ว่ากันด้วยงาน Thailand Next Web Apps

ตอนนี้ผมเพิ่งกลับมาจากงาน จริง ๆ งานเค้าเลิกกันตอนเกือบ ๆ 1 ทุ่มครับ แต่ว่าไปต่อกับคุณ gootum กับ Eut(ThaiAdmin.org) ครับ นั่งคุยกับชิล ๆ จริง ๆ คุยกับ @ifew ว่าไม่บอกจะได้ไปสมทบ -_-‘ แล้วไม่โทรมาถามหล่ะคร้าบบบบ

แต่เอาไว้ก่อน เรื่องหลังงาน มาเรื่องรูปแบบของงานผมว่าเข้าเว็บ http://nextwebapps.com/th น่าจะได้รายละเอียดเยอะกว่าครับ คงไม่เล่าซ้ำว่าคืองานอะไรยังไง (ในเว็บมีบอกหมดแล้ว)

มาดูบรรยากาศในงานดีกว่าครับ จริง  ๆ มีหลาย Session แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาทั้งหมด เพราะไม่ไหวอ่ะ อยากฟังมากกว่า

อ่อ ลืมบอกไปครับงานนี้สำหรับคนที่ลงทะเบียนจะได้เสื้อด้วยครับ ;) แถมในงานข้าวเที่ยง (ของเชสเตอร์เลย), เครื่องดื่ม พวกน้ำอัดลมกระป๋องกับใส่แก้ว หรือจะน้ำเปล่า, ชา, กาแฟ มีฟรีตลอดงาน ผมซัดน้ำไป 4 กระป๋อง มั้ง ;P

ประโยคเด็ดในงาน #TNWA

ใครว่า Mac ใช้งานง่าย

ในงานนี้ตอนแรกเริ่มเลยผมกะจะไปพูดเรื่อง Hoffman Framework เตรียม slide ไปแล้วแหละ แต่ไป ๆ มา ๆ เอาไว้ Barcamp Bangkok 2 แล้วกันครับ เพราะโดยรวมก็ยังไม่พร้อมเท่าไหร่ เลยเตรียมเรื่องใหม่มาพูดแทนคือ Hi5 และ ThaiHi5.com ครับ พูดเรื่องทำไม Hi5 ถึงดังในไทย ทำไม facebook/myspace ไม่ดังในไทย รวมไปถึงเรื่องการจัดการชุมชน ThaiHi5.com ที่มีเด็ก ๆ อายุตั้งแต่ 13 – 23 ปีโดยเฉลี่ยเข้ามาใช้งาน จะจัดการยังไง ซึ่งโดยรวม ผมยังไม่พอใจในการพูดและตอบคำถามของผมเอง อาจจะเพราะเปลี่ยนหัวข้อภายในเวลา 20  นาทีเองมั้ง slide ก็เผาเอาก่อน เข้า session เพียงครึ่งชั่วโมง แถมตอนนั้นเครื่อง ThinkPad มีปัญหาบ้าบออะไรก้ไม่รู้ -_-‘ ทำให้ slide ที่ทำไว้มีปัญหา ต้องทำใหม่ เลยไม่มีเวลาลำดับ slide ให้ดีพอครับ

การร่วมงานในครั้งนี้นี่หลุดไม่ได้เข้าไปหลาย session เหมือนกัน อาจจะเพราะว่า session ดี ๆ ชนกันเอง เลยต้องเข้าอันที่ชอบที่สุดก่อนแทนซะ -_-‘ บางอันก็ไม่ได้ถ่ายรูปมาครับ เพราะฟังเพลินไปหน่อย T_T

P1080306

Read more

ว่ากันด้วย Forward mail

ตอนเช้านี้คงไม่มีอะไรมากเท่ากับ

นับเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากที่ คนจำนวนไม่น้อยเลยเชื่อ Forward Mail ในทันทีที่อ่านจบ และคงไม่ต่างกับอ่านข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์แล้วเชื่อไปในทันที โดยไม่มีการถ่วงดุลข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เล่มอื่น ๆ และสื่ออื่น ๆ เพื่อสร้างน้ำหนักและข้อเท็จจริงให้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้

นี่คงเป็นบทเรียนที่ควรจำไว้สำหรับเหล่า Mail Forwarder ทั้งหลายว่า ควรใช้สมองให้มากกว่านี้ก่อนทำการ Forward Mail ออกไป

