จะ 300 แล้ว

ด้านล่างนี่เป็น Statistics ของ Blog reader ของผม (ผมใช้ FeedDemon อ่านครับ)

2008-03-27_111219

บริโภค Feed เป็นอาหาร (สมอง) ทุกวัน

เรื่อง xxx ของเว็บ kxpxxk.com ก็ให้สังคมตัดสิน

จากกรณีของ xxx ของเว็บหนึ่ง และการลองของเล่น ๆ ของ entry ที่แล้ว ก็ไม่รู้จะพูดอะไรมาก -_-‘ เรื่องราวเป็นอย่างไรก็อ่านได้จาก …. xxx.kapook.com @ p’bact และ xxx.kapook.com @ pittaya ดูแล้วกันครับ โดยรวมแล้วหลังจากได้ดู Kapook แถลงเรื่องซับโดเมน xxx.kapook.com ก็บอกได้คำเดียวว่า "เสื่อม" และ "เซง" ครับ ดีนะวันนั้นไม่ได้ไป เพราะว่าต้องมา monitor ระบบที่ต้องซ่อมของบริษัท ไม่งั้นคงสนุกกว่านี้แน่นอน ส่วนเว็บ blog ท่านอื่น ๆ อีกหลาย  ๆ คนที่ได้เขียนไว้นี่เยอะมาก ๆ งานนี้มีแต่ "ธุรกิจ" ล้วน ๆ ครับ ไม่รับผิดชอบสังคมเท่าไหร่ครับงานนี้ -_-‘ ไม่รู้จะบรรยายยังไง เพราะท่าน ๆ blogger ท่านอื่น ๆ ใส่กันไปหมดแล้ว แต่ท้ายสุดก็ไปอ่านต่อที่ kapook ยอมรับผิดจริงเหรอครับ? แล้วกันครับ

จาก DBA สู่ Web Developer

หลังจาก ทำงานด้าน DBA มาได้ 10 เดือน รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเราเท่าไหร่ T_T ตอนนี้เลยทำเรื่องลาออกแล้ว กำลังจะไปทำงานที่ใหม่ ตอนนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายงานต่าง ๆ ของบริษัทเก่าครับ ส่วนบริษัทใหม่ นี่ เดี่ยวคงบอกอีกทีตอนเริ่มทำงานวันแรก

ผมมันเป็นโรค coding-lism (โรคเสพติดการโค้ดโปรแกรมคอมฯ, บัญญิตขึ้นมาเอง) ไปแล้ว วันไหนไม่ได้เขียนโปรแกรมนิด ๆ หน่อย ๆ ก็รู้สึกมันขาดอะไรไปอย่าง

ไว้กลับมาเป็น Developer แล้วคงจะเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง

ก้าวแรกของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือการตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง !

กลับตัวก็ไม่ได้ จะเดินต่อไปก็ไปไม่ถึง (ภาคการศึกษาไทย อีกครั้ง T_T)

โพสต์ทูเดย์ — ผลสำรวจพบเด็กไทยมีความสามารถแข่งขันด้านการศึกษารั้งท้ายนานาประเทศ

หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2551

นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)

กล่าวว่า  จากผลการวัดความสามารถการแข่งขันของประเทศต่างๆ ด้านการศึกษาประจำปี 2550 ของสถาบันนานาชาติเพื่อการพัฒนาการจัดการ (ไอเอ็มดี) พบว่า

