/2020 ลงมาอยู่ไม่เกิน 1,500 บาทแล้ว โดยรวมค่าส่งและภาษีแล้ว)

Review – Targus Wireless Mouse Blue Trace (AMW50AP)

ผมได้เมาส์ตัวนี้มาใช้งานสัก 3 วันเห็นจะได้ ส่วนตัวแล้วนั้นใช้ Microsoft Wireless Mouse 2000 (Blue Track) อยู่ก่อนแล้ว จึงคุ้นชินกับ Blue LED Tracking เป็นอย่างดี ประกอบกับจากประสบการณ์ใช้ Optical Mouse มาตั้งแต่ยุดแรกๆ ตั้งแต่ Red LED ความละเอียดเพียง 400dpi จนมาถึง 800dpi ตอน Microsoft Notebook Wireless Mouse ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับจอภาพขนาด 1024×768 pixel ในสมัยก่อน สัก 7-8 ปีที่แล้ว จนมาถึง Laser Tracking เมื่อสัก 4 ปีก่อน ตอนสมัย Microsoft Arc Mouse และสักเกือบๆ 1 ปีสำหรับ Blue Tracking

P1000358 IMAG0754

DSC_5453 

จาก Red LED Tracking ในสมัยก่อนนั้น จะเน้นเรื่องความแม่นยำบนพื้นฐานเดิมๆ จาก Ball Tracking มากกว่าการทำงานบนพื้นผิวที่มีสภาพแย่ๆ หรือไม่ใช้แผ่นรองเมาส์ แม้ว่าจะมีการพูดถึงว่ามันทำงานได้เกือบทุกสภาพพื้นผิว แต่พออยู่บนพื้นผิวมันๆ ก็ทำงานได้แย่เอามากๆ เพราะมันจับพื้นผิวว่าทำงานบนตำแหน่งใดๆ ไม่ได้เลย เพราะแสงมันกระเจิงหลุดออกจาก sensor ไม่เป็นระเบียบ

ประกอบกับด้วย Red LED Tracking นั้นประสิทธิภาพนั้นจำกัดอยู่ที่ 3,000 dpi แต่ความต้องการของมนุษย์นั้นไม่เคยพอ จึงได้พัฒนามาเป็น Laser Tracking ใช้การยิงแสง Laser แทนแสง Red LED และอาศัยการสะท้อนของพื้นผิวให้วิ่งเข้า CMOS Sensor ทำให้เราได้ Mouse ที่ละเอียดขึ้นถึง 6,000dpi แต่ข้อเสียก็คือต้องอาศัยการสะท้อนแสงที่ต่อเนื่องตลอดเวลา ทำให้ยังคงมีปัญหากับพื้นผิวที่แย่ๆ และสกปรก เพราะแสง Laser มันสะท้อนกลับมาได้ไม่หมดและไม่ต่อเนื่อง ทำให้ความสามารถในการทำงานลดลง แม้จะทำงานได้บนพื้นผิวต่างๆ นอกจากแผ่นรองเมาส์ได้ดีขึ้นมากก็ตาม

จึงความคิดในการขจัดความไม่ต่อเนื่องของการรับภาพที่ได้จากแสง Laser ออกไปด้วยการแก้ปัญหาจากการใส่แสงต่อเนื่องลงไปเพื่อให้เกิดการสะท้อนภาพกลับมาแทนเพื่อชดเชยความไม่ต่อเนื่องของ Laser แต่ด้วยข้อจำกัดในการทำงานที่ละเอียดของ  Red LED ทำให้มีความคิดที่จะใช้แสงที่มีความเสถียรในการจับภาพที่ดีกว่าเข้ามา จึงเอาแนวคิดทั้งสองอย่างมาทำงานร่วมกัน คือนำเอา Blue LED (LED สีน้ำเงิน) ทำงานร่วมกับ Laser Tracking (Diffuse Beam) บน Specular Optics ที่จะยิงแสงทั้งสองรูปแบบสะท้อนพื้นผิวเพื่อให้ CMOS sensor รับภาพด้วยแสงสีน้ำเงินที่สะท้อนพื้นผิวได้ดีกว่า ทำงานร่วมกับแสง Laser เป็นแบบไม่ต่อเนื่องมาผสม ทำให้ทำงานได้บนพื้นผิวที่สกปรกและที่มีแสงสะท้อนได้ดีมากขึ้น

