ใช้อีเมลของ Microsoft Office 365 Small Business Premium ทำให้รับอีเมลจาก @battle.net และ @blizzard.com ไม่ได้

เหตุเกิดเพราะจะเข้าไปเล่น StarCraft แก้เครียดสักหน่อย แต่สุดท้ายเครียดหนักกว่าเดิมอีก เพราะอยู่ๆ Account ที่ใช้ก็แจ้งว่าโดน Locked อืมมมมม วันก่อนยังโหลดเกมมาลง ยัง login เข้าได้ปรกติอยู่ มาวันนี้โดน lock มันต้องมีอะไรแน่ๆ

ตอนนั้นไม่คิดอะไรมาก คิดว่า งั้น Request ให้ระบบมันส่งตัว link สำหรับ Recovery Account  มาแล้วกัน ใส่ข้อมูลไปครบ ทำตามขั้นตอน ดูทุกอย่างจะไม่มีปัญหา และระบบแจ้งว่าส่ง link ตัว reset สำหรับ Account ผมไปใหที่อีเมลที่ใช้อยู่

ดูท่าจะไม่มีอะไร ทุกอย่างราบรื่นดี กำลังจะได้เล่นเกมแหละ

นั่งรอ…

รอ…

รอไปครึ่งชั่วโมงไม่มา (╯°□°)╯︵ ┻━┻)

อืมมม นอนแล้วกัน

ตื่นเช้ามาอีเมลก็ยังไม่มา เอ้าาา เฮ้ยยยย อะไรฟร่ะ

นั่งไล่ๆ หามีคนแจ้งเยอะกว่า Blizzard ระบบอีเมลมีปัญหาบ้าง หรือ Delay เองบ้าง ก็โอเคพอเข้าใจได้ ลองใหม่อีกรอบ ขั้นตอนเหมือนเดิมเลย อ้าววว สรุปไม่ได้อีเมลอีกตามเคย แปลกๆ แหละ

เลยเข้าไปจะเปิด Ticket ขอ support แต่….

ระบบ support ของ Blizzard แม่งไม่รู้เอาอะไรคิด คือต้องให้ Login ไปเปิด Ticket ขอ Support แต่ผมมัน Login ไม่ได้ แล้วจะไปเปิด Ticket ยังไงวะครับ ><“

เอาเหอะ Blizzard มันช่วยอะไรไม่ได้ตอนนี้เลยเอาไว้ก่อน เราต้องเช็คก่อนว่าระบบเมลเราถูกต้องก่อนดีกว่า (เดี่ยวไปด่า Blizzard โดยไม่ตรวจสอบเราเองเค้าจะด่าแม่ได้)

เริ่มค้นหาต่อไป ซึ่งระบบเมลเราจะผิดพลาดได้ยังไง ก็ยังอีเมลตอบงานไป-มาได้ปรกติดีนี่หว่าเรา เลยไปค้นๆ ใน Community ของ Office 365 ว่ามีใครเจอกรณีแบบเราหรือไม่….

สรุปก็เจอ!!! Issues with receiving e-mails from domains @blizzard.com and @battle.net และ email being blocked from external source เลยสรุปได้ว่า

ระบบ ForeFront Online Protection for Exchange (FOPE) ของ Microsoft Office 365 ส่วนของ e-mail account มัน block อีเมลที่มาจาก domains ทั้ง @battle.net และ @blizzard.com!!!!

ก็เลยหาใน Comunity ต่อไป ก็มีแนะนำให้เข้าไปที่ Exchange Admin Center (EAC) เพื่อตั้งค่า FOPE แต่ว่าเช็คๆ ดูมันเข้าตรงไหน?

พอหาไปหามาก็พบว่า เจ้า EAC เนี่ย ตัวมันเองก็ไม่มี Link เข้าไป UI ส่วนนี้จากในหน้า Admin ของ Microsoft Office 365 Small Business Premium ทำให้ต้องมาพิมพ์ใส่เพิ่มเติมเพื่อหาทางเข้าบ้านกันเอา (╯°□°)╯︵ ┻━┻)  ตามข้อมูลด้านล่าง

New office 365 exchange contol panel ?  ตอบโดย Pratik Pandya MSFT Support

In Plan P you don’t have access to ECP directly. To have access it Go to portal-> Go to OWA(Outlook Web Apps->Copy that URL i.e. https://pod51037.outlook.com/owa/?exsvurl=1&ll-cc=1033&modurl=0&realm=yjhenter.onmicrosoft.com&wa=wsignin1.0 and remove the portion from URL /?exsvurl=1&ll-cc=1033&modurl=0&realm=yjhenter.onmicrosoft.com&wa=wsignin1.0 and https://pod51037.outlook.com/owa/ecp (Type ecp behind the /owa and if you get page can’t be displayed then https://pod51037.outlook.com/ecp use to direct access of ECP you will redirect to ECP in your portal.Thanks,Pratik Pandya

อืมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

ด่า Blizzard เรื่องขอเปิด Ticket Support ต้อง Login ทั้งๆ ที่คนที่อยากเปิด Ticket support มันอาจจะต้องการขอ Support เพราะ Login ไม่ได้มันโคตรไร้สาระแล้วนะ

มารอบนี้ Microsoft ก็เอากับเค้าด้วย แต่สุดท้ายยยยยย

ต่อให้เข้าไปที่ EAC ได้ แต่ก็ไม่มีตัวเลือก FOPE ตามที่บอก และผมก็ได้คำตอบสุดท้ายคือ

MSFT Support บอกว่า “this feature is not available for Office 365 Small Business and Small Business.” – Accessing FOPE ทำให้ Microsoft Office 365 Small Business Premium ไม่สามารถเข้าไปแก้ไขได้!! ต้อง Enterprise Plan เท่านั้น!!

นั่งพยายามมาทุกทางแล้ว หมดปัญญาครับ ตอนนี้เลยเปิด Ticket Support ของ Microsoft มาช่วยแล้วกัน (╯°□°)╯︵ ┻━┻)

ประตู BTS เปิดกลางทาง สรุปง่ายๆ เป็นที่ User Error ในการสั่งงาน

สรุปจาก บทวิเคราะห์ ประตู BTS เปิดกลางอากาศ, pantip.com

  1. ขบวนรถไฟฟ้าถ้าวิ่งอยู่จะใช้ระบบ Auto ทั้งหมด เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่อยู่ๆ จะเปิดประตูได้เองแม้คนขับจะสั่งก็ตาม
  2. ที่ประตูเปิดเองเพราะรถขาดการติดต่อกับ ศ. ควบคุมและระบบปรับมาเป็น Manual สั่งงานโดยคนขับ โดยขณะเกิดเหตุนั้น รถหยุดนิ่งกับที่ไม่ได้วิ่งแต่อย่างใด เพราะเกิดเหตุขาดการติดต่อกับ ศ. ควบคุมขณะวิ่ง ระบบของรถจึงสั่งงานให้หยุดขบวนทันทีและปรับเป็น Manual ให้คนขับจัดการต่อไปเพื่อตรวจสอบ
  3. ขณะตรวจสอบรถ คนขับดันไปเปิดประตูแทนเพราะสับสนจากการเห็นป้ายว่าถึงจุดจอดแล้ว

รายละเอียดแบบเต็มๆ อ่านได้ตามลิงค์ด้านบน แต่อย่าบ่อยนะขอร้องผมใจไม่ดี ><“

เรื่องของผัดกะเพราและฮอตดอก

‘ผัดกะเพรา’ จริงๆ ควรใส่แค่ใบกะเพรา กระเทียม เนื้อสัตว์ พริกตำ ผสมกับน้ำปลาและพริกชี้ฟ้าแดงแต่งหน้าก็พอ อย่าไปใส่ผักอย่างอื่นให้รสชาดจนเพี้ยน หรือถ้าอยากแต่งเติมก็เปลี่ยนชื่อไปเป็น “กะเพราทรงเครื่อง” ไปเลยดีกว่า เห็นบ้างร้านใส่แล้วคืออยากบอกว่ามันจะกลายเป็นผัดขี้เมาไปแล้วมากกว่านะผมว่า

อีกอย่างมันก็คงเหมือน ‘ฮอตดอก’ บ้านเราน่ะ คือผมสั่ง ‘ฮอตดอก’ คือผมต้องการไส้กรอกกับขนมปังด้วย แต่เดี่ยวนี้สั่ง 7-11 ต้องบอกด้วยว่าฮอตดอกที่มีขนมปังด้วย ไม่งั้นได้แต่ไส้กรอกมา (คือตูอยากกินไส้กรอกตูบอกไส้กรอกหรือไบท์เอง ไม่ต้องมาคิดแทนตูได้ไหม!!!)

