ผู้หญิงในฝันของผม

เห็นเค้าเขียนกัน งั้นผมเอามั่ง ^^

1. หมวย น่ารัก ยิ้มเก่ง ผิวขาว! – ไม่มีอะไรมาก ภายนอกล้วนๆ
2. รู้เรื่องไอที – แน่นอน ไม่งั้นคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ แต่ถ้าไม่รู้เรื่องเยอะ ผมก็พร้อมจะบอกนะ แต่อย่าขี้วีนเป็นใช้ได้เวลางง ผมจะค่อยๆ อธิบาย
3. ช่างพูด – แน่นอน ผมพูดคุยไม่เก่ง แต่เสี่ยวเก่ง แต่เอาเข้าจริง ผมก็เสี่ยวแค่ใน twitter/facebook แต่ไม่เคยใช้กับสาวๆ ตรงๆ เพราะเหมือนเอาไว้คุยกันเล่นๆ ในกลุ่มมากกว่า เพราะงั้น เลยชอบคนช่างพูด
4. ชอบฟังเพลง – ด้วยความที่ฟังเพลงเก่า-ใหม่ เลยพกอุปกรณ์ฟังเพลงไปเสมอๆ แน่นอน ก็อยากแบ่งให้เธอฟังบ้าง จะได้มีแต่สองเรา (ฮิ้ววววว)
5. มีเหตุผล อ้อนบ้าง แต่อย่างอนเยอะ ง้อมากไม่ใช่แนว – อันนี้สำคัญ เป็นคนเชื่อในวิทยาศาสตร์ จบวิทยาศาสตร์มา เพราะงั้นดูดวง โชคลางต่างๆ อย่ามาพูดถึงกันให้มาก พร้อมรับฟัง แต่ถ้าให้ถกประเด็นพวกนี้อาจทะเลาะกันได้ เพราะเป็นพวกมีเหตุผลในแบบที่อธิบายได้ ขอที่มาที่ไปสักนิดจะดีมาก ส่วนอยู่ๆ งอน อย่าเล้ยยย ผมไม่มีเวลามานั่งเดาหรอกครับ ^^
6. ชอบลุย! – อันนี้สำคัญ สำอางมากไปผมรู้สึกว่าผมต้องดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งผมคงทำไม่ได้แน่นอน ชีวิตมีอะไรให้ทำอีกเยอะนอกจากรักสวยรักงาม วันสบายๆ ไม่ต้องแต่งหน้าหรอก ทาแป้งบางๆ ก็พอ หรือไม่แต่งเลยก็ได้ ผมเดินคู่ไปได้เสมอ ;)
7. งานคืองาน สองเราก็คือสองเรา – เพราะด้วยลักษณะการใช้ชีวิตที่ผมต้องดูแล และเป็นเสาหลักของครอบครัว งานเยอะมาก ไปไหน กินอะไร ถ้าอยากกินบอก ไปได้คือไป ไม่ได้ก็คือไม่ได้ แต่ถ้าคิดมาให้ผมยินดี แต่ที่แน่ๆ งานต้องมาก่อน เพราะแน่นอน ผมต้องดูแลคนอีกหลายคน ไม่ใช่แค่คนสองคน
8. วางแผนเป็น – ด้วยเหตุผลจากข้อที่แล้วทำให้ อยากนัดไปไหนบอกสักนิด ล่วงหน้าสักหน่อย ด้วยอำนาจของ Google Calendar ผมพร้อม share calendar งานให้ทันที จะได้รู้เลยว่าไปไหนยังไงบ้าง จะได้นัดวันไปเที่ยว หนุ๋งหนิงกันสองคนได้ถูก ^^
9. เป็นคนเปิดเผยเหมือนกัน – ด้วยความที่ผมคิดอะไร พูดอะไร ส่วนใหญ่จะใส่ลงใน status update พวก twitter และ facebook เพราะงั้น คงไม่ยากถ้าคิดจะทำ
10. ไม่ตามบ่อย – จากข้อที่ผ่านๆ มา อยากรู้ว่าผมอยู่ส่วนไหนของโลก ชีวิตผมตามตัวไม่ยากหรอก มือถือ, bbm, อีเมล ฯลฯ ยิ่งเดี่ยวนี้ดูใน twitter และ facebook หรือ 4sq ก็น่าจะพอรู้ว่าผมอยู่ไหนยังไง ไม่ต้องตาม ไม่หายไปไหน รักคนเดียวอยู่แล้วจ้า จุบุ๊ๆ ;)
11. ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวกลางคืน – เพราะงั้น อย่าชวนเที่ยวกลางคืน แล้วสูบบุหรี่ไม่แน่นอน ดื่มเหล้านี่ นานๆ ที แต่อย่าเมาเป็นพอ ผมเป็นห่วง อย่างเมาไม่รู้เรื่องอะไรเลย บ่งบอกถึงความไม่ใส่ใจตัวเอง ทำให้ผมมองว่าเค้าจะใส่ใจเราได้อย่างไร คือเที่ยวกลางคืนก็มีบ้าง แต่อย่างเป็น play girl ขอร้อง ผมรับไม่ได้!
12. ถือเนื้อถือตัวบ้าง แต่งตัวเก่งไม่ว่า แต่อย่าเปิดโชว์เยอะ – ไม่มีอะไรมาก หึง และไม่อยากเป็นเป้าสายตา ^_^”
13. อย่าโกหก! – สำคัญมาก ถึงแม้จะรู้ว่าจะทะเลาะกันถ้าบอกความจริง แต่ขอให้บอก อย่าโกหก เพราะมันเป็นต้นเหตุในปัญหาอื่นๆ ต่อมา
14. รับฟังและพร้อมให้คำปรึกษา – ไม่ใช่ทุกคนที่จะยืนได้ตลอดเวลา มันก็ต้องมีวันล้ม และก็คงต้องหาวิธีลุกขึ้นมา คนเป็นคู่กัน ไม่ใช่แค่คบกัน แต่ต้องคู่คิดด้วย เพราะงั้น ต่างคนต่างช่วยกันคิด น่าจะดีกว่า
15. ความในอย่างเอาออก ความนอกอย่างนำเข้า – ตรงตัว ไม่มีอะไรมาก ตอนคบกันความลับก็ไม่ต้องบอกใคร ไฟของคนอื่นก็อย่าเอามาเผาระหว่างที่อยู่กันสองต่อสอง จะกลายเป็นเสียบรรยากาศเปล่าๆ

