/*p0rt80 BKK*/ – PHP Day

ด้วยความร่วมมือจาก Narisa.com, ThaiAdmin.org, Blognone.com, ThaiThinkPad.com และ ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) เราขอเชิญเพื่อนๆ ชาว Dev และเพื่อน ๆ ใน Community (คุณนั่นแหละ) และบุคคลที่สนใจ มาพบปะสังสรรค์แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ในงาน /* pOrt80 BKK */ ซึ่งเป็นงานที่ว่ากันด้วยเรื่องการพัฒนา App โดย PHP และ Open source ต่าง ๆ เพื่อใช้ในงานประจำวันของเรา นอกจากเพื่อน ๆ ที่อาสาเป็น Speaker ในงานเช่น คุณสมเกียรติ ปุ๋ยสูงเนิน : [Narisa.com: Up1] คุณมหศักดิ์ พิจิตรธรรม (ZCE:214599205) : [Narisa.com : Zelda] เรายังได้เชิญตัวแทนจาก Zend Technologies ประเทศสิงคโปร์ มาพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับ Framework, Roadmap และได้เชิญผู้คร่ำหวอดในวงการ PHP ที่ตั้งบริษัทของตัวเองจนประสบความสำเร็จมามาแบ่งปันประสบการณ์ว่าท่านเหล่า นั้นทำได้อย่างไร อีกทั้งยังมี คุณวสันต์ ลิ่วลมไพศาล ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Blognone.com มาแชร์ความรู้ในการเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายกว่าด้วย PHP Data Object พร้อมด้วยกูรูจาก Ford AntiTrust มาเล่าเรื่องราวของ PHP Performance with APC + Memcached

ในงานไม่ใช่จะแต่สาระเพียงอย่างเดียว ยังมีความบันเทิงพบปะเพื่อนใหม่ พร้อมรับของที่ระลึก
ให้กลับบ้าน มาเถอะครับ กระชับวงล้อม ขยับเข้ามาช่วยกันสร้างชุมชนที่มีแต่มิตรภาพกันครับ

งานนี้เหมาะกับใคร ?

  • ผู้สุงวัยชาว PHP ที่ต้องการถ่ายทอดประสบการณ์
  • ชาว PHP ที่ต้องการหาอะไรใหม่ ๆ มาช่วยให้งานดูดี
  • มือใหม่ บุคคลที่สนใจ
  • นักศึกษาที่กำลังหาแนวทางในการทำ Senior Project หรือ กำลังงงว่าจะไปทางไหนดี
  • ชาว Dev ไม่มีที่จะไปและไม่มีใครชวนไปไหนในวันอาทิตย์

วันและสถานที่จัดงาน

วันอาทิตย์ ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553
เวลา 9.00 ถึง 17.15 น. (ลงทะเบียนเวลา 9.00 ถึง 9.30 น.)
ชั้น 38 บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย)

ค่าใช้จ่ายและการลงทะเบียน

ฟรี! ตลอดงานครับ มาแต่ตัวกับหัวใจ เราเตรียมอาหารกลางวันรสดี กาแฟรสเลิศ ของเสริฟในยามว่าง เราเตรียมไว้ให้ตลอดงานครับ ร่วมลงทะเบียนเข้างานเพื่อรับของที่ระลึกเก๋ ๆ ได้ที่นี่ครับ

หัวข้อภายในงาน

  • PHP Roadmap
    โดย Mr. Rama Yurindra, Zend Technologies Representative, Singapore
  • ธุรกิจสิบล้านกับงาน PHP แบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ จากคนคอเดียวกัน
    ว่าสามารถสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จจาก PHP ได้อย่างไร