  • คนไทยมีสมรรถนะอยู่ในลำดับที่ 46 ทั้งนี้ จากการสำรวจทั้งหมด 55 ประเทศทั่วโลก
  • โดยมีผลประเมินแยกตามโครงสร้างพื้นฐานด้านการศึกษา 10 รายการ คือ
  • อัตราส่วนนักเรียนต่อครูประถมได้อันดับ 43 โดยมีครู 1 คนต่อนักเรียน 20.68 คน
  • อัตราส่วนนักเรียนต่อครูมัธยมได้อันดับที่ 48 มีครู 1 คนต่อนักเรียน 21 คน
  • อัตราเข้าเรียนระดับมัธยมอันดับที่ 46 มีเยาวชนอายุ 12-17 ปีได้เข้าเรียนมัธยม 72% จากประชากรวัยเดียวกัน
  • อัตราการไม่รู้หนังสือของผู้ใหญ่อายุ 15 ปีขึ้นไป อันดับ 43 ในอัตรา 7.4%
  • การลงทุนทางการศึกษาของภาครัฐอันดับ 42 มีการลงทุนในอัตรา 4.1% ของจีดีพี
  • ผลสัมฤทธิ์อุดมศึกษา อันดับที่ 39 มีอัตราผู้สำเร็จระดับอุดมศึกษา 18%
  • ด้านการถ่ายโอนความรู้ระหว่างภาคธุรกิจกับมหาวิทยาลัย มีการจัดการศึกษาตอบสนองภาคธุรกิจ ตลาดแรงงานอันดับที่ 42
  • การตอบสนองความสามารถใน การแข่งขันของระบบการศึกษาอันดับที่ 38
  • การตอบสนองความสามารถในการแข่งขันของการอุดมศึกษาต่อภาคเศรษฐกิจและการแข่งขัน อันดับที่ 39
  • ทักษะด้านภาษาที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการ อันดับที่ 48
  • นอกจากนี้ จากการประเมินเพื่อวัดคุณภาพการศึกษาในประเทศเป้าหมาย 41 ประเทศ ด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ในปี 2550 ของโครงการสำรวจความรู้และทักษะการเรียนของเด็กอายุ 15 ปี (PISA) ในประเทศสมาชิกขององค์กรเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) พบว่า เวลาเรียน 2 วิชานี้ของนักเรียนไทยน้อยกว่าประเทศอื่น รวมทั้งขาดแคลนครูที่มีความสามารถ อีกทั้งนักเรียนไทยอายุ 15 ปี เขียนสะกดและใช้คำผิดมากที่สุด ไม่สามารถแยกแยะระหว่างภาษาพูดกับภาษาเขียน เรียงประโยค ไม่เป็น เรียบเรียงความคิดลงเป็นการเขียนไม่ได้
  • นางจรวยพร กล่าวว่า ปัญหาการศึกษาไทยมีสาเหตุจากการคิดและอ่านของเยาวชน 4 ประการ คือ

    1. เยาวชนคิดผิด คือ คิดแบบเอาเปรียบ คิดเรียนลัด คิดเก็งกำไร
    2. คิดไม่เป็น คือ ตามผู้อื่น เลียนแบบ เชื่อเพราะผู้พูดเป็นผู้ใหญ่หรือ ผู้อาวุโส
    3. ไม่คิด คือ ติดนิสัยพึ่งพา ผู้อื่น เชื่อตัวบุคคล เชื่อนักวิชาการ เชื่อหนังสือพิมพ์ โดยไม่ไตร่ตรอง
    4. คิดแล้วไม่ทำ คือ ประชุมเสร็จก็เลิกรา ปล่อยให้คนที่รับผิดชอบไปทำคนเดียว ไม่ช่วยระดมในรูปกลุ่ม ดังนั้นต้องร่วมกันแก้ปัญหาเหล่านี้

     

    แต่ผมว่าเรื่องนี้ไม่ต้องโทษใคร "โทษตัวเองดีกว่า" ครับ ผมว่านะ "พวกเราคือผลผลิตอันสมบูรณ์ของการศึกษาที่ล้มเหลว" อย่างที่พี่เดฟเคยบอกไว้ครับ T_T

    Happy New Year 2008 ;) (To do list in 2008)

    สวัดดีปีใหม่ครับผม

    ปีใหม่นี้ขอให้สุขศรีสุขสันต์

    หัวเราะกันทุกคืนวัน (แต่พอประมาณ เดี่ยวหาว่าบ้า)

    นอนฝันดีกันทุกคืน (แต่ก็เอาแต่พอดี ๆ ก็น่าจะพอ เพราะถ้าฝันทุกคืน ในทางวิทยาศาสตร์ ถือว่าเป็นพักผ่อนที่ไม่ดี ต้องไม่ฝันเลย หลับรวดเดียวจนตื่น ถือว่าดีที่สุด)

    ปีที่แล้ว ไม่ได้ทำ to do list เพราะทำแต่ project ของเทอมนั้น แทบจะอ้วกเป็นภาษา PHP (XHTML, JavaScript แล้วก็ XML) กับ Java (JSP, XML แล้วก็พวก JavaBean) กันเลยทีเดียว ปีนี้พอได้พักก็เลยนั่ง ๆ คิดว่าจะทำอะไรดี

    1. สอบ Certification อย่างน้อย  ๆ 2 ใบ ที่ดู ๆ ไว้ตอนนี้คือ Zend PHP 5 Certification (ZCE) กับ  MySQL Certified Associate มาก่อน ตอนนี้กลับมาบ้านอ่าน Zend PHP 5 Certification Study Guide แล้วน่าจะเกือบหมดแล้วหล่ะ ปีนี้ต้องทำให้ได ;)
    2. ไล่อ่านหนังสือที่อ่านค้าง ๆ คา ๆ ที่บ้านให้หมด รวมถึงที่ซื้อมาใหม่ที่กองอยู่ที่หอ ที่กรุงเทพฯ ให้หมดด้วย
      image

