สงสัย Microsoft จะ BUILD ไม่ขึ้น ตลาดแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนดูท่าแย่

เพราะถ้ากล่าวจากการสังเกตุ และติดตาม หลังจบครบทั้ง BUILD, WWDC และ Google I/O และตามมาถึง WPC 2014 ของ Microsoft อีกรอบ (ซึ่งกระแสงานเงียบมากเท่าที่ผมรู้สึก) จะเห็นได้ชัดว่า งานทั้ง WWDC และ Google I/O นั้นจัดหนักๆ และเยอะสุดๆ สำหรับ consumer ซึ่งดูแล้วรู้สึกได้ประโยชน์สำหรับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้มาก ส่วน Microsoft ดูจะเหมือนเยอะ แต่ consumer  ดูจับต้องได้ยาก แม้ Cortana จะดูเป็นกระแสดีในหลายๆ เรื่อง แต่ก็ดูจะจับต้องยากอยู่ดี แถม Internet of Things ที่ได้นำเสนอมาก็ดูห่างไกลกว่าความเป็นจริงเหลือเกินกับตัวอย่างภายในงาน BUILD เพราะยังงงๆ ว่ามันจะช่วยอะไรในชีวิตเราได้บ้าง ซึ่งแตกต่างจากฝั่ง Apple และ Google ที่นำเสนอได้เห็นภาพชัดเจนกว่า แม้ไม่ได้สื่อถึงคำว่า Internet of Things แบบที่ Microsoft กำลังสื่อสารออกไป คือผมดูงาน BUILD แล้วไม่รู้ว่าตัวเองจะได้ประโยชน์อะไรกับความสามารถใหม่ๆ เมื่อเทียบกับงาน Google I/O ที่ดูหลากหลาย และเยอะสุดๆ อาจจะใช้ได้จริงบ้างไม่ได้จริงบ้าง แต่เห็นภาพชัดว่ามันจะผสมผสานกันยังไง และแน่นอนว่ามันต้องโดนสักตัวแหละ ส่วน WWDC ก็เป็นการคุมเชิง และพัฒนาที่ค่อนข้างน่าสนใจ คือความสามารถใหม่ใน Mac OS X ดูน่าใช้มากๆ และดูจับต้องได้ มันมีการผสมผสานกันระหว่างระบบหลายๆ ตัวเข้าด้วยกันให้ทำงานร่วมกันได้เนียนขึ้น แต่พอกลับมาดูฝั่ง BUILD และกระแสความสามารถที่จะสู้กับคู่แข่งของ platform กลุ่ม modern ของ Microsoft ในช่วงหลังๆ แล้ว ต้องบอกว่า  Windows phone อาการขั้นโคม่ามาก (จะบอกว่าตายแล้วก็แรงไป) แค่ไล่ตามนี่แทบเป็นไปไม่ได้เลย คือค่ายอื่นเค้าวิ่งแซงทดรอบไปหลายรอบแล้ว ส่วน Windows RT คงสภาพพอๆ กัน คือในงาน BUILD นั้น Windows RT แทบไม่มีการพัฒนาในแง่ความสามารถในส่วนของ comsumer มากนัก พอเทียบกันแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจแรงๆ เพราะดูไร้อนาคตมากทั้ง 2 ตัวนี้ เพราะหากดูจากประสบการณ์ส่วนตัวแล้วนั้น ฝั่งแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน จากฝั่ง Microsoft ทั้ง Lumia 920 ซึ่งผมใช้ Windows phone 8 (และ 8.1) ที่ใช้งานจริงจังเป็นเครื่องหลักมากว่า 1 ปี กับอีก 10 เดือน (ผมซื้อวันแรกๆ ที่ขายในไทย) และ Surface RT ซึ่งใช้ Windows RT (และ RT 8.1) ต้องบอกว่า ทั้ง 2 ส่วนนี้ Microsoft ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าช้ามากๆ บริการต่างๆ ที่พ่วงมากับ ecosystem ที่อยู่บน platform ของตัวเองนั้น สำหรับประเทศกลุ่มที่ 2 อย่างไทยเรานั้น กลับมีความสามารถที่ห่างชั้นมากกับประเทศกลุ่มที่ 1 ซึ่งผิดกับคู่แข่งที่มีพัฒนาการที่ดี หลากหลาย พัฒนาต่อเนื่อง และรองรับภาษาท้องถิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ

