AJAX on PHP @ NU

ได้รับเชิญจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยให้ไปสอนเรื่องนี้ มีเวลาเตรียมตัวร่วมเดือน แต่ประกอบกับงานที่เพิ่งเริ่มทำ และมีงานที่เข้ามาตลอดทำให้หลาย ๆ อย่างในการสอนเมื่อวันหยุดช่วงวันแม่ที่ผ่านมาดูไม่พร้อมเท่าไหร่ slide สำหรับสอนนั้นเสร็จสด ๆ ก่อนสอนทั้ง 3 วันตลอด ซึ่งถึงแม้ว่าจะเสร็จทันเวลา แต่โดยส่วนตัวแล้วถือว่าเราจัดการเวลาในการทำสื่อการสอนไม่ดี เพราะน่าจะทำให้มันเสร็จก่อนสอนทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ โดยการสอนนี่ก็มีเนื้อหาได้แก่

  • XHTML, DOM, CSS and JavaScript in Basic
  • PHP Basic Concept (OOP, Zend Certification), PHP Manual และ PEAR Package/Frameworks
  • Hypertext Transfer Protocol (HTTP)
  • AJAX in Basic และ Debug AJAX
  • XAJAX Framework

โดยเนื้อหามันอาจจะมีสลับบ้าง นิดหน่อย แต่ประมาณนี้แหละ ได้สอนส่วน OOP ซึ่งก็ intro เรื่อง concept ไปเลย ที่หนักสุดน่าจะเป็น HTTP Protocol มากกว่า เพราะส่วนใหญ่ที่เจอ ๆ ใน outline ตามที่ต่าง ๆ ไม่ค่อยได้สอนเท่าไหร่ แต่มันสำคัญมาก ๆ ในเวลาที่เราต้อง Debug ตัว AJAX มันต้อง Filter การส่งข้อมูลเข้าออกด้วย โดยใช้ 2 ตัวคือ FireBug กับ Proxomitron ในบางครั้งตัว FireBug จะจับข้อมูลที่ถูกส่งผ่าน iframe ไม่ได้ อย่างในกรณีของ google maps เป็นต้น แต่ Proxomitron จะดักได้ เพราะตัว Proxomitron มันดักแบบ Proxy Server ซึ่งข้อมูลทุกอย่างต้องวิ่งผ่านทั้งหมด ทำให้การ Filter ทำได้ง่ายกว่า แถมแก้ไขตัว header และ data ภายในก่อนส่งได้ด้วย เป็นโปรแกรมสำหรับทำมิดีมิร้ายได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ได้สอนเบื้องต้นในการใช้งานเท่านั้น จริงๆ สอนไปหน่อยเดี่ยว เพราะมันมีปัญหากับ ISA Server ของมหาวิทยาลัย ทำให้ Proxomitron ใช้งานไม่ค่อยได้ จะใช้ได้ก็ FireBug ที่พอทำให้เห็นภาพเท่านั้น

ส่วนต่อมาที่น่าจะเป็นก่อนมาเรียนพวก AJAX เลยคือพวก XHTML, CSS, HTML event tag, แนวคิดด้าน DOM แล้วก็ JavaScript อย่างน้อย ๆ ก็เขียนเองได้บ้างก่อน ไม่งั้นนึกภาพไม่ออกแน่ว่ามันเชื่อมโยงกันยังไง แล้วจะทำให้เราไปต่อไม่ได้ ถึงแม้ว่า XAJAX Framework จะทำให้เราไม่ต้องไป focus ที่ตัว JavaScript มาก แต่ว่าในระดับที่มีความซับซ้อนสูงๆ ก็จำเป็นเหมือนเดิม แต่บอกตามตรง XAJAX ทำให้เขียน AJAX เพื่อทำงานกับ PHP ได้ง่ายขึ้นเยอะมาก ๆ ลดเวลาการเขียนลงได้ 3-4 เท่า (วัดจากการที่ได้ใช้เอง) จริง ๆ ยังมี Framework อีกหลายตัวที่น่าสนใจ เอาไว้ว่าง ๆ จะลองเล่นดู