จริงๆ มี ‘ขนมครก’ อีกนะ ที่ปรกติแล้วจะมีหน้าอยู่หน้าเดียวที่กินกันมานานคือต้นหอม (ไม่ใส่หน้าเลยก็ยังโอเค) แต่ไอ้แบบที่บอกชาววัง หรือสารพัดหน้านี่ผมไม่กินเลย คือไม่ได้หอมหวานกระทิหรือนุ่มหอมมันแต่อย่างใด

ผมว่าหลายๆ อย่างในบ้านเราถ้าจะดัดแปลงผมไม่ว่าอะไรนะ เพราะมันเป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคล แต่ช่วยทำให้มันเรียกให้แตกต่างหน่อยเหอะ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะกินอะไรที่คุณดัดแปลงมา (╯°□°)╯︵ ┻━┻)

IT Designation Definitions

เจอที่ http://blog.jitbit.com/2012/06/it-designation-definitions.html พอดีเลยเอามาวางไว้สักหน่อย

Definitions of Designations

Project Manager is a Person who thinks nine women can deliver a baby in One month.

Developer is a Person who thinks it will take 18 months to deliver a Baby.

Onsite Coordinator is one who thinks single woman can deliver nine babies in one month.

Client is the one who doesn’t know why he wants a baby.

Marketing Manager is a person who thinks he can deliver a baby even if no man and woman are available.

Resource Optimization Team thinks they don’t need a man or woman; they’ll produce a child with zero resources.

Documentation Team thinks they don’t care whether the child is delivered, they’ll just document 9 months.

Quality Auditor is the person who is never happy with a delivered baby.

Tester is a person who always tells that this is not the Right baby.

HR Manager is a person who thinks that…
a Donkey can deliver a Human Baby – if given 9 Months

เรื่องเล่าต่อจาก รายงานพิเศษ: Thai Programmer Crisis (แบไต๋ไฮเทค)

จริงๆ ผมพูดและนำเสนอความคิดในรายงานนี้ไปเยอะนะ แต่คงเพราะเวลาในการออกมีน้อยเพียง 5 นาที แถมมีส่วนที่ทำสรุปไว้แล้ว เลยได้ออกบางส่วนไม่ได้ทั้งหมด ผมเข้าใจได้นะ เพราะประเด็นมันเยอะมาก จนคนมานั่งฟังคงร้องบอกว่า “เออ พอเหอะ กูเข้าใจแล้ว”

ปัญหาเรื่องนี้มันมีหลายมิติ คุยกันทั้งวันก็ไม่จบ แถมจะกลายเป็นมานั่งปรับทุกข์ชีวิตสายวิชาชีพนี้กันเปล่าๆ

ส่วนตัวผมคิดว่าเพราะขั้นตอนวิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์ในไทยโดยบริษัททั่วไป ยังไม่มีความชัดเจนและแนวทางในการทำงานที่เป็นมาตรฐาน ใช้การลองผิดลองถูกกันเยอะ หรือใช้มาตรฐานวิธีการทำงานจากงานแนวๆ สายอาชีพอื่นมาใช้ ซึ่งก็อาจจะออกแนวดันทุรังให้จบๆ ไปได้ แต่สุดท้ายงานก็ตกอยู่กับคนระดับปฎิบัติงานด้านล่าง (ข้อมูลนี้ได้มาจากเพื่อนๆ ในสายอาชีพผมหลายๆ คนที่มานั่งปรับทุกข์กันอยู่เรื่อยๆ)

ส่วนตัวผมเจอเพื่อนๆ ที่เขียนโปรแกรมเข้าขั้นใช้ได้ตอนเรียนจบ ซึ่งในรุ่นผมค่อนข้างหายากอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ทำงานสายนี้ ไปสมัครเป็นทหาร ไปเป็นพ่อค้าขายมะลิ ขายข้าวแกง หรือไปขายหมูปิงก็มี เพราะสบายกว่า เสียสุขภาพน้อยกว่า ทำงานจบวันนึงก็คือจบ กลับบ้านอยู่กับครอบครัวแล้วไม่โดนตามงานตอนดึกๆ แถมเงินที่ได้ก็ไม่หนีกันมาก (หรืองานบางตัวก็รายได้ดีมากๆ) ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ถ้าไม่ลองก้าวออกจากสายอาชีพนี้เพื่อนๆ ผมเค้าอาจจะไม่ค้นพบความสุขในแบบที่เค้าต้องการ (ส่วนผมยังสนุกกับการแก้ไขปัญหาอยู่ ไม่แน่ใจว่าหมดไฟเมื่อไหร่ ฮาๆๆๆ)