    โดย คุณศุภโชติ กาญจนกรทอง ผู้ก่อตั้งบริษัท 2Fellows Network and Design
  • Exploring a power of SQL Server and PHP
    โดย คุณฟูเกียรติ จุลนวล (Narisa.com: Fuju)
  • สร้างระบบ e-commerce ด้วย CodeIgniter
    โดย คุณสมเกียรติ ปุ๋ยสูงเนิน (Narisa.com: Up1)
  • PHP in Enterprise
    โดย คุณมหศักดิ์ พิจิตรธรรม (ZCE:214599205) : (Narisa.com : Zelda)
  • PHP Performance with APC + Memcached
    โดย Ford AntiTrust (Web Developer/Consultant, Database Consultant, Ubuntu Implementer, Blogger and Photographer)
  • เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายกว่าด้วย PHP Data Object
    โดย คุณวสันต์ ลิ่วลมไพศาล ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Blognone.com
  • Update Web Platform Installer และ Resource ฟรี ๆ
    จาก ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย)

    โดย คุณสงวน ธรรมโรจน์สกุล

รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่ http://www.microsoft.com/thailand/seminar/FY11Q1_port80bkk/

ประสบการณ์ระหว่างการ Upgrade ไปใช้ Microsoft Office Home and Business 2010

ทำเป็น Timeline ง่ายๆ ให้ดูกันครับ

  • 09:50 น. – เริ่มติดตั้ง Microsoft Office Home and Business 2010 Trial License โดยที่บนเครื่องยังมี Microsoft Office Small Business 2007 OEM License อยู่ โดยทำการ Upgrade แทนการ Clean Install
  • 10:10 น. – Error!!! ติดตั้งไม่ผ่าน คาดว่ามาจากไป Force Upgrade ด้วยการเลือก Outlook 2010 ในการติดตั้งลงไปด้วย ลงค้นใน Help มีคำแนะนำว่าไม่ควรติดตั้ง Outlook 2010 กับ Outlook 2007 ลงบนเครื่องเดียวกัน  รวมถึง SharePoint Workspace (Office Groove 2007) ด้วย (แต่ผมไม่ได้ใช้ Groove 2007 เลยไม่ได้ติดตั้งไว้)
  • 10:15 น. – ติดตั้งใหม่อีกรอบ โดยไม่เลือก Outlook 2010 ในการติดตั้ง เพื่อทดสอบว่าใช่ตามที่คำแนะนำใน Help บอกหรือไม่ (เสี่ยงมากๆ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว)
  • 10:30 น. – การอัพเกรด  Microsoft Office 2007 Small Business ไป Microsoft Office Home and Business 2010 ขึ้น Congratulations ถือว่าผ่านแล้วสำหรับ Word, Excel, PowerPoint และ OneNote สามารถติดตั้งและอยู่ร่วมกับ Office 2007 ได้เกือบทั้งหมด (ยกเว้นไอ้ 2 ตัวบนอย่างที่บอกไปแล้ว)
  • 10:35 น. – ถึงตรงนี้ก็เอาก็เอา ไหนๆ ก็ไหนๆ ทำการ Completed Remove ตัว Microsoft Office Small Business 2007 OEM License ทั้งหมด เงิน 7,600 บาทผม หายไปแล้ว!!!  ซึ่งการ Upgrade ใช้ลักษณะ Completed Remove ตัว Office 2007 แล้วติดตั้ง Office 2010 อีกครั้ง โดยเลือกติดตั้ง Outlook 2010 ลงไปเพิ่มเติมในลักษณธ Add/Remove Features ไม่งั้นจะติดตั้ง Outlook 2010 ไม่ได้
  • 10:55 น. – ทำอย่างขึ้น Congratulations อีกครั้ง \(^O^)/ ….
  • 10:58 น. – ทำการ restart เครื่อง 1 รอบ
  • 11:00 น. – เปิด Outlook 2010 ตัวโปรแกรม ทำการ Migrate ตัว Profile ของ Account E-Mail และ Config ของ Office 2007 และทำการ Optimize PST File (Outlook Data File) ทั้งหมด เมื่อตรวจสอบทุกอย่าง OK แล้ว Outlook 2010 จะโหลดตัว Config เก่ามาให้ครบไม่ต้อง Config ใหม่ !!!
  • 11:05 น. – ทดสอบ Sync ข้อมูลกับ BlackBerry 8520 ผ่าน BlackBerry Desktop Manager ทำได้ไม่มีปัญหา ทดสอบแล้วผ่าน ทั้ง Contact, Calendar, Note และ Task
  • 11:10 น. – ทดสอบกับ Official – Google Calendar Sync 0.9.3.5 ไม่สนับสนุน Outlook 2010!!! จบกัน!!!!
  • 11:15 น. – หาข้อมูลว่าทำยังไงดี มีหลายวิธีมาก แต่สุดท้ายที่ใช้กับคือใช้ HexEditor ไป Hex ไฟล์ GoogleCalendarSync.exe ให้ ไปโหลดตัวสำเร็จได้จาก http://pplware.sapo.pt/truques-dicas/usar-o-google-calendar-sync-no-office-2010/ ตอนนี้ Google Calendar Sync ก็ทำงานร่วมกับ Outlook 2010 ได้แล้ว!!!