image

รูปจาก What you need to know about Microsoft’s BlueTrack mouse

image

รูปภาพจาก Microsoft BLUETRACK Mouse: Microsoft Explorer Mouse and Mini Mouse

จากการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทำให้เราได้ Mouse ที่มีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นมากๆ ทำงานได้แม่นยำมากขึ้นทีเดียว บนพื้นผิวที่หลากหลายเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นวันนี้เลยเอา Targus Wireless Mouse Blue Trace มาใช้งานและนำมาแนะนำว่าดีและทำงานได้เท่ากับต้นตำหรับอย่าง Microsoft หรือไม่

DSC_5461

ตัวเมาส์ออกแบบเป็น Dualpurpose และ Ergonomic Design เท่าที่ลองจับจะดูแบนๆ หน่อย ไม่สูงมากนั้น ทำให้เหมาะกับใช้ทำงานบนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทั่วไป หรือพกพาทำงานนอกสถานที่ได้สบายๆ ด้วยคุณลักษณะที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป เหมาะมือพอดีๆ เนี่ยแหละ

ในส่วนของการคลิ๊กปุ่มนั้น ต้องบอกว่าต้องปรับตัวสักหน่อย เพราะต้องใช้แรงกดมาสักนิด อาจจะเพราะการออกแบบที่ให้ฝาหลังของเมาส์นั้นถอดเปลี่ยนได้เลยทำให้กดได้ไม่หนักแน่นเพียงพอก็ได้

โดยเจ้าตัว USB Wireless Micro receiver นั้นมีขนาดเล็กดีมาก ทำงานบนคลื่นความถี่ RF 2.4GHZ รองรับการทำงานได้ไกลถึง 33 ฟุต จากการออกแบบแบบนี้ผมบอกเลยว่าชอบมากๆ มีขนาดเล็กไม่รำคาญเวลาใช้งานกับ Notebook

DSC_5460 DSC_5459

ตัวแบตเตอร์รี่ใช้ AA จำนวน 2 ก้อนด้วยกัน มีสลักยึดไว้ให้มั่นคงไม่หลุดออกมาได้ง่ายๆ โดยที่เจ้าตัว Mouse ตัวนี้ไม่กินไฟจากแบตเตอร์รี่มากนักครับ ในเสปคเขียนไว้ 12 เดือน แต่ก็ต้องรอดูว่าจะอยู่ได้ถึงเท่าไหร่ หลายๆ คนอาจจะบอกว่าใช้ AA ทำให้เมาส์หนักขึ้น ซึ่งผมก็มองว่าจริง แต่ถ้าชินกับเมาส์รุ่นก่อนๆ ที่ใช้แบบเดียวกันแล้วจะเฉยๆ มากกับน้ำหนักประมาณนี้

DSC_5463

ที่ด้านล่างนั้นมีตัว Sensor ที่เป็น Blue Trace ครับ จะไว้อยู่ด้านขวาของตัวเมาส์ จากการใช้งานแล้วนั้นเทียบกับ Microsoft นั้น ต้องบอกว่ามันเร็วกว่าครับ ด้วย Setting Profile ใน Control Panel เดียวกัน บนเครื่องเดียวกัน ในระยะทางในการลากเมาส์เท่าๆ กัน Targus ให้ระยะที่เยอะกว่า ซึ่งผมใช้เวลาปรับตัวอยู่หลายวันกว่าจะชิน เพราะมันเร็วเกินไป เหมือนมาขับรถที่มีแรงม้าเยอะๆ มันจะเร่งๆ ให้เราออกตัวไปเร็วๆ แทนที่จะออกตัวช้าๆ แบบเมาส์ตัวเก่าครับ ส่วนตัว Microsoft นั้นให้ความนุ่มนวลในการลากมากกว่าครับ อาจจะเพราะขนาดของเมาส์นั้นใหญ่กว่า ฐานของเมาส์กว้างกว่าของ Targus เลยทำให้มันนุ่มนวลกว่าในการลาดไปบนพื้นผิวต่างๆ ส่วน Targus นั้นดูกระชากกระด่างกว่าครับ แต่ที่แน่ๆ ความแม่นยำนั้นไม่ต่างกัน คือบทจะลากให้ไปก็คือไปเลย ไม่มีอาการกระตุก หรือลักเลจะไปดีไม่ไปดีครับ ตรงนี้ต้องแยกให้ออกระหว่างความแม่นยำกับความนุ่มนวลในการลาก ความหมายไม่เหมือนกันนะครับ