บางครั้งมันไม่ใช่เรื่องค่าตอบแทนและสภาพแวดล้อมการทำงานอย่างเดียว แต่อาจจะอยู่ที่วิธีการทำงาน ที่สร้างความภาคภูมิใจในฐานะคนที่สร้างงานเหล่านั้นขึ้นมาด้วย หากแต่คนที่จ้าง คนที่สั่งงานไม่เห็นคุณค่าในฐานะคนสร้างงานแล้ว ก็ยากที่จะทำให้พวกเค้าเหล่านั้นทำงานให้เราได้เต็ม 100% (หรือมากกว่า) เมื่อคนเหล่านี้หมดความภาคภูมิใจในการทำงานนั้นๆ ผมคิดว่าก็ไม่มีใครอยากอยู่ในวิธีการทำงานนั้นๆ และอาจะลากยาวไปถึงชีวิตในสายอาชีพนี้ ที่วันๆ ถูกกดอยู่ในความไม่ภาคภูมิใจในตัวเองสักเท่าไหร่หรอกครับ

แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่า “ไอที” โลกของมันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นงานสายงานอาชีพนี้ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ไม่ใช่อยู่ไปวันๆ ได้ ส่วนตัวผมเองนั้น ทุกๆ วันหลังจากทำงาน ก็ต้องมานั่งอัพเดทตัวเอง เพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาใหม่ๆ ที่ดีมากขึ้นหรือต้องเช็คว่าตัวซอฟต์แวร์ที่เรากำลังพัฒนาอยู่นั้น ในบางส่วนของระบบมีช่องโหว่หรือความผิดพลาดอะไรหรือไม่จากการเจอ bug จากส่วนพัฒนาที่ต่อยอดออกมา และรวมไปถึงแนวคิดใหม่ๆ ที่ทำให้เราทำงานได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งทำให้งานนั้นออกมาเร็วทันใจลูกค้าด้วย

สุดท้าย นี่ไม่ใช่การบอกว่าสายอาชีพนี้ทำงานหนักที่สุดในโลกหรอก โลกนี้ยังมีงานอีกมากมายที่หนักกว่านี้เยอะ รับความเสี่ยงมากเดี่ยวเช่นกัน แต่นั้นไม่ใช่หมายความว่าเราจะไม่เอาปัญหาของสายอาชีพของเราออกมาตีแผ่หรือมานั่งคิดว่า “ทำไม” มันถึงเกิดปัญหาขาดแคลนหรือคนไม่อยากทำงานในสายอาชีพนี้ เพราะถ้ามันมีปัญหาและไม่ตีแผ่ออกมาแล้วซุกมันไว้ มันก็จะเป็นอย่างเดิม (เหมือนมี bug แต่ไม่ยอมแก้ ปล่อยๆ มันไปแบบนั้น) ผมเชื่อว่าถ้าสายอาชีพอื่นๆ อยากทำบ้าง ก็ต้องดิ้นกันไปตามช่องทางที่ตัวเองมีครับ

ผมเชื่อว่า “กรรมกรไอที” ไม่ได้เกิดมาเพราะคิดขึ้นเองโดยใครคนใดคนหนึ่ง แต่ถูกจัดตั้งโดยกลุ่มคนที่เห็นด้วยกับคำนี้จริงๆ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และผมเชื่อว่ามีคนยังคิดแบบนี้ในอนาคตแน่ๆ

เอ้าาาา เอาเหอะ บ่นไปแล้วก็ทำงานกันต่อครับ อย่าไปคิดมาก ปัญหามันต้องแก้ไข ไม่ใช่ซุกไว้แล้วบอกว่า “ก็มันยังทำงานได้ปรกติดีนิ” ซึ่งมันไม่ใช่วิถีคนสายอาชีพของเรามั้งครับ และส่วนตัวผมยังอยู่ในสายอาชีพไอทีที่ยังใช้วิถีและวิชาที่ได้จากการเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่เรื่อยๆ ทุกๆ วัน เพราะตอนนี้ไม่ได้นั่งโค้ดมันอย่างเดียวเท่านั้นแล้ว แต่ต้องเป็นได้มากกว่านั้นเพื่อเพิ่มมูลค่าของตัวเองตามแนวทางคนทำงานด้านไอทีที่เปลียนแปลงอยู่ตลอดเวลาครับ ;)

ส่วนเรื่องสาวๆ ในสายอาชีพนี้เนี่ย ออกแนวเฮฮา แซวกันเฉยๆ คือไม่มีใครคิดกันจริงจังมากมายจนเป็นปัจจัยในการเลือกหรือไม่เลือกทำงานในสายอาชีพนี้เท่าไหร่หรอกมั้ง -_-”

ด้านล่างวิดีโอตัวแรกนี่ดูดีมากสำหรับ Software Engineer เลยนะ นี่มันโลกความฝันที่หาได้ยากในบ้านเราครับ

Day in the life…Software Engineer

แบไต๋ไฮเทค – รายงานพิเศษ: Thai Programmer Crisis