ข่าวปรับเวลาใส่สีเกินจริง

พอดีว่าได้ข่าวเรื่องการปรับเวลาจากที่ต่าง ๆ มามากมายว่าต้องปรับเวลาให้เร็วขึ้น 30 นาที จากเว็บต่าง ๆ ที่มีอยู่กับมากมาย (หาไม่ยากมั้งงานนี้ FWD Mail กันให้เต็มไปหมด) ผมก็นั่งรอดูว่าจะมีประกาศอะไรออกมาจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงยังไงบ้าง เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ ไม่น่าเงียบขนาดนี้ ขนาดเรื่องเบอร์มือถือที่เพิ่มเลข 8 ลงไปยังใช้เวลา และประชาสัมพันธ์กันขนานใหญ่ แต่นี่การปรับเวลาที่มีผลกระทบมากกว่าเบอร์มือถือมาก ๆ กลับเงียบมาก ๆ ไม่มีข่าว หรือประกาศจากรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย ทำให้ผมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งลังเลอยู่พักใหญ่ ๆ  เพราะมันเป็นการปรับเวลาจากเวลาปัจจุบัน 8.30 น.เป็น 9.00 น. ทำให้มีผลกระทบเยอะนะ ทั้งตลาดหุ้น การทำธุรกรรมทางการเงิน การเดินทาง ฯลฯ ที่ใช้เวลาในการควบคุม ยิ่งทางด้านการเงินแล้วเนี่ยผิดพลาดไม่ได้เลยครับ ซึ่งตอนนี้ได้ข้อกระจ่างแล้วว่าไม่เป็นความจริงแต่ประการใดที่ต้องปรับเวลาให้เร็วขึ้น 30 นาทีครับ เป็นประกาศจาก สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ โดยตรงเลย

สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ จัดทำและรักษาเวลามาตรฐานตามสากล ไม่ใช่เป็นการปรับแก้เวลา หรือปรับเปลี่ยนเวลาใดๆทั้งสิ้น

คราวนี้หล่ะจบข่าวสรุปว่าใสสีเติมไข่ครับ โดยความจริงเป็นแค่การปรับเวลาให้ตรงกันเพื่อใช้ในการเก็บ log ของข้อมูลที่สื่อสารกับผ่านระบบอิเล็คทรอนิส์ครับ ที่ต้องปรับเวลาให้ตรงตามมาตรฐาน "เวลาอ้างอิงสากล (Stratum 0)" ตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่ว่าไว้ว่า

"เพื่อให้ข้อมูลจราจรมีความถูกต้องและนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงผู้ให้บริการ ต้องตั้งนาฬิกาของอุปกรณ์บริการทุกชนิดให้ตรงกับเวลาอ้างอิงสากล (Stratum 0) โดยผิดพลาดไม่เกิน ๑๐ มิลลิวินาที"

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Stratum-0 กับ Computer Crime Act ของประเทศไทย ครับ

จบการแก้ข่าววันนี้แต่เพียงเท่านี้

Update [10:50]

บน Windows XP สามารถตั้งให้ปรับเวลาตรงตามดั่งที่กฎหมายระบุทำตามนี้ครับ

วิธีการเทียบเวลามาตราฐานประเทศไทย
โดยผ่านทางระบบให้บริการเวลามาตรฐานทาง Internet

– คลิ๊กขวาที่ Time บน Notification Bar
– เลือก Adjust Date/Time
– คลิ๊ก Internet Time
– ใส่เครื่องหมายถูกหน้า Automatically
– ใส่หมายเลข time.navy.mi.th ในช่อง  Server แล้วคลิ๊ก Update Now
– Program จะทำการ Sync เวลาจาก Time  Server

โดยกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ
http://www.navy.mi.th/hydro/time/

ปล. Server เนี่ยจะใช้ Time server อื่น ๆ ก็ได้เช่น

– NECTEC = nucleus.nectec.or.th หรือ IP Address : 202.44.204.9

– ThaiCert = clock.thaicert.nectec.or.th  หรือ IP Address : 203.185.129.186

จาก http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6866198/X6866198.html

เพราะในความเป็นจริง ๆ มันไม่มี GMT +7.30 ให้ตั้งนะครับ

หรือกดโทรศัพท์ 181 แล้วโทรออกก็เทียบเวลาได้แล้วครับ

App ตัวแรกบน Windows Mobile ด้วย VB.NET (VS 2008)

โดยส่วนตัวแล้วถ้าให้เลือกระหว่าง C# กับ VB.NET ในตอนนี้ ผมคงเลือก VB.NET เพราะตัวเองถนัด และเขียนมาก่อนตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยตอนปี 2 ตอนนั้นเขียนบนฐาน .NET 1.0 และ 2.0 ด้วย VS 2002 – 2003 และตอนฝึกงานที่เขียนบน VS 2005  ด้วยความถนัด App ตัวแรกจึงเลือก VB.NET นั้นเอง