 

image

7 สิ่งมหัศจรรย์ แห่ง 7 – ตอนที่ 3 สิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 5-7 – Native VHD boot, XP Mode และ UAC

ห่างจาก "7 สิ่งมหัศจรรย์ แห่ง 7 – ตอนที่ 2 สิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 4” มา 8 เดือน!!! แต่ยังเขียนต่อนะครับ ;P

Native VHD boot

คุณสมบัตินี้ มีอยู่ใน Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 ซึ่งเจ้า Native VHD boot นี้จะใช้ได้ใน Edition ของ Windows 7 คือ Enterprise และ Ultimate edition เท่านั้นครับ

โดยเจ้า VHD นั้นเป็นชนิดของไฟล์ที่คิดค้นโดยบริษัท Connectix ผู้เป็นเจ้าของซอฟต์แวร์ชื่อดังอย่าง Virtual PC และต่อมา Microsoft ได้เข้าซื้อกิจการจนเปลี่ยนชื่อเป็น Microsoft Virtual PC ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา เมื่อซื้อมาแล้วก็ปล่อย Microsoft Virtual PC ออกมาเพื่อให้ทำงานได้บน Windows XP และ Windows 2000 เป็นต้นมา โดยเพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานกับ Operating System ที่เก่ากว่าให้ทำงานแบบ Operating System แบบ Guest OS ได้อีกทีนึง

โดยเจ้า VHD นั้นทาง Microsoft ได้ให้ข้อกำหนดตัว VHD Image Format Specification ไว้เป็นสัญญาอณุญาติแบบ Microsoft Open Specification Promise ทำให้เราสามารถใช้เจ้าไฟล์ VHD กับซอฟต์แวร์จากผู้ผลิตค่ายอื่นๆ ได้เช่นกัน

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ VHD กันก่อน เจ้า VHD นี่ย่อมาจาก Virtual Hard Disk ซึ่งเป็นรูปแบบไฟล์เสมือนที่ทำตัวคล้าย Hard Drive ตัวนึงเมื่อเราทำการเปิดขึ้นด้วยวิธีการ Mount ตัวไฟล์ดังกล่าวขึ้นมา โดยการทำงานภายใน Virtual Hard Disk นั้นทำได้ทุกๆ อย่างเหมือนกับ Hard Drive ตัวนึงเลย

ทีนี้เมื่อมันทำงานได้แบบนี้แล้ว เราก็สามารถติดตั้งตัว Software ใดๆ ลงไปก็ได้ และเมื่อเอามาใช้งานร่วมกับ Microsoft Virtual PC  เราก็สามารถติดตั้ง Operating System ใดๆ ลงไปก็ได้ภายใน VHD ได้เลย ทำให้เราสามารถสั่งให้ Operating System (Guest OS) ตัวอื่นๆ ทำงานบน Operating System หลักได้ (Host OS) ได้เลย ซึ่งการทำแบบนี้นั้น มันเรื่องปรกติครับ ยี่ห้อไหนก็ทำได้