ส่วนที่เป็นพื้นฐานมาก ๆ อย่างเรื่อง path file และ page/data encoding นี่ก็ต้องพูด เพราะในมหาวิทยาลัยไม่ค่อยมีคนสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ ก็ต้องเสริม ๆ ลงไป แถมพูดเรื่อง Unicode ในส่วนของ UTF-8 ไปด้วยว่าในปัจจุบันทำเว็บใช้ UTF-8 น่าจะดีกว่า

จริง ๆ ใน outline กะว่าจะเสริม MySQL in Basic แต่ ไป ๆ มา ๆ ไม่ได้สอน เพราะท่าทางจะหนักเกินไป T_T จริง ๆ ต้องเป็นการสอนระยะยาวมากกว่า เพราะในระดับที่สอนอยู่นี้เนี่ย เป็นระดับปูพื้นฐานและให้ไอเดียว่ามันคืออะไร, การทำงานอย่างไร แล้วถ้ามีข้อผิดพลาดแล้วจะเริ่มไล่ปัญหาจากตรงไหนไปตรงไหนก่อน เพราะถ้าไม่สอนเรื่องพวกนี้ที่เป็นเรื่อง Basic ก่อน ทำงานระดับสูง ๆ ที่ซับซ้อนมาก ๆ พอเจอปัญหา จะเกิดเหตุการณ์แก้ปัญหาแบบมั่ว ๆ ได้

<?php ?> on AJAX

Slide Keynote

Powerpoint 2007 | 2003 | PDF

Example

http://www.fordantitrust.com/download/democode.zip
http://www.fordantitrust.com/download/ajax1.zip
http://www.fordantitrust.com/download/xajaxexam.zip

รางวัลชีวิต

วันหยุดยาวครั้งแรกหลังจากเริ่มทำงานจริง ๆ จัง ๆ ชีวิตหลังจากเรียนจบ 1 เดือนเต็ม ๆ ที่ตะลุยงานแนว DBA มา โดยรวมหนุกหนานดี  ทำงานกับคน มากกว่าทำงานกับคอมพิวเตอร์และข้อมูล เพราะถ้าไม่สื่อสารดี ๆ งานที่วางแผนมาอาจล่มได้ง่าย ๆ และอีกอย่างคือใช้อีเมลกันสนุกสนานไปเลย เดือนเดียวใน Index ที่รับแต่ของบริษัทมีอีเมลเกือบ ๆ 1,000 ฉบับได้แล้วเนี่ย ส่งกันสนุกสนานเลย

วันนี้กลับมาที่บ้าน สิ่งแรกคือตรงไปโรงหนังดูหนัง Harry Potter ภาค 5 ซะหน่อย ว่าจะดู ๆ หลายรอบแล้ว อยู่กรุงเทพฯ ก็ไม่มีเวลาไปดู อีกอย่างดูคนเดียวมันเหวง ๆ ตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดก็ดูคนเดียวอยู่ดีหลังจากกลับมาที่บ้าน T_T เศร้า ……

ก่อนไปดูหนังก็ไปซื้อหูฟังคู่ใหม่สักหน่อย ตอนแรกดู ๆ Philips SHE 9501 also for iPod แต่ดันไม่มี เลยเดินออกมาดูแถว ๆ ที่ขายมือถือเห็น Sony MDR EX71SL ราคามัน 500 บาท ยืนดูสักพัก ดูจากการเพ็คเก็จแล้วไม่น่าใช่ของปลอม เลยไม่รอช้าจ่ายเงินทันที ไม่ต่อราคาเลย แต่ก่อนจ่ายก็ลองฟังเสียงและดูของที่มันให้มาข้างในก็ปกติมีให้ครบทุกอย่าง ก็ได้หูฟังมาคู่สมใจ (แต่กลับมาบ้านดูราคาในเน็ตส่วนใหญ่ตอนนี้ราคามันอยู่ที่ 350 – 450 สำหรับในกรุงเทพฯ แต่ต้องระวังของปลอมด้วย คือปลอมในที่นี้เพ็คเก็จมันจะไม่เนี้ยบเท่าไหร่ และไม่มีพวกลูกยางขนาดอื่น ๆ, ถุงผ้าเก็บหูฟัง และตัวพลาสติกเห็บหูฟังด้วย)