ประเด็นหลักที่ทำให้การแข่งขันในตลาดแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนของ Microsoft ดูทำท่าจะแย่นั้นเกิดจาก แอพต่างๆ และ ecosystem ที่ไม่สร้างแรงจูงใจในการที่ให้กลุ่มลูกค้าจากค่ายอื่นๆ ให้หันมาใช้ ถึงแม้จะบอกว่าตัวเองมีแอพคล้ายๆ กับคู่แข่งอยู่เกือบทั้งหมด แต่ความสามารถที่น้อยกว่า นั้นทำให้ยากมากที่กลุ่มลูกค้าเดิมจากค่ายอื่นจะจ่ายเงินในราคาเกือบเท่า หรือแพงกว่าเพื่อหันมาซื้อ (จ่ายแพงกว่าได้ของที่ทำอะไรได้น้อยกว่า ใครจะซื้อ) ตัวอย่างเช่น Evernote บน Windows phone นั้นต้องบอกว่าเข้าขั้นห่วยแตก หรือแม้แต่แอพ Twitter, Facebook, Instagram ที่มีความสามารถที่แค่ไล่ตาม และไม่ได้รับการดูแลเจ้าของบริการเท่าที่ควร แม้ Microsoft จะบอกว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะเจ้าของบริการไม่สนับสนุน แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความถึงการปัดความรับผิดชอบต่อกลุ่มผู้ใช้ตัวเอง ต้องมีการพูดคุยและผลักดันให้หนักกว่านี้ เพื่อให้กลุ่มผู้ใช้ของตนได้รับความรู้สึกถึงการใช้งานที่ไม่ได้เป็นกลุ่มคนเล็กๆ ในตลาด แต่โดยส่วนตัวเองที่เป็นนักพัฒนาแอพคนหนึ่งที่ได้พัฒนาแอพอยู่เนืองๆ ก็อยากบอกว่าเป็นความผิดของ Microsoft เองด้วยที่ออก API สำหรับให้นักพัฒนาใช้ได้อย่างจำกัดมากๆ ซึ่งแน่นอนในมุมนักพัฒนาต้องบอกเลยว่าสิ่งอำนวยความสะดวก และแนวคิดการ “เขียนแอพให้ดี” บน Windows phone และ Windows RT (คิดว่าพูดรวมๆ กันได้เพราะเกิดใกล้ๆ กัน) นั้นมันน้อย ทั้ง API ยังง่อยๆ ทำอะไรง่ายๆ ให้มันยากๆ ยิ่งแล้วใหญ่เลย ส่วนตัวได้สัมผัสกับ API ลึกๆ แล้วส่ายหน้าหนีเลย ผิดกับ API บนฝั่ง Desktop อย่างมาก แม้แต่บน Windows RT ก็แย่พอกัน ก็ไม่รู้ว่าจะพัฒนาให้ทัดเทียมได้เมื่อไหร่ แต่ไหนๆ ก็บ่นแล้ว ก็อยากบอก Microsoft ว่า ถ้าคิดอะไรไม่ออก ก็ไปดู Developer API ของ Android กับ iOS แล้วทำตามเลยหมดเรื่อง คือแฟนบอย Microsoft อย่างผมคงต้องทำใจ และยอมรับว่า Microsoft ช้าเอง ช้ามากๆ แถมไม่มีทีท่าว่าจะอยากทำอะไรให้มันเร็วๆ คือคงได้แต่ทำใจ ให้ตลาดสมาร์ทโฟนกับ Google ไปจริงๆ ส่วนตลาดแท็บเล็ตถ้ายังทำ Windows RT และ Windows 8.1 ที่แอพใน Windows Store app น้อยๆ ความสามารถของ OS ที่ไปสนับสนุนแอพนั้นยังน้อยๆ อยู่แบบนี้ สงสัยคงกลับไปซับน้ำตาที่ Desktop mode ที่ตัวเองถนัดเหมือนเดิม แต่ก็นะ ตลาด Desktop/Notebook PC ที่หดตัว คงทำให้ Microsoft ต้องปรับตัวหันไปทำงานที่ตัวเองถนัดอย่าง enterprise , cloud และ services มากกว่าจะลงมายุ่งกับ consumer ที่เทรนสินค้าตอนนี้มันพ่วงทั้ง H/W S/W และ ecosystem ที่มันมายกชุด ถ้าสินค้ามีไม่ครบ แถมแอพไม่เยอะพอ ก็คงรอดยาก แล้วรักษาฐานที่มั่นบน enterprise ให้ดีๆ ไว้ คือตอนนี้ผมหล่ะกลัวเทรน Bring Your Own Device (BYOD) ที่ Google และ Apple จะเอามาใช้ล้อม Microsoft ในตลาด enterprise จนทำให้ Microsoft มีความเสี่ยงในตลาด enterprise ในอนาคตด้วย เพราะล่าสุด Apple จับมือกับ IBM เพื่อบุกตลาด enterprise แล้วแน่ๆ