* การใช้งาน Microsoft Virtual PC ขอไม่ผู้ถึงแล้วกันครับ

เมื่อเราสามารถติดตั้ง Operating System ใดๆ ลงไปใน VHD เพื่อทำ Guest OS ได้ ทำไมเราจะ Boot เป็น Host OS ไม่ได้ ซึ่งใน Windows 7 นั้นสามารถใช้ความสามารถนี้ได้เลย โดยเพียงแค่ติดตั้ง Windows Virtual PC for Windows 7 ลงไปและทำการ Attach/Create VHD ตัวไฟล์ครับ

ซึ่งการทำ Native VHD Boot มีข้อดีคือ

  • สามารถสามารถ Copy ไฟล์ OS เพียงไฟล์เดียวก็สามารถนำไปเปิดเครื่องไหนก็ได้ ที่มีเสปคเดียวกัน แล้วทำงานได้ทันที
  • สามารถลดขนาดของ VHD ไฟล์ได้ง่ายๆ เลย
  • สามารถแยกการ Deployment ตัว Application บางชนิดที่อาจทำให้ระบบ OS มีปัญหาทั้งระบบได้ การแยกออกมาแล้วทดสอบต่างหากบนระบบที่ Call HW Native จริงๆ ทำให้ทราบถึงข้อผิดพลาดได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งลองทดสอบเล่นเกมส์ด้วย Native VHD Boot แล้วทำงานได้ราบรื่นดีมากครับ

แต่ก็มีข้อควรจำไว้ก็คือ

  • VHD นั้นทำงานได้กับ Windows 7 และ Windows Server 2008 R2
  • ประสิทธิภาพของระบบจะลดลงประมาณ 3-5%,
  • Hibernate และ BitLocker อาจจะทำงานได้
  • ระบบ Windows Experience index  ไม่ทำงาน
  • ไฟล์ VHD มีขนาดได้ไม่เกิน 2 TB ต่อ 1 ไฟล์

วิธีการใช้งานก็ตาม VDO – How Do I: Windows 7 VHD Boot Demonstration? (WMV) ครับ 

XP Mode

ซึ่งต้องใช้กับ Windows 7 รุ่น Professional, Enterprise และ Ultimate เท่านั้น

ซึ่งต้องไปดาวน์โหลดที่ http://www.microsoft.com/windows/virtual-pc/download.aspx โดยเลือกตาม edition ที่ตัวเองมีอยู่
โดยไฟล์ที่เกี่ยวข้องจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ส่วนคือ

  1. Windows XP Mode
  2. Windows Virtual PC
  3. Windows XP Mode update

เมื่อติดตั้งพร้อมเราก็จะได้ Windows XP Mode ซึ่งก็คือ Windows XP Service Pack 3 ที่ทำงานบน Windows 7 อีกทีนึง ถ้าคุณใช้ CPU ที่ลองรับ Virtualization จะทำให้สามารถทำงานได้รวดเร็วมากขึ้นด้วย

ซึ่งจากที่ผมใช้งานแล้วนั้นสามารถนำไปใช้งานเพื่อเปิดโปรแกรม หรือใช้งานอุปกรณ์เก่าๆ ที่ driver ไม่รองรับ Windows 7 ได้อย่างดีครับ อย่างของผมที่เจอคือ Scanner USB ตัวเก่า ผมทำงานผ่าน USB Simulator Mode เข้าไปที่ XP Mode แล้วทำการ Scan ได้เลย และทำงานได้อย่างดีเลย แถมบนโปรแกรมทำ Seamless Virtual Machine ได้ด้วย ที่ใช้บ่อยๆ ก็คือเปิดใช้งาน IE6 เพื่อทดสอบเว็บที่ทำงานส่งลูกค้านั้นเองครับ

UAC (User Account Control)

หลายคนอาจจะรำคาญเจ้าตัวนนี้ เพราะทุกครั้งที่ติดตั้งโปรแกรมหรือทำงานที่ยุ่งกับส่วนหลักของระบบจะเด้งขึ้นมาให้เรากด Yes/No ใน Windows 7 นี่ลดจำนวณความถี่ลงและมีส่วนที่ปรับลดควมเข้มงวดลงได้ง่ายขึ้นเยอะเลย เลยรู้สึกว่ามันทำงานได้ดี และช่วยลดการติดไวรัสหรือโปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์ได้เยอะมากๆ เลย

image

อ้างอิงจาก

7 สิ่งมหัศจรรย์ แห่ง 7 – ตอนที่ 2 สิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 4

