ถนนชีวิตลูกจ้าง

ลูกจ้างน่ะทำตามที่ เจ้าของหรือหัวหน้าสั่ง ไม่ได้ทำตามที่ตัวเอง "คิดว่าถูก" ได้ทั้งหมด ยกเว้นมั่นใจว่า มีงานใหม่รออยู่ … ถนนชีวิต ไม่ลาดปูด้วยเงินทองกันทุกคน

ถ้ารวย มีเงินเหลือ ติสแตกได้ แต่ถ้าไม่ ก็ก้มหน้าก้มตาทำๆ ไป จะได้ไม่อดตาย ;P

สรุป ๆ มาจากชีวิตยามในกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O7936272/O7936272.html

10 เหตุผลที่คนในวงการไอทีลาออก (เขาว่า)

โดย Logos เมื่อ 5 มิถุนายน 2009 เวลา 0:48 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการ #

“เหตุผล” ทั้งสิบ ไม่ได้เรียงตามลำดับใดๆ ทั้งสิ้น และข้อเท็จจริงก็คือว่ามันเป็นเพียงความเห็นของคนคนหนึ่งเท่านั้น เพียงแต่ว่าผมอ่านแล้ว รู้สึกสะใจดีครับ

เป็นแนวปฏิบัติที่เลว ไม่ว่าจะทำงานไอที จะเป็นโปรแกรมเมอร์หรือไม่ หรือว่าทำงานอะไรก็ตาม เจอเข้าอย่างนี้ ก็จะเซ็งครับ

ไม่แปลละเอียดนะครับ อ่านภาษาอังกฤษมันกว่า

  1. Code & Run Shop — ลุยมั่วอย่างเดียว เขียนเสร็จแล้วเอาไปใช้เลย ไม่ต้องทดสอบ ไม่ต้องอิงกระบวนการคิด/ไตร่ตรองใดๆ
  2. Absolutely NO structure — มั่ว สั่งงานมั่ว ทุกอย่างด่วนหมด ไม่มีการเตรียมการล่วงหน้า
  3. Lack of regular communication — ไม่คุย อ่านใจกันเอาเอง
  4. Micro Managers — ควบคุมละเอียดทุกอย่าง ถ้ารู้ดีนัก ทำไมไม่ทำเองก็ไม่รู้
  5. No recognition of the work you’ve done and effort you’ve put in — ทำให้ตาย ก็ไม่มีผล
  6. Reviews that are mostly all negative most of the time — ติไปเสียทุกอย่าง
  7. Politics — การเมือง
  8. Bad co-workers who do not get stomped out (let go) and hurt the culture — เพื่อนร่วมงานไม่ดี
    • The arrogant bastard — พวกชอบเหยียบคนอื่น
    • The Kiss Ass — พวกชอบประจบผู้มีอำนาจ เลียจนเปียก
    • The Nosey Prick — พวกยุ่งไปทุกเรื่อง
    • The Lazy Snail — พวกขี้เกียจ/ทำงานช้า
    • The Idiot manager — พวกผู้จัดการ/หัวหน้าปัญญาอ่อน
    • The Know-it-All — พวกรู้ไปหมด/ทำมาแล้วหมด/ขี้โอ่
  9. No work-life balance — ชีวิตไม่สมดุลย์
  10. No concept of “Team” — ไม่รู้จักทีม

เอ… หรือว่าความห่วยนี่ เป็นเหมือนกันหมดทั่วโลกครับ

ทั้งหมดจาก http://lanpanya.com/wash/archives/796

ไม่มีอะไรมากนอกจากคำว่า โดนนนนนนนนน ครับท่านนนนนนนน

“รอ”

อ่าน entry (http://ilumin.exteen.com/20090602/entry) นี้แล้วจิตตกเล็กน้อย แต่ก็เอาเหอะ ปล่อยวางมานานมากแล้วกับเรื่องเก่า ๆ

แต่มันก็ยอมรอ เพราะเธอสัญญาว่าเพียง 1 ปี เธอจะกลับมาหางานที่นี่ใหม่
…ถึงแม้ว่ามันจะไม่เชื่อ แต่มันก็ยอมรอ
เพราะมันรัก และเชื่อว่าคนรักจะไม่ผิดคำสัญญา

เฮ้อ …….. เออ เซง ….. อ่านแล้วน้ำตาคลอหว่ะ

เป็นคนนึงที่เลิกรอ เลิกหวัง เลิกมองคำสัญญาคือที่สุด

อยากสัญญา สู้ทำให้เห็นเลยดีกว่า

ถ้าปัจจุบันยังทำไม่ได้ ก็ไม่ต้อหวังว่าอนาคตจะทำได้

ความหวังน่ะดี แต่มันไม่ใช่ดีที่สุดเท่าความจริง ณ. ปัจจุบันหรอก

ด้านบนคิดเอง แด่คนที่เคยทำให้รอ รอนานด้วย รอจนรู้สึกว่า กูรอไปทำไมวะ กูทำไปเพื่ออะไรวะ แล้วสุดท้ายก็คิดว่า แล้วไง เวลาของคน  2 คนมันไม่เท่ากันหรอก คนรอน่ะ ทุกข์ใจ คนที่ปล่อยให้รอก็ลั้นลาไปตามเรื่องตามราว เคยถามคนรอไหมว่าเค้าจะคิดยังไง ถ้าไม่คิดว่าจะใส่ใจ ก็อย่าให้ใครมารอคุณเลย เพราะคุณกำลังทำร้ายคนอีกคน (หรือหลายคน) ก็ได้

สิ่งที่ได้จากการนั่งดู V for Vendetta มา 3 รอบ

People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.

(ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน)

 

A building is a symbol, as is the act of destroying it. Symbols are given power by people. A symbol, in and of itself is powerless, but with enough people behind it, blowing up a building can change the world.

(ตึกเป็นสัญลักษณ์การทำลายมันก็เช่นกัน สัญลักษณ์มีพลังขึ้นมาได้ด้วยประชาชน ลำพังสัญลักษณ์ไม่มีความหมาย แต่ถ้ามีคนสนับสนุนมากพอ การระเบิดก็เปลี่ยนแปลงโลกได้)

 

จริง ๆ มีอีกหลายประโยคที่ชอบ แต่ที่เด็ด ๆ จริง ๆ ก็ 2 ประโยคด้านบนเนี่ยแหละ ;)

ไม่รู้ว่าคุณคิดเหมือนผมไหม ?

อยากให้เรามาเหงากันสองคน จะได้เลิกเหงาสักที แต่ผมไม่รู้ว่าคุณคิดเหมือนผมไหม บางครั้งผมก็กลัว กลัวที่จะเสียคุณไป … เพราะผมเริ่มเชื่อแล้วว่าความดี กับความรัก มันคนละเรื่องกัน

แค่ได้หวัง … ถ้ามันเป็นจริง ผมก็คงดีใจมากที่สุดในรอบปีเลย …