ที่ด้านล่างถัดจาก Sensor ก็จะมีที่เสียบแบบแม่เหล็กสำหรับดูดเจ้าตัว USB Wireless Micro receiver ไว้กับตัว Mouse ซึ่งจากที่ได้ใช้งานและเคลื่อนย้ายก็ไม่เกิดอาการหลุดหรือทำตกหล่นแต่อย่างใดครับ

ส่วนตัวแล้วใช้งานพึงพอใจพอสมควรในเรื่องความเล็กและการเก็บตัว receiver ที่พกกาง่าย ได้ความแม่นยำที่คุ้นเคยในราคาที่ไม่แพงมากนัก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการทำงานนอกสถานที่และพกพาไปกับ Notebook มากๆ ครับ

สำหรับราคา Targus Wireless Mouse Blue Trace (AMW50AP) นั้นขายอยู่ที่ 810 บาท (ราคา ณ.วันที่ 25 มกราคม 2555)
จัดจำหน่ายโดย SiS Distribution มีขายตามร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั่วไปครับ

จัดไปกับ Microsoft Arc™ Mouse

วันนี้ผมไปรับ Mouse ตัวเก่า Logitech V270 Bluetooth, HD Optical ตัวเก่าที่เอาไปเคลมได้กลับมาเป็น V320 Wireless RF, HD Optical แล้วทีนี้เลยกะว่าจะเอาตัวที่เคลมได้ขายแล้วซื้อตัวใหม่ซึ่งก้คือ Microsoft Arc™ Mouse ตัวนี้นี่เองครับ วันนี้ผมมาเป็นเซลล์ขายของอีกแล้ว ;P แต่ถ้าอยากอ่านเต็ม ๆ แนะนำไปอ่านที่นี่ดีกว่าครับ Reviews "ARC Mouse" จาก ไมโครซอฟท์ เพราะว่าเค้า review ละเอียดดีมาก ๆ ;)

IMAG0752

กางออกมุนด้านหลัง

IMAG0753

มุมด้านหน้า ตัว scroll ได้แค่ขึ้นและลง โยงไปซ้ายและขวาไม่ได้

IMAG0754 IMAG0755

ที่เก็บ Snap-in Transceiver แปะไว้ด้านล่าง เป็นแม่เหล็กดูดติดกับตัว Mouse เลย

IMAG0758

ขนาดตัว Snap-in Transceiver ก็ไม่ใหญ่มากครับ

ราคาค่าตัว 2,150 บาทครับ จากร้าน P & Y ที่ Pantip ครับ

image

image

ขนาดตามมาตรฐานของมือเราพอดีครับ ไม่เล็กไป (ภาพจากเว็บ Microsoft)

  • 2.4 GHz – 30 ft. Wireless Range

    The 2.4 GHz wireless USB micro-transceiver connects wirelessly right out of the box with virtually no interference and has up to a 30 foot wireless range

  • Folds For Portability

    Mouse folds to 60% of its fully expanded size using the strong metal hinge. Folding the mouse closed automatically turns it off.

  • Scroll Wheel

    Save time and effort with the scroll wheel—navigate documents and Web pages without using the on-screen scroll bar.

  • Battery Status Indicator

    You won’t get caught with a dead battery—the Battery Status LED Indicator glows red when the battery is running low.

  • Snap-in Transceiver

    Micro-Transceiver snaps into the bottom of the mouse.

  • One-touch access to Windows Flip 3D*

    Allows you to flip through open windows in a stack and quickly switch between applications for added productivity.