ห่างจาก "7 สิ่งมหัศจรรย์ แห่ง 7 – ตอนที่ 1 สิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 1-3” มาหลายอาทิตย์ แต่ยังเขียนต่อนะครับ ;P

4. Network Connection และ Default Printer ที่แปรผันตาม Network Connection

เป็นสิ่งที่ได้รับการปรับปรุงจาก Vista พอสมควรครับ คลิ้กไม่กี่ทีก็สามารถ Connect หรือ Disconnect ได้ทัน และสิ่งที่น่าจะดีขึ้นจาก Vista คือการเข้าถึง Connection Propperties ที่ใช้การคลิ้กลดลงครับ

2009-10-13_203955 2009-10-13_204042

ส่วนต่อมานั้นหน้าตาของ Network and Sharing Center ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจาก Vista มากนัก แต่ส่วนที่น่าสนใจคือ Network Location ครับ เป็นลักษณะของ Profile ด้านความปลอดภัย

image

  1. Home network – สำหรับ Network ที่ใช้ภายในบ้านที่จะเปิดใช้งาน HomeGroup และ Network discovery เพื่อให้เครื่องอื่นๆ และเราเห็นว่ามีใครใน Network ของบ้างเป็นค่าเริ่มต้น (จะปิดก็ได้)
  2. Work network – คล้ายๆ กับ Home network แต่จะปิด  Network discovery ก็ได้ และจะไม่สามารถสร้าง หรือเข้าไปใช้งาน HomeGroup ได้
  3. Public network – เป็น location ที่เหมาะมากสำหรับคนที่มักไปเล่นนอกสถานที่โดยจะปิดการใช้งาน HomeGroup และ Network discovery ออกไปทำให้คุณไม่โดนโจมตีหรือเห็นในระบบ Network (ในเบื้องต้น) และยังปิดการ Share พวก Folder ต่างๆ โดยอัตโนมัติครับ (แต่ปรับแต่งภายหลังได้ในระบบ Advanced Settings)
  4. Domain – เป็น option เล็กๆ สำหรับ Enterprise ครับ อันนี้คงไม่ขอพูดถึงรายละเอียด

ซึ่งตัว HomeGroup นั้นจะอยู่ใน Home Premium, Professional และ Ultimate ที่ทำให้เราสามารถปรับแต่ง Sharing Profile และตั้งรหัสผ่านสำหรับ Join เข้ามาใน HomeGroup เพื่อเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ใน HomeGroup ได้ทันที จากทีเมื่อก่อนมี Workgroup แต่ค่อนข้าง Public มากๆ เพราะแค่เสียบสาย Ethernet หรือเข้าถึงผ่าน WiFi ก็สามารถเข้า Workgroup ได้ทันที แต่ตอนนี้เรามี HomeGroup เข้ามาร่วมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลที่เราทำการ share กันได้มากขึ้น เพราะถ้าไม่มีรหัสผ่านก็ไม่สามารถเข้า HomeGroup ของเราได้ โดยข้อมูลที่ share กันนั้นจะสื่อสารกันด้วยการเข้ารหัส 128-bit ในการสื่อสารกันผ่านระบบ Network ครับ