ปัญหาในตอนนี้ของ Microsoft ที่ต้องรีบแก้ไข ถ้ายังจะสู้ต่อในตลาด H/W S/W และ ecosystem ในตลาด consumer ก็คือ

1. แก้ไขเรื่อง supply chain ที่ส่งสินค้าลงสู่ลูกค้าให้ทัน คือจากที่เจอ กว่าจะถึงประเทศกลุ่มที่ 2 (เค้าว่าไทยเราเป็นกลุ่มนี้) ก็ออกรุ่นใหม่ในกลุ่มที่ 1 แล้ว ซึ่งผิดกับคู่แข่งที่ออกมาเร็วกว่ามาก

2. services ที่พ่วงมากับ ecosystem ที่อยู่บน platform ตัวเองนั้นกลับมีความสามารถที่ห่างชั้นมากกับประเทศกลุ่มที่ 1 ซึ่งผิดกับคู่แข่งที่มีพัฒนาการที่ดีกว่าและความสามารถนั้นหลากหลาย มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แถมรองรับภาษาท้องถิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

3. S/W และ ecosystem ที่ไม่สร้างแรงจูงใจในการที่ให้ลูกค้าหันมาใช้

4. UI มันปรับวิธีคิดของคนส่วนใหญ่ที่คุ้นชินกับความคุ้นเคยมากเกินไป มันทำให้คนใช้ดูโดดเดี่ยวกับสังคมอย่างมาก เป็นที่มาของการใช้งานแล้ว ไม่รู้จะถามใคร หรือแก้ไขปัญหาเวลาเจอปัญหายังไง เพราะคนที่อาจจะใช้งาน 2 ค่ายหลักคล่องๆ อาจจะมางงเป็นไก่ตาแตกได้ใน UI ของ Windows phone และ Windows RT คือถ้าใช้คล่องๆ มันโอเค แต่ใหม่ๆ มาใช้นี่งงมาก แถมแก้ไขปัญหาทีเปิดเว็บต่างประเทศทีนึง

ทั้งหมดนี้เป็นบทวิเคราะห์ที่ใช้มุมในแง่มุมหนึ่ง ของคนที่ใช้ทั้ง Windows 8.1, Windows RT และ Windows phone 8/8.1 ซื้อทั้ง Lumia 920 (ลอตเปิดตัวในไทยของ dtac) และ Surface RT ซึ่งเห็นการพัฒนาของ Windows RT และ Windows phone 8/8.1 มาอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ได้ถอนหายใจ เพราะมันทำให้ Lumia 920 และ Surface RT ดูง่อยๆ อย่างบอกไม่ถูก คือพยายามปรับตัว และค่อยๆ ใช้งานไป โดยทั้ง Lumia 920 ทีใช้ Windows phone 8/8.1 มาเกือบๆ 18 เดือน (ใช้เป็นเครื่องหลัก) และ Surface RT ที่ใช้งานมาประมาณ 6-7 เดือนได้  แถมข่าวล่าสุดยกเลิกสายการผลิต Nokia X ลอยแพคนซื้อ Nokia X platform ไปดื้อๆ แบบเดียวกับตอน Windows phone 7 ผมในฐานะผู้ใช้งานที่ตาม Microsoft มาอย่างต่อเนื่อง ต้องพูดแบบไม่เกรงใจว่า “สงครามตลาดสมาร์ทโฟนสำหรับบริษัทที่ชื่อ Microsoft แทบจะหมดสิ้นซึ่งศรัทธาจากคนสนับสนุนหลายๆ คนไปแล้ว ก็ไม่รู้จะว่ายังไง ก็ทำตัวเองทั้งนั้น”

