Bill Gates vs Steve Jobs; Stealing from a rich neighbor – Pirates of Silicon Valley

ไปเอามาเพราะ Bill Gates บอกว่า บุคลิกของตัวเขาในภาพยนตร์ Pirates of Silicon Valley แม่นยำสูงในระดับหนึ่ง (reasonably accurate) อ้างอิงจาก บิล เกตส์ ตอบคำถามผ่าน Reddit

แต่ @plynoi บอกว่าในหนังไม่โหดเท่าเหตุการณ์จริง ที่อ้างอิงจากหนังสือ Revolution in The Valley: The Insanely Great Story of How the Mac Was Made เขียนโดย Andy Hertzfeld ที่บอกว่าในเหตุการณ์จริง Bill Gates คนเดียว แต่มี Steve Jobs และรายล้อมด้วยทีมงานของ Apple

Steve Jobs: I obviously made a mistake. I made a mistake. I trusted. I believed. Family. Maybe a Mafia family. You turn your back, and you get whacked. Our guys come back from Japan with this NEC…. and it’s loaded with Microsoft programs. Your Microsoft programs. They’re almost identical to ours.

Bill Gates: There may be a few… similarities.

Steve Jobs: Similarities? Similarities? Try theft.

Bill Gates: Steve, all cars have steering wheels, but no one tries to claim that the steering wheel was their invention.

Steve Jobs: We have a contract, you and I. Well, you should read it more carefully.

Steve Jobs: What is this? This is like doing business with a praying mantis. You get seduced, and then eaten alive afterwards?

Bill Gates: Get real, would ya? You and I are both like guys who had this rich neighbor – Xerox – who left the door open all the time. And you go sneakin’ in to steal a TV set. Only when you get there, you realize that I got there first. I got the loot, Steve! And you’re yellin? “That’s not fair. I wanted to try to steal it first.” You’re too late.

Steve Jobs: We’re better than you are! We have better stuff.

Bill Gates: You don’t get it, Steve. That doesn’t matter!

Great Scene – Pirates of Silicon Valley, stealing from a rich neighbor

Nokia แนะนำ App “Wongnai” (วงใน) ให้ผู้ใช้ Nokia Lumia ทุกรุ่นและโปรโมชั่นพิเศษภายใน App

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา Nokia ได้จับมือกับผู้สร้าง App “Wongnai” (วงใน) ซึ่งเป็น App แนะนำร้านอาหารคนไทยพร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมายบน Windows Phone 8 ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน Windows Phone Store ซึ่งได้มีการจัดโปรโมชั่นรับหน้าร้อนให้กับผู้ที่ซื้อ Nokia Lumia ทุกรุ่นที่ติดตั้ง App “Wongnai” บน Windows Phone

โดยโปรโมชั่นพิเศษนี้อยู่ใน Tab ที่ชื่อ Lumia Gift แล้วเข้าไปรับสิทธิ์ได้ โดยก่อนรับสิทธิ์ใน Lumia Gift ต้อง check-in ที่ร้านคาเนะโมจิ (Kanemochi) ในวันที่ 1-10 มีนาคม ร้านดากาซิ (Dakasi) ในวันที่ 11-25 มีนาคม และร้านพาเฟริโอ้ (Parferio) ระหว่างวันที่ 26-31 มีนาคม

wp_ss_20130324_0001

โดยวิธีการดาวน์โหลด App “Wongnai” ทำได้ง่ายๆ ด้วยการค้นหาคำว่า “Wongnai” บน Windows Phone Store แล้วติดตั้งได้ทันที

Poster

Cloud Services ไม่ถูก ใช้ให้ถูกจุดประสงค์

หลายคนไม่รู้ได้ mind set มาจากไหนว่าใช้ Cloud Services มันถูกกว่าใช้ Shared Hosting คือมันไม่ได้ถูกกว่าหรอกนะ ถ้าใช้ในงาน scale เล็กๆ แถมแพงกว่าด้วย เช่นเอา blog ที่ใช้ wordpress ไปใส่ใน Azure แบบที่ผมใช้อยู่นี่ คิดๆ แล้วจ่ายแพงกว่าด้วยนะครับ ถ้าผมไปเช่า Shared Hosting ผมจ่ายปีละ 1,000 – 2,000 บาท (พื้นที่ไม่เกิน 1GB และ b/w เดือนละ 50-100GB) แต่ที่ใช้บน Azure จ่ายตกเดือนละ 400 บาท แพงกว่าเท่าตัวเลย