โดยที่ 1.-3. นั้นจะเหมาะกับผู้ใช้ตามบ้าน และสำหรับ Power User เราสามารถปรับแต่งได้ที่ “Choose homegroup and sharing options”

image

โดยด้านในนั้นจะมีให้เลือกว่าเราจะให้ default libraries ตัวใดบ้างใมนการ Share ออกไปได้ ซึ่งเราถ้าเข้าไปที่ Change advanced sharing settings เราจะสามารถตั้งค่าของ Home or Work Network และ Public Networkได้ว่าเราจะเปิดและปิดอะไรบ้าง ซึ่งในงานของผมแล้วเนี่ย Home และ Work Network นั้นต่างกันแค่ต้องตั้งค่า Homegroup แยกออกมาจาก option ข้างต้นเท่านั้นครับ นอกนั้นเหมือนกันหมด แต่ Public จะแยกออกาชัดเจนเลย

image

ซึ่งในส่วนของ Network นี้จะมี option รวมเข้ากับ Windows Firewall with Advanced Security ด้วยครับ

image

ซึ่งในส่วนนี้จะ Advanced มากๆ ซึ่งยก option ต่างๆ มาจาก Windows Server เยอะเหมือนกัน

2009-10-13_212824

image

ซึ่งสามารถ filter ตัว rule ได้ผ่านทางรูปแบบ Program, Port หรือ Predefined ที่เป็นตัวอย่างมาให้แล้ว หรือจะ custom ก็ได้เช่นกัน โดยเมื่อเราเลือกตัว Rule type ได้แล้วนั้นที่ Action เราก็กำหนดได้ว่าจะ Allow หรือ Block ได้ ซึ่งผมบอกไปแล้วว่าเราสามารถใช้ Rule เหล่านี้ที่เรากำหนดไว้ตาม Network locaton ได้

image

ซึ่งเมื่อเรากำหนดว่า Rule ที่เรากำหนดเองเหล่านี้ทำงานบน Network location ตามที่เราต้องการได้เลย ทำให้เวลาเราปรับ Network connetion เราก็ไม่ต้องมานั่งเปิด-ปิด Rule ต่างๆ ของ Firewall เอง (จะเห็นได้ว่าไม่มีคำว่า Home or Work เพราะโดนรวมเป็น Private profile ลงไปทั้งหมด ซึ่งผมคิดว่าถ้าปรับคำให้ตรงกัน น่าจะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นนะครับ)

สำหรับส่วน Network ตัวหลัก ๆ ผมชอบก็ประมาณนี้ และส่วนที่ชอบพอๆ กันและมารวมกันในข้อนี้คือ Default Printer ที่แปรผันตาม Network Connection ครับ ซึ่งเข้าไปที่ Devices and Printers แล้วเลือกที่ Printers ตัวไหนก็ได้จะเจอเมนู Manage default printers ขึ้นมาครับ

image

แล้วเราก็ทำการจับคู่ระหว่าง Network กับ Printer ได้เลยครับ เช่น Network ที่บ้านอาจจะใช้ default printer ตัวนึง ที่ทำงานมี Network อีก profile ก็ใช้ default printer อีกตัวนึงโดยระบบจะสลับให้ทันทีครับ อันนี้ช่วยได้เยอะเลยสำหรับคนใช้ Netbook ทำงานหลายๆ ที่ครับ

image 

โดยรวมผมคิดว่าเป็นส่วนเพิ่มเติมที่ได้รับการปรับปรุงจาก Vista มาเป็นอย่างดีครับ หลายๆ จุดน่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะเรื่องของ Network location และ HomeGroup ครับ

สำหรับ preview ในส่วนนี้ยังมีรายละเอียดเยอะครับ อันนี้ต้องลองเล่นดูผมขอนำเสนอส่วนที่คิดว่าน่าสนใจครับ จริงๆ มี Streaming Media อีกตัวนะเนี่ย แต่ว่ายกไว้ตอนหน้าครับ ;P ผมเกี่ยวเนื่องกันแต่ผมคิดว่าควรยกไปต่อในส่วนของสิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 5 แทนน่าจะเห็นภาพมากกว่า ;)

Windows 7 Wallpaper Contest

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ เว็บไซต์ www.pixpros.net ขอเชิญผู้สนใจส่งภาพถ่ายเข้าประกวดในโครงการ “Windows 7 Wallpaper Contest” เพื่อร่วมค้นหา 7 ภาพที่ดีที่สุดที่จะได้รับการโปรโมตเป็นภาพวอลเปเปอร์อย่างเป็นทางการของ Windows 7 จากประเทศไทย โดยผู้สนใจสามารถเลือกส่งภาพถ่ายเข้าประกวดได้จาก 7 หมวดต่อไปนี้ (ไม่จำกัดจำนวนภาพและหมวด)