ลองของใหม่ Windows 8.1 update เพื่อคนใช้เมาส์!!!

ใน Keynote เปิดงาน BUILD 2014 ได้ประกาศเรื่อง Windows 8.1 update ซึ่งเป็น update ตัวแรกของ Windows 8.1 โดยประกาศว่าจะพร้อมให้โหลดเป็นการทั่วไป (GA) ในวันที่ 8 เมษายน 2014 นี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันที่ Windows XP จะหมดระยะเวลาสนับสนุนเพิ่มเติม (Extended support) ในวันดังกล่าวด้วย

โดยผมนั้นได้โหลดไฟล์จากมิตรสหายท่านหนึ่งที่มีบัญชีผู้ใช้งานใน MSDN ซึ่งใน MSDN นั้นได้ปล่อยให้สมาชิกโหลดได้หลังจากงาน Keynote เปิดงาน BUILD 2014 จบลง ซึ่งส่วนตัวผมเพิ่งโหลด Windows 8.1 update มาติดตั้งในช่วงเที่ยงๆ ของวันที่ 3 เมษายน 2014 นี้เอง

โดยในไฟล์ติดตั้ง Windows 8.1 update ด้านล่างนี้ เป็นไฟล์ติดตั้งที่คาดว่าจะเป็นตัวเดียวกับที่จะปล่อยออกมาทาง Windows update ตามปรกติในสัปดาห์หน้า (8 เมษายน 2014) ซึ่งหลายคนคงสับสนกับตอนอัพเกรดมาใช้ Windows 8.1 เพราะใน Windows 8.1 นั้นต้องอัพเกรดผ่านทาง Windows Store โดยตัวนี้เหมือนเป็นไฟล์ update ระบบทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรพิเศษมากหรือปรับปรุงโครงสร้างระบบเยอะแยะแบบ Windows 8 มา Windows 8.1

การติดตั้งนั้นมีไฟล์ KB อยู่ทั้งหมด 6 ไฟล์ ใช้พื้นที่รวมกันเกือบๆ 789MB ซึ่งได้แก่

  1. KB2919442 – Windows8.1-KB2919442-x64.msu
  2. KB2919355 – Windows8.1-KB2919355-x64.msu
  3. KB2932046 – Windows8.1-KB2932046-x64.msu
  4. KB2937592 – Windows8.1-KB2937592-x64.msu
  5. KB2938439 – Windows8.1-KB2938439-x64.msu
  6. KB2949621 – Windows8.1-KB2949621-v2-x64.msu

การติดตั้งก็ไล่ลำดับจากบนลงล่างอย่าได้สลับลำดับกัน ค่อยๆ ติดตั้งไปเรื่อยๆ การติดตั้งอาจจะต้องมีการ restart อยู่บ้าง 3-4 รอบ ก็ทำตามขั้นตอนไป

หลังจากติดตั้งครบทั้งหมด โดยใช้เวลาไม่นานมาก ประมาณ 15-20 นาที สิ่งแรกคือ “Start menu ตัวใหม่ที่กำลังกลับมา ไม่ได้มาพร้อมกับ Windows 8.1 update ที่กำลังจะปล่อยในเร็ววันนี้” (รูปตัวอย่างด้านล่าง)

BkPEJAhIgAA7Ts2.png large

ใน PC Info ไม่มีอะไรเพิ่มเติมที่บอกว่าเราใช้ Windows 8.1 update

2014-04-03_134911

เริ่มต้นจากในหน้า Start screen นั้นมีการปรับปรุงในการแสดงผลปุ่ม power และปุ่ม search เพิ่มเติมเข้ามา เพื่อให้หาง่ายขึ้น เมื่อมีแอพใหม่ๆ ไม่ว่าจะติดตั้งผ่าน Windows Store หรือ Desktop app ก็จะมีจำนวนบอกอยู่ที่ All app ด้านล่างซ้าย