สรุปจะหาแฟนได้ไหมเนี่ย ฮาๆๆๆ เอาเหอะ คิดซะว่าเป็นแนวทางแล้วกัน ;P

สวัสดีปีใหม่ 2011

DSC_6709

อาจจะช้ากว่า blog อื่นๆ แต่เอาเหอะ ผมว่า ก็ไม่ช้าเกินไปเท่าไหร่ ^^

เป็นเช้าวันทำงานวันแรกของปี แน่นอน ปีที่ผ่านมาผมมีอะไรหลายๆ อย่างติดค้างจากใน blog นี้เยอะมาก และอย่างที่หลายๆ คนเจอ สิ้นปีเหมือนสิ้นใจ 2 เดือนสุดท้ายที่ผมหายไป นี่กรำงานหนักมากๆ ผมติดค้างเหล่าพี่ๆ เจ้าของสินค้าและ PR ที่ส่งสินค้ามาให้ผมทดลองใช้อยู่หลายตัว จริงๆ ผมโน๊ตไว้หมดแล้ว เพียงแต่ว่าผมไม่มีเวลามานั่งตกผลึกความคิดจากที่ผมโน๊ตไว้ สินค้าบางตัวผมส่งคืนเค้าไปแล้ว รูปภาพและข้อมูลอยู่ครบ แต่ยังไม่มีเวลาลงมือเขียน