  • Customizable Buttons

    Get quick access to the media, programs, and files you use most often with customizable buttons.

  • Comfort for Either Hand

    Use your mouse with your left or right hand—ambidextrous design makes it comfortable either way.

  • Ergonomic Design

    Point and click in comfort—ergonomic design helps you work longer without discomfort.

  • Designed for Notebook PCs

    Compact and comfortable, our handy notebook and laptop products are designed for convenience and mobility.

  • Snap-in Receiver

    Plug in the snap-in receiver when you’re ready to work, then snap it into your mouse when you travel, preserving battery life.

  • Laser Technology

    Microsoft Laser Mouse products are more precise, more responsive, and deliver smoother tracking.

  • 6+ Months Battery Life

    Work with less interruption with longer battery life.

  • 3-Year Limited Hardware Warranty

    Ref : Microsoft Hardware : Arc™ Mouse

  • ประสบการณ์ในการใช้งาน Microsoft Wireless Notebook Optical Mouse 4000

    หลาย ๆ คนคงรู้อยู่แล้วว่าผมนั้นเป็นคนที่ใช้เมาส์ยี่ห้อ Microsoft มาแต่ไหนแต่ไร ในหลาย ๆ ตอนของ Weblog ผมก็ได้พูดถึง Microsoft Mouse มาพอสมควร แต่วันนี้จะมาพูดถึง Microsoft Wireless Notebook Optical Mouse 4000 กันครับ ซึ่งเมาส์ตัวนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้ Laptop ครับ ตัวเล็กแต่เหมาะมือครับ แรก ๆ อาจจะจับยากหน่อยแต่พอใช้ไปสักพักจะเริ่มชินและใช้งานได้คล่องขึ้นครับ

    ด้านบน


    ด้านซ้าย


    ด้านขวา


    ด้านหลัง


    ด้านล่าง จะมีที่เก็บเสาสัญญา


    เสาสัญญาตัวนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่มากครับ ส่งสัญญาได้ประมาณ 1 เมตรกว่า ๆ (แต่ทดลองแล้วได้เกือบ ๆ 2 เมตรครับ)


    ขนาดเมื่อเทียบกับมือ


    ช่องใส่แบตฯ ครับ

    ผมได้ใช้เมาส์ตัวนนี้มาได้เกือบ 3 อาทิตย์แล้ว ในด้านความแม่นยำมีสูงมาก ซึ่งตาม spec คือ 1,000 dpi ครับ ซึ่งสูงกว่าเมาส์ตัวเก่าผมถึง 2 เท่า (Wheel Mouse Optical และ IntelliMouse Optical ได้อ่านจากคนที่ได้ทดสอบน่าจะอยู่ประมาณ 400dpi – 500dpi ครับ และ Wireless IntelliMouse Explorer 2.0 อยู่ที่ 600dpi ครับ) ในตอนแรก ๆ ที่ได้ใช้จะดูว่ามันเคลื่อนที่ได้เร็วมาก และเมื่อปรับระดับการเคลื่อนที่ของตัว Cursor ให้เหมาะสมกับการใช้งาน จะรู้ได้เลยว่าต่างจากตัวเก่าที่ความแม่นยำมากครับ (อาจจะน้อยกว่าบางยี่ห้อที่อยู่ระดับ 1,xxxx – 2,xxxx dpi) ครับ

    จริงๆ แล้วอยากได้ Microsoft Wireless Notebook Laser Mouse 6000 มากกว่า แต่ด้วยว่างบไม่พอเลยเอาัตัวนี้ก็พอ แต่ก็ถือว่า ok ในระดับราคา 1,800 บาทครับ