2014-04-03_134633

เมื่อคลิ้กดู App app เพื่อตรวจสอบว่ามีแอพใหม่อะไรบ้าง ก็จะมีแถบสี และตัวอักษร NEW กำกับไว้ด้านท้าย

2014-04-03_134751

ส่วนตัวรู้สึกเหมือน Microsoft ทำมาประชดเรื่องหาปุ่ม power ไม่เจอใน Windows 8 และ 8.1 จริงๆ นะ เพราะใน Windows 8.1 update พวกเอามาวางไว้ที่ Start screen ให้เห็นชัดๆ แบบเต็มๆ ตา

image

เมื่อคลิ้กขวาได้ เวลาค้นหาที่เมนู Search Charm หรือ Networks Charm ก็จะมีคำสั่งลัดขึ้นมาให้เราใช้งานได้รวดเร็วมากขึ้น

image image

สิ่งแรกคือ Tiles ต่างๆ นั้น สามารถนำเมาส์ไปคลิ้กขวาแล้วจัดการ Tile ต่างๆ ได้เลย เหมือนทัชตามปรกติ ไม่ต้องลากเมาส์ขึ้นไป แล้วมาสั่งงานที่ App bar แบบเดิม

เราสามารถ Pin ตัว Windows Store app บน Taskbar ได้แล้วใน Windows 8.1 update ตัวนี้

2014-04-03_141454

การเปลี่ยนชื่อ groups ของ Tile ก็แค่คลิ้กขวาที่พื้นหลัง Start screen ก็จะมีเมนูขึ้นมาให้จัดการให้

2014-04-03_141517

เลื่อนเมาส์ลงไปด้านล่างให้สุด ขอบจอจะมี Taskbar โผล่ขึ้นมาทันที ซึ่งเราสามารถใช้มันสลับการทำงานระหว่าง Desktop app กับ Windows Store apps ที่เปิดอยู่ได้ โดยแอพที่เปิดอยู่นั้น จะเปิดใน Desktop mode หรือ Start Screen ตัวแอพทุกๆ ตัวจะมีรายการแอพที่เปิดอยู่ไปโผล่ที่ Taskbar ใน Desktop mode ด้วย ทำให้เราสลับแอพด้วยเมาส์ได้ง่ายมากขึ้นจากเดิมมาก

2014-04-03_135146

เมื่อมีความสามารถ Pin to Taskbar ของ Windows Store apps ก็ทำให้การเรียกใช้งานง่ายขึ้นจากหน้า Desktop mode โดยไม่ต้องเข้าหน้า Start screen ให้เสียเวลา

2014-04-03_135023

เมื่อ Pin to taskbar  ได้ เราก็สามารถเปิด-ปิด รวมไปถึงสั่ง Pin หรือ Unpin ที่ Taskbar โดยไม่ต้องไปหน้า Start screen ตามแนวคิดเดิมๆ

2014-04-03_144620

Taskbar Thumbnail Previews สามารถใช้งานกับ Windows Store apps ได้ด้วย

image

เมื่อเลือก Windows Store apps ที่เปิดอยู่ ตัว Taskbar และ Titlebar จะแสดงผลค้างอยู่สักพัก และเมื่อเราเริ่มใช้งาน Windows Store apps ตัว Taskbar และ Titlebar ก็จะเลื่อนหายลงไป-ขึ้นไป และแสดงผลแบบเต็มจอตามแบบเดิม

2014-04-03_145956

ถ้าเลื่อนเมาส์ขึ้นไปด้านบน Titlebar ของ Windows Store apps ก็จะเลื่อนลงมา

2014-04-03_150133

ในส่วนที่สำคัญคือของ Windows control box ด้านซ้ายที่สามารถบังคับตัว Windows Store apps ให้ Split Left/Right ได้ รวมไปถึงยังทำงานโดยใช้คำสั่ง Minimize/Close แบบเดียวกับ Windows decoration ที่มีมาควบคู่กับ Titlebar แต่อยู่ด้านขวามือได้ด้วย ทำให้การย่อ-ปิด Windows Store apps ทำได้สะดวกมากขึ้นสำหรับการใช้เมาส์