ถ้าหลายๆ คนติดตามผมใน twitter/facebook รวมถึงเหล่ามิตรรักแฟนภาพ ที่ติดตามชมภาพสวยๆ จากผม (มั้ง) ใน multiply/flickr ก็คงทราบดีว่าผมเล่าเรื่องราวต่างๆ หรือส่งรูปภาพต่างๆ ขึ้นอยู่บ้าง เหมือนกัน แต่เป็นช่วงที่ว่างๆ อย่างผ่อนคลายมากกว่า แต่ twitter/facebook ถือเป็นเหมือนสมุดจดความทรงจำที่มักจะเล่าเรื่องราวเป็นประจำมากกว่าใน blog นี้เสียอีก อาจจะเพราะมันง่าย และรวดเร็วกว่าก็ได้มั้ง คือมีอะไรก็จัดหนักตรงนั้นเลย ซึ่งก็ดีในมุมนึง แต่ก็มีข้อเสียงตรงที่บางครั้งเราก็ไม่ได้ไตร่ตรองให้ชัดเจนเพียงพอ

ในช่วงปลายปีก่อนปีใหม่นิดหน่อย ก็ซื้อขวัญให้ตัวเอง บ้าง แต่ทุกๆ อย่างที่ซื้อก็เพื่อเสริมการทำงานของผม ซึ่งในปีที่ผ่านมานั้น ผมเป็นช่างภาพอาชีพที่มือยังใหม่ หลายๆ อย่างก็เลยอิงไปทางถ่ายรูปเสียเยอะ แต่ไม่ได้ทิ้งงาน Web Developer ที่ตัวเองทำอยู่ แต่ว่าเป็นตัวเสริมให้ผมรู้สึกอย่างทำงานที่แตกต่างบ้าง ซึ่งก็มี Nikon AF Nikkor 50mm f/1.8D มาเสริมทัพการถ่ายรูป หรือจอภาพ LCD 23” ของ LG รุ่น E2360V-PN เป็น Full HD 1080p LED Backlit อันนี้ซื้อมาสำหรับงานแต่งภาพโดยเฉพาะเลย เพราะจอ Notebook ผมไม่ไหวแล้ว DR กับ Backlit มันไปแล้วจริงๆ ซึ่งมีจอต่อด้านนอกก็ต้องหาคีย์บอร์ดใหม่ ตอนแรกจะเอา ThinkPad USB Keyboard เห็นราคาแล้วถอยทันที!!! เจอราคา 3,000 กว่าๆ ไปไม่ไหวจะเคลียร์ ผมเลยจัด Dell Multimedia Pro USB Keyboard (W875D) แทนมาซะเลย คือตัวคีย์มันได้ความรู้สึกแบบเดียวกับพิมพ์ Notebook ถึงแม้จะไม่มันเท่า ThinkPad Keyboard แต่ก็พอไหวในระดับราคาที่รับได้ ตามด้วย Samsung 8X External slim DVD-writer (SE-S084F) ที่มาเสริมทัพสำหรับ Noteook ของผมที่มี HDD อยู่ 2 ตัวใส่อยู่ มันเลยไม่มี Opical Drive เลยต้องมีสักหน่อย เวลา write CD/DVD จะได้ไม่ต้องเอา Bay ออกให้เสียเวลา ส่วน iPod Touch 4 (32GB) อันนี้จัดมาเพื่อเป็น porfolio ส่วนตัวโดยเฉพาะ หลายๆ คนแนะนำผมให้ซื้อ iPad แต่ผมดูแล้ว ไม่ไหว มันหนักเกินไป และพกใส่กระเป๋ากางเกงไม่ได้ ผมเลยตัดออก iPod Touch จึงเป็นคำตอบมากกว่าในระดับราคาขนาดนี้ มีของเยอะเลยต้องซื้อ Adidas Messenger Bag มาใส่ คือผมไม่มีกระเป๋าแนวนี้เลย มีแต่ Backpack แบบลำลอง เลยจัดสักใบ สุดท้าย ผมเล็งมานานมาก กับ SNSD (Genie/Gee JP Version) ส่วน KARA (Wanna/Lupin Thai Edition) นี่ไปเจอพอดี เลยเหน็บๆ กลับมาด้วย นี่ก็รอ Girls’ Generation 1st Asia Tour: Into the New World อยู่นะเนี่ย ^^