      ทั้งหมดนี่แหละ T_T (อันนี้ที่บ้านนะ) ชั้นหนังสือเพิ่งซื้อมาใหม่ เพราะรำคาญตัวเองมาก ๆ ที่ต้องมานั่งไล่ค้น ๆ หนังสือหลังจากที่เรียนจบมาแล้วได้แต่กอง ๆ อยู่ในบ้าน จริง ๆ แล้วมีอีกชั้นนึง ในนั้นส่วนใหญ่เป็นนิตยสาร Computer รายเดือนกับการ์ตูนรายสัปดาห์เสียมากกว่า ถ้ารวมกับหนังสือที่อยู่ที่หอกรุงเทพแล้วเนี่ยน่าจะได้ชั้นแบบนี้อีก 1 ชั้นหนังสืออีกชุดเลย หรืออาจจะได้ 2 ด้วยซ้ำ เพียบเลย

    3. พัฒนาให้ PHP Hoffman Framework ออก pre-release ออกมาให้ได้สักทีหลังจากปรับโน้นปรับนี่จนไม่เข้าที่ และเวลาที่จำกัดในการทำมันด้วย ไม่เหมือนตอนเรียนที่มีเวลาที่จะทำมันได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว (งานประจำที่ทำอยู่ทุกวันก็ใช้พลังชีวิตในแต่ละวันไปเยอะเหมือนกัน กลับมาพักที่หอแล้วแทบหมดแรงจะทำงานอย่างอื่นต่อเลยบางครั้ง)
    4. เก็บเงินให้ได้สักครึ่งแสนเป็นอย่างน้อย และชำระหนี้ต่าง ๆ ในตอนเรียนให้มันหมด ๆ ไปซะ (แต่ระยะการชำระจากที่คำนวณไว้น่าจะอีกสัก 2 ปี) พยายามปลดภาระตรงส่วนนี้ให้หมดสักที จะได้เริ่มต้นด้านอื่น ๆ เช่นพวกกองทุนรวม, หุ้น หรือซื้อบ้าน/คอนโด อะไรพวกนี้ ส่วนรถยนต์ถ้ายังไม่จำเป็นก็ยังไม่คิดถึงมันเท่าไหร่
    5. ผลักดันเว็บใหม่ที่กำลังจะออกมาให้ดีที่สุด เป็นเว็บที่ผมโชว์เดี่ยวเว็บที่สองหลังจาก blog ตัวเอง เพราะส่วนใหญ่จะเป็น co-founder เสียมากกว่า (อาจเพราะว่าอยากทำพวก technical มากกว่าเลยไม่ได้เป็นพวก marketing กับ content-editor เท่าไหร่)
    6. ออกกำลังกายให้มาก ๆ รู้สึกว่าอ้วนมาก ๆ ตอนนี้ เดี่ยวจะตายเร็วเสียก่อนงานนี้
    7. จัดแจงซื้อ license software ให้ครบ ๆ ซะที
    8. ซื้อ DVD ภาพยนต์ต่าง ๆ ที่ชอบไว้ซะ ตอนนี้เอาไปยัดใส่ wish-list ของ amazon.com ไว้แล้ว รอสั่งอย่างเดียว ถ้าในไทยหาไม่ได้แล้ว ค่อยสั่งอีกที ตอนนี้บางเรื่องน่าจะพอหาได้
    9. สุดท้ายเรื่องภาษาอังกฤษต้องให้ดีกว่านี้ ไม่งั้นชีวิตนี้ออกนอกประเทศไทยลำบากแน่ ๆ ไม่ใช่แค่อ่าน text-book รู้เรื่อง แต่ต้องสื่อสารได้ด้วย
    10. สร้างฐานของชีวิตหลาย ๆ ด้านให้ดี เพราะจุดสูงสุดของความฝันคือ “บริษัทของตัวเอง” ต้องทำให้ได้ และวางรากฐานให้ดี ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำก่อนคือไล่หา product ที่จะทำให้มันขับเคลื่อนได้ด้วย (นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่นั่งไล่อ่านหนังสือพวกบริหารธุรกิจใหม่หมด และซื้อหนังสือพวกธุรกิจรายสัปดาห์และรายเดือนหลายเล่มเพื่อให้แนวคิดตัวเองได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ)

    บันทึกนี้เป็นบันทึกช่วยจำของปีนี้ ที่ทำเป็นครั้งแรก ;)