มันอาจไม่เกี่ยวกับวัสดุในการผลิตตัวมือถือก็ได้

จาก ซัมซุงอธิบาย เหตุผลที่ใช้พลาสติกเป็นวัสดุเพราะความทนทาน-ผลิตง่าย นั้นส่วนตัวแล้วผมก็เข้าใจได้นะแต่….. การทำให้มันบางลงก็เรื่องนึง แต่ทำออกมาแล้วมันแตกหักง่ายมันก็อีกเรื่องนึง แต่ถ้าทำหนาขึ้นและทนทานขึ้น และทำให้ดูดีกว่านี้จนดูมีราคามันก็ทำได้นะ แต่มันอยู่ที่จะทำหรือเปล่า เพราะยี่ห้ออื่นๆ เค้าก็ใช้กันอยู่ อาจจะผสมโน้นนี่ลงไปเพื่อเพิ่มความทนทาน ผมก็เห็นเค้าใช้ๆ กันอยู่บ่อยๆ

คือจากกรณีนี้ต้องมาตีความหมายของคำว่า “ทนทาน” ก่อนว่าจะให้ทนทานในแง่ไหน เพราะ S3 ที่ออกแบบมาฝาหลังมันไม่ได้ทนทานอย่างที่เล่าลือกันมาสักเท่าไหร่ แถมบางครั้งเจอฝาหลังสีไม่เหมือนกันในแต่ละลอตก็มี ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าการควบคุมการผลิตมันเป็นยังไง

คือเรื่องเอาพลาสติกมาใช้ในตัวถังนั้น ผมไม่ได้มีปัญหาใดๆ เพราะตัวถัง Notebook อย่าง ThinkPad เมื่อก่อนก็พลาสติก ABS ปรกติ ไม่มีโครง magnesium ด้วย (พวกรุ่นเก่าๆ อย่าง T43) วิศวกรก็ยังทำให้ทนทานได้นะ (มีวิดีโอโชว์พาวโยนกันให้เห็นๆ กันอยู่บ่อยๆ) ของแบบนี้มันอยู่ที่วิธีการและวิธีคิดในการออกแบบควบคู่กับความทนทาน คนใช้ Apple Macbook รุ่น polycarbonate คงเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดดี เพราะขนาด polycarbonate ใน Macbook รุ่นนั้นยังแตกได้ แสดงว่ามันอาจไม่เกี่ยวกับวัสดุ แต่เกี่ยวกับการออกแบบในภาพรวมเป็นหลักมากกว่า

ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่จริงๆ แล้วปัดภาระออกจากตัวเองมากกว่า…

โซล่าเซลล์เป็นพลังงานสะอาด แต่ตัวแผงและแบตเตอรี่ที่ใช้เก็บไฟฟ้า เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงรีไซเคิลนะ

ถ้ากลับมามองที่ราคาชุดโซล่าเซลล์ขนาด 360 วัตต์ นั้นราคา 76,900 บาท สามารถผลิตไฟฟ้าได้พอที่จ่ายให้ตู้เย็นเล็กหนึ่งตู้กับหลอดไฟอีกไม่กี่หลอด เผลอๆ ใช้เตารีดรีดผ้าได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ นี่ยังไม่รวมราคาชุด inverter DC to AC และการบำรุงรักษาอื่นๆ อีก คือถ้าไม่รวยจริงมีเงินก้อน กว่าจะคืนทุนใช้เวลาขั้นต่ำ 7-8 ปีกว่าจะคืนทุน ระหว่างนี้ก็ลุ้นกันไป ><”

และถ้าเอาโซล่าเซลล์มาผลิตไฟฟ้าสำหรับคนทั่วไปโดยภาครัฐเองนั้น คาดว่าราคาต่อยูนิตหน่วยละ 10 บาทขึ้นครับ เพราะมันไม่ใช่แค่แผงไปวงแล้วจะได้ไฟฟ้า มันต้องคิดเรื่องการเก็บไฟฟ้า การนำส่งไฟ ที่ดินที่ต้องเสียไปกับการวางแผงดังกล่าวด้วย (ใช้พื้นที่มหาศาลมาก) และอย่าลืมว่าแผงพวกนี้เมื่อหมดอายุจะเอาไปทำอะไรต่อเพราะตัวแผงมันเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม (อย่างทีบอกไปตอนต้น)

ไอ้ตอนเริ่มน่ะไม่มีใครคิดหรอก แต่ตอนจบเนี่ยดิ เจอแต่พวกตัวใครตัวมัน คือถ้าศึกษาให้ละเอียดแล้วก็อยากจะรู้ว่ามันจะมีใครยอมจ่ายไหมเนี่ยแหละ

พลังงานลมไม่ต้องพูดนะครับ มลพิษทางเสียงสูงมาก แถมการบำรุงรักษายากกว่าโซล่าเซลล์อีก แถมลมในบริเวณประเทศไทยก็ไม่ได้แรงถึงขนาดทำแบบนั้นได้ตลอด คือถ้าจะไปริมทะเล แน่ใจนะว่าจะทำ เพราะพื้นที่ริมทะเลประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวครับ เดี่ยวจะงานเข้าโดนชาวบ้านประท้วงกันเสียเปล่าๆ หรือจะเอาไปไว้ในที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าก็ไม่ใช่ เพราะเหมือนคุณเอางาน Big Mountain ไปกรอกหูพวกสัตว์ป่าตลอด 365 วันเลยทีเดียว (แล้วหาว่ารักษ์โลก โธ่….)