เข้า B2S ก็ไปซื้อหนังสือพวกปรัชญาชีวิต แนว ๆ บริหารธุรกิจมาเล่มนึงแล้วก็ DVD หนังลดราคาอีก 3 เรื่องก็ Pirates of The Caribbean ภาดแรก, Spiderman ภาค 1 และ 2 แล้วก็เดือนไปซื้อสุริโยไท แบบ DVD 5 ชั่วโมงอีก 500 กว่า ๆ ที่แมงป่อง จริง ๆ เรื่องนี้มีอยู่แล้ว แต่น้องเพื่อนเอาไป ดันทำหาย ไม่รู้ไปทำหายท่าไหน ของก็ไม่ใช่เล็ก ๆ เซงจิต ซื้อใหม่ก็ได้วะ เดี่ยวค่อยทวงตังมันที่หลัง

พอได้ของหมดก็เข้าโรงหนังดูหนังไป ระหว่างดูรำคาญไอ้ข้าง ๆ ด้านซ้าย มันจริง ๆ แม่งจะคุยโทรศัพท์อะไรนักหนา พยายามข่ม ๆ ใจไว้นะ แต่คนด้านขวามันจ้องหลายรอบ มันคงรู้ตัวแหละมันเลยหยุดคุย เออ ดีจริง ๆ แม่งถ้าไม่หยุดนี่คงมีมวยแถมในโรงแน่ ๆ

ดูหนังจบเดินไปซื้อหนังสืออีกทีที่ Book Variety ได้มาอีก 3 เล่ม สรุปอ่านหมดไหมเนี่ย -_-‘ น่าจะหมดแหละ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแนว ๆ การใช้ชีวิตในการทำงานเสียมากกว่า ก็ ok แหละสำหรับวันนี้ หมดไปพอสมควร

แต่ที่แน่ ๆ ดูจูมงต่อดีกว่าตอนนี้ดูถึงตอนที่ 42 แล้ว หนังอะไรมันจะยาวบ้าเลือดขนาดนั้น คือมันมี 81 ตอน ตอนละ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ เนี่ย โห … ดูกันไม่ต้องนอนกันพอดี

วันนี้บ่นบ้าอย่างเีดียวครับ ;)

มีแฟนเป็นโปรแกรมเมอร์ต้องทำใจ -_-‘

1. ไม่มีเวลาให้เหมือนคนทำงานอาชีพอื่นเขามีกัน – เพราะเขียนโปรแกรมไม่เสร็จซวย !!! งานใช้ logic สูงสมาธิต้องมากตาม แถมต้องเอาใจเจ้านาย (ลูกค้า) แก้งานก็ต้องแก้ บ่ายเบี่ยงไม่ได้ เดี่ยวไม่มีกิน T_T
2. พูดอะไรจะออกนอกโลกไปหมดแล้ว มนุษย์(แฟนเก่า) เขาฟังไม่รู้เรื่อง – เออ มีแต่คนบอกผมแบบนี้เหมือนกัน หลังๆ เลยต้องมานั่งนึกก่อนพูดเสมอ ไม่งั้นกลายเป็นศัพท์คอมฯ ออกมาหมด -_-‘
3. ทำงานจนเช้า ทำบ้าทำบออะไรนักหนา ไม่หลับไม่นอน – -‘ มันด่าได้ดี – ก็จริง นะเนี่ย T_T แต่กลับไปดูข้อหนึ่งซะ
4. เวลาเข้าร้านหนังสือ มันก็พุ่งไปแต่มุมคอมฯ ซื้อที ๆ นึง ปาไปเป็นพัน ๆ หนังสือจะท่วมห้องอยู่แล้ว อ่านหมดจริง ๆ รึงัย (ดูมันด่าสิ) – อ้าววว ไม่พัฒนาความรู้ก็โดยเด็กรุ่นหลังแซงหมดซิครับ โลกของโปรแกรมเมอร์มันไม่มี senior กับ junior นะ คุณช้าทุกอย่างก็ล้าสมัย