1. Landscape/ Cityspace
2. Nature
3. Architecture
4. Art & abstract
5. Graphic & 3D
6. Digital surreal
7. ETC.
ผู้สนใจสามารถเลือกส่งภาพได้ที่เว็บไซต์ www.pixpros.net จนถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2552 คณะกรรมการจากเว็บไซต์ www.pixpros.net และทีมงานวินโดวส์ 7 จากไมโครซอฟท์จะคัดเลือกภาพที่ผ่านเข้ารอบทั้งหมด 10 ภาพจากแต่ละหมวดและเปิดให้สมาชิก PixPros ร่วมโหวตภาพที่โดนใจได้ในระหว่างวันที่ 13 – 17 ตุลาคม 2552 โดยจะมีการประกาศผลคะแนนโหวตในวันที่ 17 ตุลาคม 2552 ภาพที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด 3 อันดับในแต่ละหมวดจะได้รับการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของวินโดวส์ 7 ประเทศไทย www.windows7thailand.com ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี และจะมีการมอบรางวัลให้แก่ 7 ผู้ชนะเลิศเจ้าของภาพถ่ายที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากแต่ละหมวดในงานวันเปิด ตัววินโดวส์ 7 ในประเทศไทย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2552 ที่ลานแฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน นอกจากนี้ ภาพที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดในแต่ละหมวดจะได้รับการจัดพิมพ์ และจัดประมูลภาพภายในงานอีกด้วย โดยรายได้จากการประมูลจะถูกนำไปบริจาคเพื่อการกุศล

กติกาและหลักเกณฑ์ในการร่วมสนุก
1. ต้องเป็นรูปที่ถ่ายด้วยตนเอง และ/หรือ ตกแต่งภาพด้วยตนเอง
2. ขนาดภาพ 800×500 พิกเซล ไฟล์ต้นฉบับ ขอให้มีขนาด กว้าง 3600 พิกเซล ด้านสูง 2250 พิกเซล และทำภาพขนาด 1440×900 พิกเซลเพื่อส่งเข้าประกวดรอบ 10 ภาพสุดท้าย
3. ใส่โลโก้ของ Microsoft และ Pixpros.Net ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://www.pixpros.net/forums/attachment.php?attachmentid=233718&d=1253504392
4. ในกรณีสำหรับรูปที่มีขนาดผิดไปจากขนาดที่กำหนด คณะกรรมการขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับพิจารณา 
5. ภาพที่ส่งเข้าประกวด ต้องไม่ติดสัญญาเช่าซื้อ/เช่าขาย เนื่องจากภาพที่ชนะการประกวดจะถูกนำไปเผยแพร่ทางสื่ออินเทอร์เน็ตในรูปแบบ Desktop Wallpaper
6. ข้อกำหนดสำหรับข้อมูลและสิ่งที่ต้องใส่มาในภาพ คือ ชื่อภาพ, ชื่อ-นามสกุลผู้ส่ง, ชื่อlogin, หมวดของภาพที่ต้องการส่ง, e-mail ที่สามารถติดต่อกลับได้ หากข้อมูลไม่ครบถ้วนจะไม่ได้รับการพิจารณา
7. การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นมติเอกฉันท์

*** เนื่องจากภาพที่ชนะการประกวดจะถูกนำไปเผยแพร่ทางสื่ออินเทอร์เน็ตของ Microsoft และ PixPros.NET ต่อไป คณะกรรมการจึงขอแนะนำและสนับสนุนให้ผู้ที่ส่งผลงานเข้าประกวดควรใช้ ซอฟต์แวร์ของแท้ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย

ติดตามรายละเอียดการส่งภาพถ่ายเพิ่มเติมได้ที่ http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=36640

นำมาจาก http://suppawat.multiply.com/journal/item/29