นั่งคิดกันครับว่าจะเอายังไง แต่ที่แน่ๆ โจทย์คนไทยเรา อยากได้แต่ไม่อยากจ่าย ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่จริงๆ แล้วปัดภาระออกจากตัวเองมากกว่า…

ว่าด้วยเลือกตั้ง กทม. 2556

ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งครับ แต่ก็ติดตามมาโดยตลอด เพราะตัวเองอยู่ กทม. มา 5-6 ปีแล้ว

ซึ่งก็ขอแสดงความยินดีกับ "คุณชายสุขุมพันธุ์" ที่สามารถรักษาตำแหน่งผู้ว่าไว้ได้ ก็หวังว่าจะทำตามนโยบาย "เริ่มต้นได้ทันที" ของพรรคท่านนะครับ ซึ่งรอบนี้มีต้องบอกว่า คนจดโพยนโยบายต่างๆ ของท่านไว้เยอะ และคะแนนรอบนี้ด้านผู้ไม่สนับสนุนท่านก็มากอยู่ อีกอย่าง แนวการหาเสียงของพรรคท่านก็เน้นความกลัวเข้าว่า ก็ได้ผลดีอยู่นะ (แม้ผมจะไม่ชอบเท่าไหร่) เพราะฉะนั้น ก็อย่าเพิ่งดีใจจนคิดว่าทำแบบเดิมๆ เหมือน 4 ปีที่ผ่านมาได้ก็พอ เพราะครั้งหน้า ใครลงต่อจากท่านอาจแพ้เพราะท่านก็ได้ (เห็นใจคนมาสานงานต่อท่านบ้าง)

สำหรับผู้สมัครอิสระทั้ง สุหฤท โฆสิต และท่านอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวมา จะเป็นแรงสนับสนุนให้การเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไปมีคนผู้สมัครอิสระออกมาให้เราได้เลือกเพิ่มมากขึ้น และพร้อมสู้กับกลุ่มพรรคการเมืองใหญ่ ทั้งยังมีความหลากหลายมากขึ้นแน่ ซึ่งดูจากคะแนนของทั้งสุหฤทและโฆสิตแล้วนั้น ผมมองว่าก็ไม่ถือว่าแย่ เป็นพลังและคะแนนที่ให้กับตัวผู้สมัครเอง ซึ่งอยากให้แปรเปลี่ยนเป็นคะแนนกำลังใจและครั้งหน้าคงทำการบ้านเพิ่มเติมสำหรับการหาเสียงให้กว้างมากกว่านี้ ถ้าจะกลับมาใหม่อีกรอบ เพราะผมเชื่อว่าถ้ายังทำงานเพื่อสังคมต่อเนื่องเรื่อยๆ ผมว่าก็คงได้คะแนนเพิ่มมากขึ้นในครั้งต่อไปแน่ๆ ซึ่งแน่นอนว่ารอบนี้เงียบไปหน่อยสำหรับผู้สมัครอิสระ (เข้าใจว่าทุนไม่ได้มาก ซึ่งผมก็เข้าใจได้)

เป็น Programmer/Developer งานมันเครียด

อาชีพ Programmer กับ Developer งานมันเครียด พาลเส้นเลือดในสมองจะแตกตาย ได้ง่ายๆ จะตายโดยไม่ได้ใช้ตังเนี่ยแหละ

หลังๆ เลยพยายามให้วันอาทิตย์คือ 1 วันใน 7 วันที่พักจริงๆ จังๆ ไม่ยุ่งกับงานเลย (ถ้าไม่ critical ระดับระบบล่ม มี critical bug นะ) คือได้พักวันนึงเต็มๆ นั่งอ่านโน้นนี่ ลองของไปเรื่อยๆ ได้หาอะไรใหม่ๆ ทำหรือเล่น หรือแบบเบื่อมากๆ ก็ไปเที่ยวแม่มเลย ใครมาอี๊ดๆ ติดต่องานวันนั้นจะไม่รับเลย จะให้อีเมลแจ้งเท่านั้น (มีเวลาตั้ง 7 วัน กูขอวันหนึ่งเหอะ กูขอหล่ะ)

คือไอ้ 1 วันที่ว่าเนี่ย อาจเป็น 1 วันที่ได้ศึกษาอะไรใหม่ๆ ด้วย งานด้าน IT มันต้องอัพตัวเองตลอด มันมีอะไรใหม่ เจออะไรมาก ทำอะไรได้บ้าง คือเราทำงานด้าน Solution มันต้องรู้อะไรใหม่ๆ ตลอด ศึกษาเรื่อยๆ ไม่ใช่หยุดอยู่กับที่ ไม่งั้นเราจะตามหลังแน่ๆ

ผมเชื่อแล้วว่า “คนที่เป็นโปรแกรมเมอร์ได้ยาวนานนั้น ต้อง Born to be จริงๆ”

Confirm Dialog อยู่ไหน!!!

คุณเคยไหมที่ Remote Desktop เข้าไปเช็ค IP/DNS ที่ Network Properties ของ Server แล้วกดปุ่ม Properties พลาด เพราะเน็ตดันกระตุก แถมดันไปโดนปุ่ม Disable ตัว Network Card แทน!!!! (╯°□°)╯︵ ┻━┻)

กดไปปั้บ Remote Desktop มัน Terminate ตัวเอง แทบร้องกรี๊ดสาวแตกลั้นบ้าน!!! เพราะระบบมันยัง online production อยู่ เล่นเอา down ไป 1 ชั่วโมงกว่าๆ (ดีนะที่มีคนเข้า site งานพอดี และยังไม่มีคนใช้งาน เลยให้เค้าไป Enable กลับได้)

พี่ Microsoft ครับ พี่ช่วยทำ Confirm Dialog ให้สักหน่อยก็ดีนะครับ ผมไหว้หล่ะ -/\-
(Windows 8 พี่ก็ไม่ถามสักนิดเหมือนกัน)

2013-02-25_160726