ตอนนี้หลังจากเป็นโสดมาได้เกือบ ๆ 2 เดือน มีความคิดว่าถ้ามีตอนนี้ ก็หาอาชีพเดียวกัน น่าจะจบ อย่างน้อย ๆ ก็คอเดียวกัน น่าจะเข้าใจว่ามันลำบากยังไงมั่ง นั่งทำงานหัวฟูเนี่ย

ไปต่อได้ที่ http://www.pantip.com/tech/developer/topic/DN1998879/DN1998879.html

กลับมา Blog Blog แล้วครับ

หายไปนานกว่า 2 อาทิตย์กว่าได้ จริง ๆ ช่วงที่ผ่านมา เที่ยวไปทั่ว แต่มาช่วง 2-3 วันนี้เพิ่งได้อยู่กับที่ซะที

โดยส่วนตัวเพิ่งซื้อ Notebook ตัวใหม่มาไม่นาน ใช้มาได้สัก 1 เดือนครึ่งแล้ว ถ้าใครเข้าไปอ่านใน MySpace ที่เมนูด้านบนก็จะเห็นว่าตอนนี้เปลี่ยนเครื่องแล้ว ตอนนี้ใช้ ThinkPad Z61t อยู่ โดยรวมถือว่า ok เลย ให้ชื่อมันเป็น HoffmanV2 (อย่างกับไอ้มดแดง ฮ่า …. ) อยากได้ Thinkpad จอ Wide มานานแล้ว เพราะว่าใช้ IDE หลายตัวที่มี Tools ที่กินเนื้อที่ด้านข้่างจอมาก ตัวนี้ได้ 14.1 Wide มีขนาด Resolution ที่ 1,440 x 900 ถือว่าดีมาก

ตัวถังด้านนอกเป็น ABS Plastic และด้านในเป็นโครง Magnesium alloy เพิ่มความแข็งแรงดีมากเลย คือเครื่องมันบางอยู่แล้ว พับจอแล้วหนาประมาณ 1 นิ้วได้ แล้วเป็นฝา Titanium ด้วย น้ำหนักก็ 2.1kg เท่านั้น ก็เบากว่าตัวเก่าครึ่งโลได้ อ่อ เรื่องฝา Titanium เนี่ยถ้าใครมีอาการลอกจากการที่ตัวเคลือบกันลื่นหรือบางคนเรียกว่าตัวกันลอยลอก ซื้อถามช่างแล้วน่าจะเกิดจากการ QC มาไม่ดีของ Cover ที่ใช้สารเคลือบที่ไม่ทนต่อสารเคมีต่าง ๆ  ก็สามารถนำไปเปลี่ยนได้ที่ ศ. IBM ตรงรถไฟฟ้าสถานีอารีย์ได้เลยครับ  ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน (แต่เสียค่าเดินทาง) ตอนนี้รับเปลี่ยนอยู่ครับ เพราะว่าตัวที่ติดมากับเครื่องบางเครื่องจะมีปัญหานี้อยู่ ตอนนี้ผมใช้ตัวฝาตัวใหม่ที่แก้ปัญหาเรื่องฝา Titanium ลอกแล้วถือว่า ok เลยครับผม