ร่ายยาวเรื่องที่ซื้อ ทุกๆ การจ่ายนี่มีเหตุผลประกอบ และแน่นอน แกล็บไปอีกสักพัก ทำงาน 2 เดือนสุดท้ายนี่เหมือนสิ้นใจ แต่ก็มีของขวัญให้ตัวเองก็หายเหนื่อย ประกอบช่วงปีใหม่ ก็ไม่ได้กลับบ้าน แม่ผมเลยมา เที่ยว กทม แทน แน่นอนว่าไม่ได้เหมาะกับการเที่ยวเท่าไหร่สำหรับคนอายุเยอะ แต่ว่านานๆ มาที ก็เลยไปเที่ยวโน้นนี่ พากินอาหารที่อยากให้แม่ทานบ้าง แน่นอนว่าผมจ่ายหมด ^^ ก็รู้สึกดี ถึงไม่มีแฟนให้เลี้่ยง แต่ก็เลี้ยงแม่แทน ฮาๆๆๆ

ถึงจะมีความสุขในช่วงปีใหม่ แต่แน่นอนว่าเป็นช่วงปีใหม่ที่หงุดหงิดบ้างกับลูกค้าตัวเองบ้าง แต่เอาเหอะ ไม่อยากบ่นเยอะ ;P

สุดท้ายนี้หวังว่าทุกท่าจะติดตาม blog ผมต่อไปนะครับ Winking smile

เรื่องการห้ามเอากล้องเข้าโรงหนัง

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตอนแรกก็หงุดหงิดแฮะ … จริงๆ หงุดหงิดตั้งแต่สมัยห้ามเอา Notebook เข้าไปแหละ!!!! แต่หลังๆ Notebook ก็ปล่อยผ่านไป (ใครจะบ้าเอางานเข้าไปทำ หรือเอากล้อง webcam ถ่ายหนังฟร่ะ!)

ต่อมาสักปีเกือบๆ 2 ปี นี้ผมถ่ายรูปผมก็เจอเหตุการณ์ห้ามเข้ากล้องเข้าโรงหนังอยู่ครั้งนึง โชคดีที่วันนั้นผมหาที่ฝากที่ปลอดภัยกว่าการฝากกับเจ้าหน้าที่ของโรงหนังได้ เลยรอดตัวไป คืออย่างน้อยๆ ก็ไว้ใจได้กว่าเจ้าหน้าที่แน่นอน

หลังๆ ถ้าไปดูหนัง ผมจะไม่เอากล้องไปเลย ไม่อยากนั่งเครียดในโรงหนัง กังวลว่าออกมาจะเป็นยังไง เค้าจะขนย้ายเป็นไหม ตกแตกจะว่าไง แล้วถ้าหายหล่ะใครจะรับผิดชอบ ทำให้ผมเข้าโรงหนังน้อยลงพอสมควรเลย

คือผมไม่ค่อยชอบมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับเจ้าหน้าที่ของโรงหนัง เท่าไหร่เพราะรู้ว่าเจ้าหน้าที่ก็มีหน้าที่ของเขา และก็ไม่ใช่หน้าที่อะไรของเขาที่จะต้องรู้ว่าอุปกรณ์ลักษณะแบบนี้รุ่นนี้ มันถ่ายวีดีโอได้หรือไม่ได้ เค้าคิดแค่ว่ามันคือกล้อง ห้ามเข้า ก็จบๆ ไป คือผมพยายามเข้าใจเค้านะว่าบางคนแค่เอาตัวรอดให้พ้นเดือนก็ยากลำบากแล้วหล่ะ