2013-03-24_153919

แต่ที่ยอมเพราะผมจ่ายเอามาศึกษา เอามาลองใช้ และจะได้ตอบคนอื่นๆ ได้ว่ามันดียังไง ใช้ยังไง ทำอะไรได้บ้าง มันคุ้มค่ากว่าตัวอื่นๆ ยังไง ในจุดประสงค์งานแบบไหนด้วย

ถ้าต้องการลองทำระบบแบบเสมือนจริง เช่นอยากทดสอบเรื่อง web app ที่รองรับโหลดเยอะๆ แต่ไม่แน่ใจการออกแบบที่กำลังทำ และ web app เราใช้ load balance ทำ HA มาทำงาน โดยมี database ทำงานด้านหลังหลายๆ ตัว แต่อยากออกแบบก่อนซื้อ h/w จริงๆ ก็ใช้ cloud service พวกนี้เป็นทางเลือกในทำ simulate ระบบก่อนซื้อ h/w ครับ จะได้ไม่พลาดในการซื้อ h/w มาใช้งานร่วมกับ web app ที่กำลังออกแบบ

2013-03-24_154040

10 เหตุผลที่ผมจะไม่ซื้อ ThinkPad เครื่องต่อไป

คาดว่าจะเป็นโพสสุดท้ายเกี่ยวกับของเรื่อง ThinkPad ตัวล่าสุดที่เพิ่งออกมาแล้ว (คงไปเขียนเรื่องอื่นต่อ) เพราะด้วยเหตุผลว่า T Series นั้นเป็นรหัสรุ่นที่ถือเป็น Flagship ของ ThinkPad มาอย่างยาวนาน และการออกแบบรุ่น ThinkPad T431s นั้นเป็นการประกาศอย่างชัดเจนว่าต่อไป ThinkPad จะเป็นอย่างไรต่อไป แถมใน New T431s Illustrates How ThinkPad Loyalists, Techies and the People Will Define Future Design  ที่อยู่ใน Official Blog ก็โดนสับเละจากความคิดเห็นกว่าร้อยความคิดเห็น (ณ วันที่โพส)

ด้านล่างคือมุมมองของ “สาวก” ใจสลายแบบผม แน่นอนว่าทุกอย่างบนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการเฝ้ามองของคนที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาที่ได้ใช้ ThinkPad มาเกือบ 10 ปี รวมถึงคนรอบข้างอีกหลายคนที่ใช้งานมาก่อนผมอีกหลาย generation ซึ่งหลายๆ คนก็ได้ทิ้ง ThinkPad ไปใช้ยี่ห้ออื่นก่อนหน้านี้แล้ว (ช่วงปี 2012 ที่ผ่านมา)