ส่วนอื่น ๆ ก็ยังคงความเป็น ThinkPad เหมือนเดิม อีกอย่างคือได้แบตแบบ 7 Cell มาซึ่งมันยื่น ๆ ออกจากตัวเครื่อง คือถ้าเอาไว้ใช้งานแบบนาน ๆ ก็ ok นะ ใช้ได้ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง แต่อยากได้แบบ 4 Cell มากกว่าตอนนี้เพราะว่ามันพอดีกับเครื่องถือง่ายกว่า แต่ว่าตอนนี้หาซื้อไม่ได้ เพราะว่าแบตตอนนี้ถือเป็นวัตถุระเบิดไปแล้ว -_-‘  การนำเข้าเลยลำบากครับ แบตรุ่นใหม่ ๆ ที่นำเข้าเลยติดด่านนำเข้า ช่วงนี้เลยนำเข้าไม่ได้ ใครแบตเสียหรือส่งเคลมเรื่องแบตก็ตรวจสอบกันหน่อยนะครับ ว่ามีของหรือเปล่า

ส่วนเรื่องการประมวลผล Core 2 Duo 1.6GHz นี่เร็วกว่า Pentuim M 1.3GHz ตัวเก่า ประมาณ 4-5 เท่าได้เลย ทดสอบด้วยการแปลงไฟล์ภาพยนต์จากแผ่น DVD หลาย ๆ เรื่องที่ตัวเองมีตัวเก่าใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง แต่ตัวใหม่นี่ เฉลี่ยที่ 1 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น แถมตอนแปลงไฟล์ภาพยนต์ก็ยังทำงานอย่างอื่นไปได้อย่างราบรื่น เพราะตัวโปรแกรมแปลงไฟล์นั้นมันรองรับแบบ MultiThread ตอนแปลงไฟล์มันเลยใช้ Core CPU ทั้งสอง Core ที่โหลดประมาณ 50 – 70% ตลอด เลยมีพอในการใช้งานได้เรื่อย ๆ (ถือเป็นข้อดีของ CPU แบบ Dual Core) ก็แน่หล่ะ สองหัวดีกว่าหัวเดียว ฮ่า … อีกอย่างคือเพิ่ม RAM มาเป็น 1.5GB แล้ว แต่จริง ๆ ไปงาน Commart อยากได้อีกแถมเป็น 2GB แต่รอก่อนแล้วกัน ช่วงนี้เงินไม่ค่อยมีเอาไว้มีแล้วค่อยซื้อแล้วกัน ถึงแม้ว่าช่วงนี้ RAM จะถูกจัด ๆ ก็ตามทีก็เหอะ ตอนนี้ก็มีความสุขดีกับ HoffmanV2 ;)

แล้วช่วงสิ้นเดือนที่แล้วก็ไปเชียงใหม่ไปเที่ยวแล้วไปเคลียร์ปัญหานิดหน่อยแค่ 2 วันแล้วก็กลับไปพิษณุโลกต่อไป ไปเคลียร์งานนิดหน่อย แล้วก็กลับนครสวรรค์ แล้วก็ไปๆ กลับๆ พิษณุโลก เพราะต้องไปเอาใบรับรองการจบการศึกษาและ Transcript สรุปเกรดจบก็ได้ 2.86 ถือว่า ok แต่ก็นะ นั่งปรับปรุง Resume ให้กระชับขึ้น เพราะต้องเอาไว้ใช้งานในอนาคตแน่นอน เฮ้อ …… สนุกสนานครับ

ช่วงนี้ปรับพื้นด้าน Database ใหม่หลายส่วนที่ยังอ่อนอยู่ เพราะได้งานในตำแหน่ง DBA (Database Administrator) มา จริง ๆ รับตำแหน่งส่วน Software Developer Consult อีก ก็น่าจะพอสมควรกับงานที่ได้รับมา เริ่มงานก็วันที่ 1 เดือนหน้า ตอนนี้ของฝึกฝีมือก่อน ;)