อาจจะเพราะผมเคยทำงานด้านบริการคล้ายๆ แนวๆ นี้มาก่อนบ้าง แม้จะไม่คล้ายกัน แต่ก็หาเงินเองอยู่ตอนเรียน เลยพอทำให้เข้าใจว่าทุกครั้งที่เรามีเรื่อง ตัวเราเองก็จะสร้างปัญหา สร้างความเหนื่อยใจหนักใจให้กับเจ้าหน้าที่เค้าเช่นกัน

ผมเข้าใจว่าเราก็รักกล้องของเรา รักของของเรา กล้องเราหายของเราจะทำยังไง?
และแน่นอนเค้าก็รักหน้าที่การงานของเขา ถ้าเจ้าหน้าที่ปล่อยผ่านไป แล้วเขาโดนไล่ออกคุณจะทำยังไง?

สรุปพบกันครึ่งทางอันไหนที่มันเป็นข้อห้าม ต้องฝากไว้ เราไม่เอาไปก็จบ ถ้าเราเอาไป ก็ต้องรับความเสี่ยงกันเอง เพราะถือว่าก็รู้ๆ กันอยู่ (แต่บางที่ไม่มีป้ายบอกแฮะ …)

มีหนังหลายเรื่องที่ผมไม่มีเวลาไปดู และเวลาที่ว่างกลับมีกล้องติดต่อไปซะชิบ … ผมก็รอแผ่นเอาง่ายดี ^^

ผมยังหลอนกับข้อความในบัตรรับฝากของตามห้างต่างๆ อยู่ครับ

หากสูญหายทางห้างจะไม่รับผิดชอบ

เห็นแล้วเซงสุดๆ

คำว่า "รู้จัก"

คุณ "รู้จักชื่อ" ..แล้วคุณ "ผูกพันธ์" กับเค้ามั้ย?

ถ้าคุณ "ไม่รู้จักชื่อ" ..แล้วคุณ "ผูกพันธ์" กับเค้ามั้ย?

แล้วถ้าระหว่าง "รู้จักชื่อ" กับ "รู้จักตัวตน" ..อย่างไหนสำคัญกว่ากัน?

จริงๆ แล้วคำว่า "รู้จัก" ..มันคือ รู้จักอะไรกันแน่??

"ชื่อ" ..มันก็แค่สิ่งที่ใช้เรียก "ตัวตน" สิ่งสำคัญที่สุดที่เราจะ "รู้จัก" ใครซักคนมันคือ "ตัวตน" ต่างหาก

ในเมื่อเรารู้จักตัวตนของเค้า และมี "ชื่อสมมุต" ที่ใช้เรียกเค้า แล้วชื่อจริงๆ ของเค้า ..มันจะสำคัญอะไร?

ใครมีแฟน หรือเคยมีแฟนคงเข้าใจคำว่า "ตัวเอง", "เค้า", "หมูอ้วน", "ที่รัก", "แมวน้อย", "กระต่ายขาว" ฯลฯ