  1. ThinkPad กำลังเป็น Macbook Pro สีดำ
    คนซื้อ ThinkPad เพราะความเป็น ThinkPad มีความเป็น Engineering นำหน้า Design มีแนวคิดที่แตกต่างจากการออกแบบของ Apple และนั้นคือสิ่งที่ ThinkPad แตกต่าง และคนส่วนใหญ่ซื้อ ThinkPad เพราะความแตกต่าง แต่ในตอนนี้ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา วิธีคิดแบบนี้ใช้ไม่ได้อีกต่อ และนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องซื้อ ThinkPad มาใช้เพราะไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆ ทั้งๆ ที่ Lenovo ประกาศชัดว่าตัวเองจะเป็นคู่แข่งกับ Apple ในตลาดบน แต่ในความเป็นจริง คือพยายามตามงานและลอกแบบ Apple มาขายลูกค้าด้วยเหตุผลในด้านการแบบ ซึ่งนั้นเองคือสิ่งที่ “ผิด” และผลักกลุ่มคนที่ต้องการความแตกต่าง หาทางเลือกที่ดีกว่าจากยี่ห้ออื่นๆ แทน เช่น Dell Latitude, Sony Vaio หรือ Toshiba Portégé มาใช้งานแทน
  2. คีย์บอร์ดแบบ 6 แถว (6 rows Keyboard)
    มันเป็นความเลวร้ายที่สุดของการออกแบบในช่วง 2 ปีหลังของ ThinkPad (2012 – 2013) แม้ว่าสัมผัสในการพิมพ์จะยังอยู่ดี แต่การนำไปใช้งานสำหรับ System Admin และ Programmer นั้นกลับแย่ลงอย่างมาก เพราะการจัดวางปุ่มบางปุ่มนั้นอยู่ชิดกันเกินไป หรือปุ่มที่ถูกใช้งานบ่อยๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ Fn Key ร่วมด้วย แต่ในคีย์บอร์ดรุ่นใหม่กลับต้องใช้ และนั้นทำให้เกิดการสะดุดในการใช้งานอย่างมาก แถมมันทำงานร่วมกับ OS อื่นๆ ได้ลำบาก เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้ซื้อไปใช้กับ Windows เท่านั้น แต่ใช้งานร่วมกับ Linux หรือ Unix ด้วย อีกทั้งมันทำให้การใช้งานร่วมกับ Desktop Computer เป็นเรื่องยาก เพราะการจัดวางตัวปุ่มต่างๆ นั้นทำให้สลับไป-มาระหว่าง Desktop และ Notebook นั้นมีประสบการณ์ในการใช้งานที่ไม่สมานกัน และนั้นเป็นเหตุผลเดียวกับที่ keyboard ของ Apple ทั้ง Desktop keyboard ใน iMac และ Notebook keyboard ใน Macbook Pro นั้นมีขนาดและการจัดวางที่เหมือนกัน เมื่อ Lenovo เลือกทางนี้แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะซื้อ ThinkPad มาใช้งาน
  3. นำปุ่ม Physical ของ TrackPoint ออกไป
    มันเป็นการออกแบบที่ไร้สาระและทำให้ตอนใช้งานจริงนั้นผู้ใช้ต้องทำงานโดยย้ายย้ายมือออกจาก keyboard อย่างแน่นอน เพราะโซนด้านบนของ TouchPad นั้นเป็นส่วนที่ถูกนำมาเป็น gesture command ของ Windows 8 และนั้นทำให้การใช้ top zone มาแทนที่ Physical Button ทำงานผิดพลาดได้ง่ายมากขึ้น
  4. รูปแบบ Bento Box ที่หายไป
    การออกแบบเครื่องแบบ Bento Box ทำให้จอภาพยังคงความแข็งแรง และทนต่อแรงกดทับจากการใส่กระเป๋าได้ดีมาก แต่ตอนนี้มันได้หายไปแล้ว
  5. แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนไม่ได้
    การถอดแบตเตอรี่ไม่ได้ใน Business Notebook เป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้อย่างรุนแรง เพราะแบตเตอรี่เป็นส่วนที่แตกต่างและเป็นเหตุผลที่ผมไม่ซื้อ Macbook Air มาใช้ รวมไปถึงไม่แนะนำใครให้ซื้อ ThinkPad X1 มาใช้งาน เพราะสุดท้ายผู้ใช้งานก็ต้องการเปลี่ยนมันได้ง่ายๆ ถ้ามันมีปัญหา เสื่อม หรือต้องการซื้อแบตเตอรี่ก้อนที่ 2 เพื่อทำงานได้ยาวนานมากขึ้นโดยไม่ต้องชาร์จไปด้วย และนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ Notebook แบบถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ยังขายได้สำหรับคนทำงานด้านธุรกิจ เพราะทำให้เค้าทำงานอย่างยาวนานระหว่างการเดินทางได้
  6. จอภาพที่ไม่มีการพัฒนาและไม่ใช่จอแบบสัมผัส
    นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจอภาพของ ThinkPad ไม่มีการเปลี่ยนแปลง Resolution มาอย่างยาวนาน ซึ่งในอดีต ThinkPad เคยเป็นผู้นำในด้านจอภาพที่มีความละเอียดสูง ตัวอย่างเช่น ThinkPad T43p ที่จอภาพขนาด 14.1″ ที่ความละเอียด 1400×1050 pixels หรือ 15.0″ FlexView LCD (IPS panel) ความละเอียด 1600×1200 pixels แต่นั้นคือ IBM ThinkPad รุ่นปี 2005 และนี่ปี 2013 ผ่านมา 8 ปี ThinkPad T431s กลับไม่มีพัฒนาการในด้านนี้ที่แต่กลับเป็นผู้ตามในตลาดแทน ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับจอภาพมือถือสมัยใหม่ก็มีความละเอียดมากกว่าจอภาพ ThinkPad T431s ไปแล้ว และจอภาพขั้นต่ำที่ ThinkPad ที่ขายในปัจจุบันต้องเป็นผู้นำคือ 1080p หรือ Full HD เป็นอย่างน้อยด้วยซ้ำไป ซึ่งแน่นอนว่า ThinkPad ถูกขายพร้อมกับ Windows 8 ที่เป็นระบบปฎิบัติการตัวล่าสุดของ Micrsoft ที่ชูจุดเด่นด้านการใช้งานร่วมกับจอภาพแบบสัมผัส จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ขายมาพร้อมกับจอภาพแบบสัมผัสถ้าอยากให้ ThinkPad เป็นผู้นำด้านเทคโนโลียีจอภาพและทำงานร่วมกับ Windows 8 ได้ดี
  7. ไฟสัญลักษณ์ที่ไร้รสนิยมและไฟแสดงผลการทำงานอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่องที่หายไป (Indicator LED Panel)
    มันเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราทราบว่ตอนนี้เครื่องยังทำงานได้ดีอยู่หรือไม่โดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มใดๆ เพื่อให้ระบบปฎิบัติการแสดงผล Onscreen indicator ซึ่งการเอาออกไปทำให้ผู้ใช้งานไม่ทราบว่าอะไรทำงานไม่ทำงาน และแทนที่ด้วยไฟสีแดงที่จุดตัว i บนตัวสัญลักษณ์ ThinkPad ที่ไร้ประโยชน์และดูแลรักษายาก และดูไร้รสนิยม (นึกถึงจุดสีแดงกระพริบตอน Standby ดูซิว่ามันจะเหมือนผีกระสือแค่ไหน ><“)
  8. การนำ ThinkLight ออกจากการออกแบบตัวเครื่อง
    ใน ThinkPad Edge และ ThinkPad X1 นั้นไร้เงาจากไฟส่องคีย์บอร์ดจากขอบจอภาพด้านบน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สำหรับ Business Notebook ที่ต้องใช้ทำงานได้ตลอดการเดินทางแล้วนั้น มันไม่ได้ถูกใช้งานเพียงแค่ส่องลงมาที่คีย์บอร์ดเท่านั้น แต่ยังใช้งานในการส่องเอกสารต่างๆ ได้ด้วย และการนำมันออกไปทำให้การเลือกใช้ในการเดินทางยาวนานนั้นต้องมีภาระในการซื้อไฟฉายส่องเอกสารเพิ่มเข้ามา เพราะ Keyboard Backlit ทดแทนในเรื่องการนำมาส่องเอกสารไม่ได้นั้นเอง
  9. งานประกอบ ความทนทานของเครื่อง และ ศ. บริการที่แย่ลง
    ThinkPad ในปัจจุบันนั้นผ่าน Military Grade มากกว่ารุ่นเก่าๆ ในอดีต สำนักรีวิวให้คำชมมากมาย แต่นั้นเหมือนเป็นการติดภาพในอดีตเสียมาก เพราะงานประกอบและสัมผัสในการใช้งานที่ผู้ซื้อได้รับกลับไม่ได้เป็นไปตามคำโฆษณาที่พูดไว้เช่นเดียวกับ ThinkPad ในอดีต เพราะเครื่องที่ขายในช่วง 2-3 ปีให้หลังเหมือนกำลังกินบุญเก่าที่เคยทำไว้อยู่มาก มันออกแบบมาทนทานน้อยลง มีเหตุให้ต้องเข้า ศ. บริการมากขึ้น อีกทั้ง ศ. บริการที่เคยให้บริการอย่างดีและทำงานอย่างมืออาชีพในอดีตนั้น ในปัจจุบันกลับก็ได้รับการร้องเรียนในด้านการบริการที่ไม่ดี หรือมีมาตรฐานการเคลมประกันที่หลากหลาย รวมไปถึงการเบิกอะไหล่ที่ยากขึ้นในอาการเสียที่เกิดจากความไม่ทนทานของตัวชิ้นส่วนที่นำมาประกอบเช่น บานพับ หรือจอภาพที่เกิดอาการช้ำจนกลายเป็น Bright dot เนื่องจากการที่ฝาหลังจอทนแรงกดทับได้น้อยลง เป็นต้น และนั้นเป็นเหตุผลที่ต้องถามกลับไปผู้ออกแบบ ThinkPad ว่า “roll cage” ในรุ่นใหม่ๆ ที่เคยคุยว่าทำให้เครื่องทนทานขึ้นนั้นแต่ยังคงทำให้บางลงได้ เป็นแค่ราคาคุยเท่านั้น? (เรื่องคำบ่นเหล่านี้สามารถหาได้ตาม official forum ของ Lenovo หรือ forum ของ ThinkPad Fan ได้ทั่วไป)
  10. การกลับด้านของสัญลักษณ์ของ ThinkPad ที่ฝาหลังเครื่อง
    มันไม่ใช่เรื่องรูปแบบการใช้งาน แต่มันเป็นสัญลักษณ์และเป็นการบอกกับผู้ใช้งาน ThinkPad ว่า Lenovo ออกแบบโดยไม่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้อีกต่อไป แต่เป็นการออกแบบเพื่อส่งเสริมแบรนด์มากกว่า ซึ่งนั้นคือ “การปิดฉาก 20 ปีของ ThinkPad ที่ใส่ใจการออกแบบเพื่อคนใช้งาน ” เพราะผู้ออกแบบ ThinkPad ในยุคแรกนั้นให้เหตุผลตั้งแต่เริ่มต้นว่า “การทำสัญลักษณ์กลับด้านโดยที่หันตัวสัญลักษณ์ไปทางผู้ใช้งาน เพื่อให้อ่านง่ายมากกว่าป่าวประกาศต่อคนที่พบเห็น เพราะต้องการใส่ใจต่อผู้ใช้งานมากกว่าส่งเสริมแบรนด์ของตน”

ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นเหตุผลที่รวบรวมจากหลายๆ แหล่ง รวมไปถึงส่วนตัวผมด้วยว่า “ทำไม ThinkPad ถึงไม่น่าซื้ออีกต่อไปสำหรับผมในตอนนี้” เพราะเหตุผลเหล่านี้เป็นเหตุผลหลักๆ เท่านั้น และแน่นอนว่าเครื่องในอนาคตนั้น ThinkPad ไม่ใช่ตัวเลือกเดียวอีกต่อไป (กว่า 10 ปี) แต่มีทั้ง Dell Latitude, Sony Vaio หรือ Toshiba Portégé เข้ามาเป็นตัวเลือกร่วมด้วยแล้วในตอนนี้ คงต้องดูกันต่อไปว่าจะเปลี่ยนใจหรือไม่ เพราะเครื่องที่ผมใช้อยู่อย่าง ThinkPad T420 ยังเหลือประกันอยู่ 450 กว่าวัน ซึ่งอาจหมายถึงผมยังอยู่กับ ThinkPad ไปอย่างน้อยๆ 2 ปี เพราะปรกติผมใช้ Notebook จนหมดประกัน 3 ปีและใช้ต่อไปอีกอย่างน้อย 3 เดือนก่อนหาซื้อเครื่องใหม่อีกครั้ง