มีคนถามมาเยอะเมื่อไหร่ PHP Framework จะได้เริ่ม Release เสียที ต้่องบอกเลยว่าทำการ ปรับโครงสร้างใหม่หมดเลย พอดีว่าจากตอนแรกจะเอาให้มันคล้าย ๆ กับ RoR มาที่สุด แต่ไปๆ มาๆ ไม่เอาดีกว่า ทำให้เหมือนมันก็ทำได้ แล้วทำไปทำไม CakePHP มันก็เหมือนกัน เลยมองว่าไปซ้อนทับตลาดกัน ตอนนี้เลยปรับเปลี่ยนเล็กน้อย โดยเพิ่มแนวคิดแบบ Zend Framework และแนวคิดแบบ .Net Framework เข้ามาผสมด้วยคือตัว Framework ทั้งสองแบบมันเป็น Component-based ส่วน RoR และ CakePHP มันเป็น Automate + MVC-based ใครเคยเขียนพวก .NET Framework อย่าง VB.NET หรือ C#.NET คงนึกภาพออก ประมาณว่าคุณอยากใช้อะไรก็เอา Component มาใส่ ตัว Tools มันหาให้ แต่คุณเลือกเองว่าจะใช้อะไร มันไม่ automated ให้ทั้งหมด แล้วมาปรับแต่งตามงานที่ต้องการแทน แล้วก็โครงสร้างระบบก็ต้อง Design เอง หลายคนที่มีการวางแผนในการพัฒนาระบบที่ดี และต้องการอิสระจะชอบแบบนี้ แต่ว่าถ้าใครออกแบบและวางแผนไม่ดี ซอฟต์แวร์ที่สร้างมันห่วยลงไปในทันที เค้าเลยมีการสร้าง Pattern และ Framework มาครอบมันอีกทีให้มันมีตัวชี้นำว่าควรจะทำอะไร เพื่อทำให้ซอฟต์แวร์ของเรามีรูปแบบ และโครงสร้างที่ชัดเจนและไม่เละ ซึ่งถ้าใครอยากทำอะไรที่ง่าย ๆ และมีแนวทางมาให้บ้างในการพัฒนาซอฟต์แวร์ก็จะชอบ Framework ที่มี Pattern มาให้แล้ว ก็อย่าง RoR หรือ CakePHP ที่เป็น MVC Pattern ซึ่งตัวโครงสร้างและระบบที่ใส่มาให้นั้นก็เพียงพอในงานพื้นฐานและระดับกลาง ส่วนถ้าต้องการขั้นสูงก็ต้องเขียนเพิ่มและ plug เข้าไปในระบบ ที่เรียกว่าการทำ plugin หรือ addon เพิ่ม แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ตอนนี้เลยปรับโครงสร้างใหม่ให้รับแนวคิดทั้งสองส่วนเข้ามาด้วยกัน พยายามให้สามารถรองรับกับ Zend Framework Conponent ด้วย น่าจะทำให้สามารถนำ Component ดีๆ จาก Zend มาใส่ได้ พยายามจะให้มัน enable ตัว Component ง่าย ๆ อาจจะใช้ XML เป็นตัว config เพราะคิดต่อไปอีกว่าพอมันเป็น XML แล้ว กะจะทำตัว Desktop App สำหรับดึงตัว XML มา config บน Windows UI ได้เลย คงเหมาะกับคนที่ไม่ชอบไปมึนงง กับ tag XML เท่าไหร่ แหม ช่วงนี้ idea พุ่งจริง ๆ เรา ฮ่า ….. แล้วที่ทำตอนนี้เลยคือตัว DB Adapter ใน PHP ที่จะทำเป็น ORM (Object Relational Mapping) แบบเดียวกับ ActiveRecord ใน RoR ตอนนี้มีหลายตัวใน PHP ที่น่าใช้ แต่ส่วนใหญ่รองรับ PHP5 ทั้งนั้น เลยกะว่าจะ Port มาลง PHP4 ด้วย ไม่รู้จะรอดหรือเปล่าเนี่ย แต่ตอนนี้เอาประมาณนี้ก่อนแล้วกันนะ ;)