ผมจึงคิดว่า คุณ "รู้จักชื่อ" ..แล้วคุณ "ผูกพันธ์" กับเค้ามั้ย? …

ทำไมถึงใช้ BlackBerry

ขอทำเป็นข้อๆ แล้วกันนะ เป็นเหตุผลที่ตัดสินใจซื้อ BlackBerry เลยแหละ

  1. ได้เวลาเปลี่ยนมือถือแล้ว มือถือนี่ผมใช้ประมาณปีครึ่งต่อเครื่องโดยเฉลี่ย ก็เลยได้เวลามองหามือถือใหม่สักที
  2. อยากได้แนวใหม่ๆ แต่ยังลงโปรแกรมเพิ่มเติมได้ มีอนาคตในการพัฒนาโปรแกรมใส่ไปได้ด้วย ซึ่งตอนนี้ฝึกเขียนโปรแกรมบน BlackBerry บ้างแล้ว แต่ยากอิบอ้ายยย –_-‘ ยากกว่า Windows Mobile เยอะมาก T_T ประเด็นไม่ใช่ Java แต่เป็น IDE Tools ที่ห่างชั้นกันเยอะมาก ต้องใช้กำลังภายในเยอะกว่าปรกติ
  3. ราคาเครื่องโอเคสำหรับรุ่นถูกสุด BlackBerry Curve 8520 ราคามันก็ไม่ได้แพงอะไรมาก หมื่นต้นๆ และยังถูกกว่า HTC Pharos เครื่องเก่าตอนผมซื้อใหม่ๆ อีก อีกทั้งมันทำได้เกือบทุกอย่างที่ BlackBerry Bold 9700 รุ่น Top มีด้วย ที่แตกต่างกันก็แค่  มี GPS, มี Flash ของกล้อง, รองรับ 3G และ CPU ที่แรงกว่าหน่อย ซึ่งผมก็ว่ามันก็โอเคดีสำหรับการใช้งานของผมนะสำหรับ BlackBerry Curve 8520
  4. โปรโมชั่น internet unlimited ในราคา 650 บาท/เดือนของ DTAC ที่ถือว่าถูกสำหรับคนเคยใช้ data plan 1GB/เดือน ราคา 650 บาท !!! ซึ่งถ้าใช้มือถือยี่ห้ออื่นมันไม่มีให้!!!
  5. push service สำหรับ รับ-ส่งอีเมล นี่แหละที่ชอบ เพราะผมมันพวกบ้าอีเมล คือระบบ direct push ของ Windows Mobile มันก็โอเคนะ ใช้แล้วประทับใจในระดับพอใจ แต่ข้อเสียคือมันไม่ประหยัดแบตเท่า push service ของ BlackBerry แฮะ … แปลกดี อีกอย่างคือ direct push ของ Windows Mobile มันใช้กับอีเมลได้ account เดียว -_-‘ แต่ push service ของ BlackBerry ยัดไปเลย 5 account แถมยังใส่เพิ่มได้อีก (ไม่รู้ว่ามากสุดเท่าไหร่) ทำให้ไม่ต้องมาทำ forward mail เข้า account หลักอีกต่อไปสะดวกโคตร แถมยังควบคุม account ต่างๆ ผ่านหน้าเว็บได้ด้วย ไม่ต้องมานั่งกรอกบนมือถือให้เสียเวลา
  6. BlackBerry Pin … และแน่นอน BlackBerry Messenger ครับ โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง … BlackBerry Messenger คือตอนแรกที่ไม่ใช้ก็งงๆ ใช้ Windows Live Messenger แทนไม่ได้เหรอ พอไปลองเล่นของคนที่เค้าใช้อยู่ แล้วให้เค้าแนะนำแล้ว อืมมม ระบบ group มันเทพได้ใจ คือ มันไม่ได้ใช้แค่คุยอย่างเดียว ไอ้แบบนั้น Windows Live Messenger มันก็ทำได้ Google Talk ฯลฯ มันก็ทำได้ แต่นี่มันสร้าง group แล้วมันใช้แชร์รูป ใน group แชร์ปฎิทินต่างๆ ได้ ส่ง PIN ยก group ให้ไปแอดได้เลย แถมตอนคุยกันยังส่ง clip เสียงขนาดเล็กไปได้ด้วย หมดปัญหาค่าโทรศัพท์ ส่ง clip เสียงเล็กๆ ไปๆ กลับๆ ดูน่ารักดี ไม่เชื่อลองใช้ดู อิๆๆ ;P
  7. Keyboard เฮ้ยยย นี่แหละสุดยอดการพิมพ์ข้อความบนมือถือ ทำไมเราเพิ่งมาเจอ !!! คือผมเข้าใจนะว่า Touch มันโอเค แต่ผมทำยังไงก็ไม่ชินกับ Touch Screen แฮะ ให้ตายเหอะ

สุดท้าย …. มันคือความพอใจส่วนตัว บางคนอาจจะชอบอีกอย่าง ผมอาจจะชอบอีกอย่าง ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้วกันครับ