2014-04-03_135108 image

และแน่นอนว่าเมื่อ Start screen สามารถแสดงผล Taskbar ได้เมื่อซ่อนไปแล้ว ใน Windows Store apps ก็ทำแบบเดียวกันได้แน่ๆ โดยเลื่อนเมาส์ลงมาด้านล่าง Taskbar ของ Store app จะเลื่อนขึ้นมา

2014-04-03_145340

สำหรับปุ่ม Start นั้นยังคงทำหน้าที่เดิมใน Windows 8.1 ก่อนหน้านี้ คลิ้กขวา ที่ปุ่ม Start ก็มีเมนูอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมแบบเดิมๆ

2014-04-03_134844

ตัวเลือก Taskbar and Navigation properties นั้นส่วนเพิ่มเติมคือ Show Windows Store apps on the taskbar ซึ่งเลือกให้มาเป็นค่าเริ่มต้น ถ้าไม่อยากได้ความสามารถด้านบนในส่วนของ Taskbar ที่ทำงานร่วมกับ Windows Store apps ที่กล่าวมาก็ติ้กเอาออกไปได้

2014-04-03_134652

ตัวเลือก “When I sign in or close all applications on a screen, go to the desktop instead of Start” ถูกตั้งมาเป็นค่าเริ่มต้นทันทีเมื่อ Windows 8.1 update ติดตั้ง และตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่เครื่องที่มีหน้าจอ touch screen

2014-04-03_134744

และแล้วก็มาสักทีกับ PC Settings ที่สามารถ Pin ได้ ทำให้เราสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ซึ่งเลือกที่จะ Pin ลง Start screen หรือ Taskbar ก็ได้

image

ในส่วนของ PC Settings นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง มีเมนู Control Panel เพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อเปิด Control Panel ได้ง่ายมากขึ้น (เอามาปะๆ ไว้เพราะ PC Settings มันไว้ตั้งค่าแบบง่ายๆ เร็วๆ)

2014-04-03_135720

ในส่วนของ PC and devices นั้นเพิ่มเติม Disk space เข้ามาเพื่อตรวจสอบการใช้งานพื้นที่ของตัวแอพและไฟล์ต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น ไม่ต้องเข้า File Explorer แบบเดิมๆ

2014-04-03_135303

เปลี่ยนชื่อ SkyDrive มาเป็น OneDrive แล้ว

(สำหรับใครที่ Pin ตัว SkyDrive บน Desktop mode ไว้ก่อนหน้านี้ แนะนำให้ Unpin และ Pin ใหม่ ผมเจอว่ามันไม่ยอมเปลี่ยนชื่อให้)

2014-04-03_135348

ในส่วนของ Network นั้น Manage khown networks หรือตัวจัดการ Wireless network profiles ของ WiFi นั้นกลับมาแล้ว!!! สามารถ Forgot ตัว Wireless network profiles ที่มีอยู่ได้แล้วโดยไม่ต้องมีใช้ command line เหมือนใน Windows 8.1

2014-04-03_135507

image

สรุปโดยรวมของ Windows 8.1 update นั้น คงเป็นการปรับเปลี่ยนที่ดูดีขึ้นพอสมควร ซึ่งส่วนตัวนั้น ค่อยรู้สึกว่า Desktop apps และ Windows Store apps นั้นสามารถเชื่อมโยงเข้าหากันได้เนียนมากขึ้น ใช้งานได้ง่าย และทำให้ Windows Store apps นั้นมีประสบการณ์ในการใช้งานคีย์บอร์ดและเมาส์ได้ดีจนรู้สึกว่า Windows Store apps ใช้งานได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวกับ Desktop apps จนเกินไป

สรุปสั้นๆ งาน Microsoft Build 2013 keynote

เริ่มเวลา 9:00 ของวันที่ 26 มิถุนายน 56 ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 23:00 ของวันที่ 26 มิถุนายน 56 ตามเวลาประเทศไทย