การจีบสาวก็ไม่ต่างอะไรกับตอนเราฝึกเขียนโปรแกรม

ตอนนี้มีเรื่องบางเรื่องที่ทำให้ต้องเขียนเอามาเปรียบเทียบกัน ฮ่า …. (จริงไหมเพื่อน)

ผมยังจำได้ดีภาษาโปรแกรมมิ่งภาษาแรก ที่เขียนคือภาษาซี เป็นอะไรที่เข้าใจยาก และใช้เวลานานในการเขียนมันให้มันแสดงผล ก็คงไม่ต่างอะไรกับ การทำความรู้จักใครสักคนหนึ่ง ที่เราคงต้องศึกษา และทำความรู้จักให้มากเข้าไว้ จนสิ่งต่าง ๆ ชัดเจนว่า "แห้ว" หรือ "ยังไม่แห้ว" จะคบต่อไป หรือจะล้มเลิกความตั้งใจ หรือเราเข้ากันไม่ได้ (อืมมม) ไม่ใช่ว่ายังไม่ได้ลงมือเขียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ ก็บอกว่ามันยากเสียแล้ว และยิ่งถ้าคนเราตั้งธงตั้งแต่แรกแล้วว่า เรียนภาษาโปรแกรมมิ่งแล้วไม่รู้เรื่องแน่ ๆ ทำไม่ได้แน่ ๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับ เราจีบผู้หญิงแล้วก็คิดไปเอง และตั้งธงไว้เลยว่า "แห้วแน่ ๆ"

"แล้วถ้าคิดว่า แห้วแน่ ๆ เราจะไปจีบทำไมให้เสียเวลาเนี่ย ชอบเค้าก็ลุยเลย รออะไรหล่ะคร้าบบบบ ท่านนนนนน" -_-‘

มนุษย์เราก็เหมือนตัวภาษาโปรแกรมมิ่ง บางคนเข้าใจง่ายอย่าง Ruby หรือ Python หรือเข้าใจยากสุดกู่แบบ Java และหรือแม้แต่พวกที่ต้องอาศัยความพยายามสูงส่งในการทำความเข้าใจอย่าง Machine Code

ถึงแม้ภาษาที่เข้าใจง่ายที่สุด แต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่บางครั้งกว่าจะรู้ก็ต้องศึกษาอย่างถึงแก่น ก็ไม่ต่างกับศึกษานิสัยคนที่กว่าจะรู้ธาตุแท้ก็ต้องใช้เวลาศึกษากันนานหน่อย

แต่การจะศึกษาภาษาโปรแกรมมิ่งมันก็ต้องใช้ความพยายาม มั่นฝึกฝน, ศึกษา และทำความเข้าใจทุกเช้าเย็น ก็คงไม่ต่างกับการจีบสาวที่มันก็ต้องศึกษาเขา และมั่นเข้าใจใส่ โทรหาบ้าง ตามแต่เวลาจะอำนวย แล้วอย่าไปคิดแทนคนที่เราจีบ ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะเขาและเราไม่ใช่คนเดียวกัน ก็เหมือนภาษาโปรแกรมมิ่งที่มันแตกต่างกันภาษา Ruby และ Python ถึงแม้จะคล้าย ๆ กัน แต่มันก็ใช่ว่าจะเขียนแบบเดียวกันได้ทั้งหมด จริงแมะ ;) นั้นหมายความว่าจงอย่าเอาความเคยชินของตัวเองมาตัดสินแทนคนอื่นในเรื่องนี้

อืมมม วันนี้ออกแนวบ้า ๆ หน่อย อิๆๆๆ