    โดย Feature ของมันก็มี

    • Microsoft® High Definition Optical Technology อย่างที่บอกไปแล้วครับว่ามีความละเอียดระดับ 1,000 dpi ครับ
    • Ergonomic Design อันนี้ออกแบบให้เหมาะสมกับมือ และการใช้ครับ ซึ่งทำให้ไม่เมื่อยมือครับ
    • Wireless Freedom เป็นแบบไร้สาย
    • Customizable Buttons มี Software (ไม่ขอเรียกกว่า Driver เพราะว่าเราเสียบแล้วเจอเลย แต่ถ้าต้องการความสามารถมากขึ้นก็ต้องลง Software ไปแทน) แถมมาด้วยครับ สามารถปรับแต่งการใช้งานได้หลากหลาย และสามารถปรับการใช้งานแต่ละปุ่มได้ว่าในแต่ละโปรแกรมที่เราใช้นั้นปุ่มแต่ละปุ่มจะมีหลายที่อะไรบ้าง (อันนี้ผมหล่ะชอบมาก)
    • Comfortable in Either Hand ใช้ได้ทั้งมือซ้ายและขวา
    • Rubber- Sided Grip ตัวเมาส์นั้นใช้แผ่นยางเป็นส่วนประกอบเพื่อการยึดเกาะกับมือไม่ให้หลุดมือได้ง่าย
    • Cutting-Edge Design
    • Smart Receiver ตัวส่งสัญญาที่เล็กและเก็บได้ง่าย แถมยังหาสัญญาเมาส์ให้เองด้วย
    • Laptop/Notebook Portable เหมาะสำหรับ Laptop
    • Longer Battery Life อันนี้แหละที่ชอบมากสำหรับ Mouse Microsoft ซึ่งเป็นสิ่งที่ยี่ห้ออื่นสู้ไม่ได้ครับ อย่างตัวเก่าที่เป็น Wireless ก็ใช้แบตฯ ได้นานถึง 3 เืดือนกว่า ๆ (ใช้งานหนักมาก) ซึ่งถือว่าอึดมากครับ ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นไม่เกิน 2 สัปดาห์คงหมด
    • Scroll side to side เป็น Wheel Scroll แบบ 4 ทิศทางครับ ใช้สะดวกมาในการจัดการเอกสาร, ท่องอินเตอร์เน็ต และทำงานต่าง ๆ ที่ต้องใช้พื้นที่จอที่ล้นออกมาจนต้องใช้ Scroll bar ครับ
    • Magnify อันนี้ไว้สำหรับ Zoom ดูข้อความหรือรูปภาพโดยไม่เสียรายละเอียดครับ เหมาะสำหรับคนที่ชอบอ่านข่าว หรือหนังสือบน Computer ครับ ทำงานเหมือนแว่นขยายครับ

    เลือก mouse ดีทำงานได้คล่องขึ้น !!!

    หายไปนาน ไม่ได้ไปไหนหรอก แต่ว่าเน็ตที่หอ ทำการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ต่าง Wireless (ไร้สาย) เป็น Wire (สาย) แทน ไม่รู้ว่า ปรับทำไม -_-”

    ประกอบกับมีงาน project ที่ต้องส่งอาจารย์อีก แถมสอบ Final Exam วิชาที่เรียนอีกต่างหาก เลยหายไปเลย

    จริง ๆ อยาก เขียน blog อ่ะนะ idea เพียบ แต่พอจะเขียนจริง ๆ แล้วมันหายหมด T_T

    วันนี้ก็เรื่องของเรื่องคือ รุ่นน้องมันมาถามว่า “พี่ ๆ Mouse พี่ตัวนึง ๆ ทำไมแพงจัง บ้ายี่ห้อ เหรอ เห็นใช้แต่ Microsoft ทั้งนั้นเลย”

    ก็ตอบมันตรงนี้เลยแล้วกันว่า ไม่ได้บ้ายี่ห้อหรอก แต่ว่าด้วยเหตุที่มันทำงานได้ดี มาตั้งแต่รุ่นพี่มันที่ได้ซื้อมา ตั้งแต่รุ่น Microsoft IntelliMouse รุ่นแรกแล้ว (ตอนนี้น่าจะเป็นรุ่น Classic ไปแล้วมั้ง) และ Microsoft IntelliMouse Optical ต่อมาก็ Wheel Mouse Optical และ Wireless IntelliMouse Explorer