งาน Build เป็นงานของฝั่ง Microsoft ที่พูดถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือทิศทางการพัฒนาด้าน IT จาก Platform ของ Microsoft โดยจัดที่ San Francisco

ในปีนี้ใน Keynote วันแรกได้พูดถึงหัวข้อหลักๆ ที่เก็บๆ จาก tweet เท่าที่จะสรุปได้คือ

  • Windows 8.1 preview (Windows 8.1 Preview: คำถามที่ถามบ่อย #ภาษาไทย)
  • The Windows 8.1 Preview is here!
  • Windows 8.1 Preview Product Guide for Developers
  • ในเดือนนี้จะมี Apps กว่า 100,000 บน Windows Store และ Apps อย่างเป็นทางการ (Official) จาก Facebook, Flipboard และ NFL Fantasy Football จะมาใน Windows 8 เร็วๆ นี้
  • Mail app ตัวใหม่บน Windows 8
  • Xbox Music หน้าตาใหม่ เพิ่มความสามารถ Radio บน Windows 8.1
  • SkyDrive app ตัวใหม่บน Windows 8.1
  • Picture editor บน Windows 8.1
  • Windows 8.1 สนับสนุน 3D printing มาในตัว
  • 2-in-1 tablet combination ของ Windows 8 เป็นสิ่งที่ตลาดต้องการ
  • Gestures เพียบ! Windows 8.1 คงต้องฝึกพอสมควร แต่ถ้าเป็น สะดวกมากจริงๆ
  • สรุป Start button บน Windows 8.1 คือปุ่มเรียก Start screen ไม่ใช่เรียก Start menu ตามที่หลายๆ คนอยากได้กัน
  • เพิ่ม “Booting into the desktop” เป็นค่าที่ตั้งได้เริ่มต้นโดยไม่ต้องเข้าหน้า Start screen ตลอดทุกครั้งที่บูทเข้าเครื่องใน Windows 8.1
  • ใน Windows 8.1 สามารถเปิด apps ได้หลายๆ monitors และ multitask ได้มาก app ขึ้น
  • เปิดตัว Visual Studio 2013 developer preview และ .NET Framework 4.5.1 developer preview
  • ใน Visual Studio 2013 รองรับ async debugging และเชื่อมต่อกับ Azure mobile service เพื่อพัฒนา app ได้ง่ายมากขึ้น
  • Web GL และ MPEG dash สนับสนุนบน Windows 8.1
  • สามารถใช้ Web GL ใน IE11 และใน Apps ได้
  • Windows 8.1 รองรับ “high-density displays” (full DPI support and scaling)
  • เปิดตัว Bing as a platform โดยชูโรงว่า Facebook Search, Yahoo Search และ Apple Siri ใช้ Bing
  • Windows 8.1 Maps app มาพร้อมกับ 3D Maps
  • Bing จะอยู่ใน Windows, Windows Phone และ Xbox แน่นอนว่านักพัฒนาทั่วไป ที่กำลังพัฒนา app จะใช้งานร่วมได้ด้วย โดยเปิดตัว Bing platform for developers
  • เปิดตัวมือถือ Windows phone 8 รุ่นใหม่ HTC 8XT และ Samsung ATIV S Neo
  • พูดถึงทิศทางของ Xbox ผ่านทาง Project Spark เป็นเรื่องของการใช้ Smart Glass บน Xbox One, Xbox 360 และ Windows 8 ในการเล่นเกมร่วมกัน ด้วยการใช้ remote rendering

ความโหดของงาน Build 2013 ปีนี้คือ ทุกคนในงานจะได้ Surface Pro พร้อม Type Cover และ Acer Iconia W3 ในงาน!!!

หัวข้อหลักๆ ตามนี้

  • Windows 8.1
  • Windows 8 app
  • Windows phone 8
  • Visual Studio 2013 และ .NET Framework 4.5.1
  • Bing platform
  • Xbox platform

ทิ้งท้าย “The future of Windows is very, very bright.” Ballmer

ข้อมูลบางส่วน และติดตามจาก Live from the Microsoft Build 2013 keynote

2013-06-26_000023