แบรนด์ไม่ใช่ของเราครับ เพราะงั้น ทำได้แค่บอกและเลือกที่จะ “ใช้” หรือ “ไม่ใช้” บนเหตุผลของแต่ละคน แต่ละช่วงเวลา ซึ่งผมก็ทำได้แค่นั้น

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Office 365 Home Premium ตัวล่าสุดกับ Office 2013 แบบกล่อง (Retail)

หลายคนสับสนระหว่าง Office 365 Home Premium กับ Office 2013 แบบกล่อง (Retail) ตัวล่าสุดที่ขายกันเล็กน้อยนะ เพราะไม่ทราบว่า subscription product ของ Microsoft ของ Office 365 Home Premium นั้นสามารถติดตั้ง Microsoft Office ที่เป็น Applications ตัวเต็มได้ และสามารถทำงานแบบ Offline ได้เลยโดยเพียงแค่ต้องทำ activate subscription ตอนติดตั้งครั้งแรกที่เราไปโหลดตัว installer มาและติดต่อ ซึ่งตัว installer มันจะ stream ตัวโปรแกรมมาให้เราที่เครื่องเราเหมือนติดต่อจากแผ่น CD/DVD เลย และระบบจะตรวจสอบเราทุกครั้งที่ต่อ internet ว่าเราหมดระยะ subscription หรือยัง ถ้าซื้อแบบกล่องก็ไปโหลด installer มาได้เช่นเดียวกัน

ข้อดีของการใช้ Office 365 Home Premium คือจ่ายเป็นรายเดือนหรือรายปี โดยได้ update/upgrade ตัว Microsoft Office ใหม่ล่าสุดเสมอๆ และสามารถใช้งานได้ 5 เครื่อง (รวม desktop, notebook และ mobile พวก tablet) ซึ่งจะใช้ activation key จากในหน้า Office Portal หรือส่งทางอีเมล ในกรณีที่ซื้อแบบ Online ผ่านทาง Microsoft Account (พวก Hotmail หรือ Windows Live ID สามารถทำ auto-renewal ได้ด้วย ซึ่งสามารถเลือกจ่ายเป็นรายเดือนหรือปี หรือแม้แต่จะใช้ activatetion  key จากการ์ดในกล่องซึ่งขายเป็นรายปีก็ทำได้

เมื่อได้ activation key มาแล้ว เราก็เอามากรอกตอนเริ่มต้นใช้งานครั้งแรก เพื่อผูก activation key เข้ากับ Microsoft Account ของเรา ซึ่งถ้า activation key ใช้ได้ ตัว Office จะ activate ตัวเองไปพร้อมๆ กับผูก activation key นั้นเข้ากับ Microsoft Account แล้วเราก็เริ่มใช้งานได้เลย

สำหรับเรื่องยกเลิกสิทธิ์ที่จะใช้เครื่องนั้น หรือเรียกว่า deactivate ก็สามารถทำได้ผ่าน Office Portal โดยใช้ Microsoft Account ที่ผูกกับ activatetion  key ดังกล่าว เพื่อนำสิทธิ์ที่ได้มากลับคืนตามจำนวนเครื่องที่มีสูงสุด 5 เครื่อง และค่อยไปติดตั้งเครื่องอื่นแทน ซึ่งระบบจะยกเลิกสิทธิ์ตัว Office ที่เครื่องเก่าออก โดยจะขึ้น Expire subscription และตัว Office ที่ติดตั้งเครื่องดังกล่าวจะอ่านไฟล์ได้อย่างเดียว (Read Only mode)

สิ่งที่เป็นข้อควรจำอีกอย่างคือ Office 365 Home Premium นั้นให้ใช้ได้แต่เฉพาะ Home use เท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้งานในเอกสารหรือทำงานด้านธุรกิจได้ ถ้าจะใช้งานด้านธุรกิจจริงจังควรใช้ Office 365 Small Business Premium เป็นต้นไป โดยจะมีคุณสมบัติคล้ายๆ กัน และมี Microsoft Office ที่เป็น Applications ตัวเต็มด้วย และถ้าใช้ Office 365 for Business ที่ราคาต่ำกว่า Office 365 Small Business Premium จะเป็น Office Web Apps เท่านั้น อ่านเพิ่มเติมต่อได้ที่ เลิกเสียเงินกับ Google Apps/Evernote และหันมาใช้งาน Office 365 Small Business Premium ครับ

2013-03-20_152303

Capture จาก Compare Microsoft Office Products & Subscription Plans – Office.com