    ทั้งหมดทั้งปวง ทำงานได้ดีมาก แต่ว่า Wireless IntelliMouse Explorer เจ้าตัวนี้หน่วง ๆ นิด ๆ ไม่ค่อยเหมาะกับเรา ตอนนี้เลยปล่อยไว้เฉย ๆ ก่อน เพราะว่ามันเหมือนไม่ค่อยเข้ากับตัวเราเท่าไหร่ ตอนนี้เลยใช้ Wheel Mouse Optical แทน และที่ไม่ใช้ IntelliMouse Optical เพราะว่าใช้กับเครืองที่บ้านดีกว่า มันแก่ แล้ว จะ 5 ปีแล้ว ให้น้องคนกลาง ทำงานแทน ส่วนน้องสุดท้อง ไม่ได้ดั่งใจในด้านการทำงานหน่วงตามแบบฉบับของ Wireless เลยทิ้งไว้เฉย ๆ ก่อน

    แต่ด้านความแม่นยำในการทำงาน นั้นถือว่าดี มาก ใครที่บอกว่ามันไม่ต่างกับ Mouse ราคา 350 ที่เป็น Optical เหมือนกัน ลองซื้อ หรือไปทดสอบที่ร้านค้าดู (ถ้าเค้าให้ลองนะ) ว่ามันต่างตรงไหน

    งั้นบอกก่อนดีกว่า อย่างแรกคือการตอบสนองที่ดีกว่ามาก ๆ อย่างผมใช้งานต้องการตอบสนองที่รวดเร็ว ไม่กระตูก ทันใจ และมีความละเอียดในการควบคุม ด้วยแล้ว Mouse ราคาถูก ๆ ไม่ได้กินหรอก อย่างที่ใช้อยู่มัน 800DPI เห็นจะได้นะ

    อย่างต่อมา ก็เรื่องความทนทานของ ปุ่มกด ที่กระหน่ำกด มันก็ไม่พัง ไม่ค้าง สักทีนึง … ทั้ง 4 ตัวที่ใช้งานอยู่ ยังคงใช้งานได้ดีีอยู่ ตัวที่แก่ที่สุดก็จะ 8 ปีแล้วมันก็ยังคงคลิ้ก ได้เสียงที่ Classic ตามแบบฉบับของมันอยู่ ไม่เสื่อมคลาย

    การเลื่อน Scroll ที่แม่นยำ และไม่เลื่อนไปมากกว่าที่เราต้องการมากด้วยดิ อันนี้ก็อีกปัจจัยนึงเลยหล่ะ

    สายสัญญาต่าง ๆ พวกสายอ่อน ๆ นี่อย่าไปซื้อ เพราะว่ามันจะงอ และขาดง่ายมากเลยหล่ะ แนะนำพวกสายแข็งๆ หน่อย ซึ่งมันก็แพงอีกหล่ะ …… -_-”

    รูปทรงของ Mouse นั้น ส่วนมาก ถ้าเป็นรุ่นที่มีราคาแพงจะมีความเข้ากันได้กับมือ หรือลักษณะทางร่างกายของมนุษย์ ที่ทำให้เราทำงานกับมันแล้วไม่เมื่อย หรือเกิดอาการของโรคทางข้อกระดูก หรือเส้นเอ็นต่าง ๆ

    พวก Mouse แพง ๆ จะมี Software ที่แถมมาที่ทำงานได้ดีกว่า และ Driver ที่ตรงตามรุ่นของมันด้วย แถมปรับแต่งได้ละเอียดกว่าด้วยดิ อันนี้สำคัญมากสำหรับเรา เพราะว่าบางครั้งปุ่มบางอันเราไม่อยากใช้เป็นไปตามค่่า Default ของ OS เราก็ปรับแต่งได้ อันนี้ถือว่าเป็นจุดหนึ่งในเรื่องของราคา

    เห็นถึงข้อแตกต่างของความสามารถ ,ความทดทาน และการสนับสนุนของตัว Mouse ในรุ่นแพงหรือยังหล่ะคัรบ

    เรื่องของ Mouse และ Keyboard เนี่ย น่าจะลงทุนซื้อของดี ๆ กันหน่อยนะ เพราะว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่เราต้องสัมผัสกับมันตลอดเวลา และส่งผลกับเราพอๆ กับ Monitor เลยทีเดียว น่าจะเลือกให้มันดี ๆ หน่อยนะ …….