หลายคนที่รู้จักผมคงไม่งง แต่คนไม่รู้จักผมเท่าไหร่ คงงงว่าไอ้ผมนี่มันพวกชอบภาษาแนวปีกกามากกว่า ทั้ง Perl, PHP และ JAVA แต่มี VB.NET มาโผล่มาตัวนึง ซึ่งจริง ๆ ผมเขียน C, C++, Python กับ Ruby พอได้ แต่ไม่เอามาลงจะดีกว่า เพราะอ่าน code ได้แต่ยังไม่ถึงกับเอามาทำ App จริง ๆ จัง ๆ ได้มากนัก อาจจะเพราะ C/C++ นี่ร้างลามานานจนไม่คิดว่าตัวเองเขียนเป็น App ได้ในเวลาอันสั้น Python ที่ได้จับตอนทำ E-Book และทำรายการพร้อมตัวอย่าง ยังไม่ถึงขั้น Deploy ตัว App ไปขายได้ ส่วน Ruby นี่ผมได้เพราะ Rails Framework จึงไม่คิดว่าตัวเองเก่ง Ruby พอที่จะเขียนได้โดยไม่พี่ง Rails Framework

มารอบนี้สิ่งที่ต้องเตรียมตัวหลายอย่าง อย่างแรก ผมหาข้อมูลก่อนว่าผมจะเขียน App บน Windows Mobile ได้ยังไง เพราะส่วนตัวไม่ได้ติดตามด้าน Windows Mobile เลย แต่นับตั้งแต่ซื้อ HTC Pharos มาได้ 3-4 วัน ผมเลยหาข้อมูลหลาย ๆ อย่างมาประกอบทั้งเรื่องของ Smartphone กับ Pocket PC Phone มันต่างกันยังไงแน่

รุ่น Smartphone คือรุ่นที่ตัวเครื่องมีปุ่มตัวเลขสำหรับโทรศัพท์และควบคุมการใช้งาน แต่ไม่มี Toch Screen ส่วน Pocket PC Phone  นั้นคือเครื่องที่ไม่มีปุ่มตัวเลขสำหรับกดใช้งาน แต่ใช้ Touch Screen แทน หรือบางครั้งถูกเรียกว่า PDA Phone

สิ่งแรกคือ Windows Mobile 6 นั้นได้เปลี่ยนชื่อรุ่นนิดหน่อย เป็น Standard (สำหรับ Smartphone) กับ Professional (สำหรับ PDA Phone) โดย App ในปัจจุบันนั้นได้พัฒนาขึ้นมาบน .NET Compact Framework 2.0 เป็นส่วนใหญ่ และสะดวกมาก ๆ เพราะสามารถสร้าง App บน Visual Studio 2005 Standard และ Visutal Studio 2008 Professional เป็นต้น (รุ่น Visual Studio Expression พัฒนา App บน Windows Mobile ไม่ได้ครับ T_T ) ด้วยเหตุนี้ทำให้การพัฒนา App บน Windows Mobile มีต้นทุนครับ เพราะต้องซื้อลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์สำหรับพัฒนา แต่ก็ยังมีทางเลือกเล็กน้อย ซึ่งใช้พลังงานเยอะกว่าปกติหน่อย แต่ประหยัดตามลิงค์นี้ครับ

Compiling .NET Compact Framework applications without Visual Studio

ลองไปอ่านดูครับ แต่ ….

อีกทางหนึ่งคือใช้ Visual Studio 2008 Professional Trial version ครับ ผมมีแผ่นที่ได้จาก BarCamp Bangkok Winter 2008 มาลง (ดีนะที่ผมเอามาและยังเก็บไว้) ก็เอามาลงแล้วตามด้วย Windows Mobile 6 Professional and Standard Software Development Kits Refresh และ ActiveSync 4.5 ครับ แค่นี้ก็ได้ครบ

เสร็จแล้วก็ลงทั้งหมดลงไล่ตั้งแต่ Visual Studio, SDL และ ActiveSync ครับ

เสร็จแล้วก็สร้าง Project ตามปกติเลย เลือก Device แล้วก็ SmartDevice Project 

ก็ได้หน้าตามแบบโทรศัพท์เลย คราวนี้ผมก็เขียน App อย่าง่าย ๆ แต่งานนี้ไม่เอา Hello World ;P คราวนี้ผมเอา App บวกเลข Integer ธรรมดาเนี่ยแหละ ง่ายดี

2008-08-11_225359

แล้วก็ลาก Object Control ลงไป

2008-08-11_225337

แล้วก็เขียนโค้ดลงไปตาม Syntax ของ VB.NET ที่ผมคุ้นเคย

เสร็จแล้วก็ build และทดสอบด้วย emulator บนเครื่องก่อน โดยรวมทำงาน ok

ขั้นต่อไปก็เอาลองใส่ใน HTC Pharos ของผม แล้วก็ทำงานตามภาพด้านล่างครับ บวกเลขได้ดั่งใจนึก ;P

P1080207

ทั้งหมดนี่ลง App บนเครื่อง ThinkPad R40 ตัวเก่าใช้เวลาทั้งหมดชั่วโมงกว่า -_-‘ แต่เขียน App ตัวนี้ 5 นาทีเสร็จ

โดยรวมเป็นการทดสอบว่า Syntax VB.NET ที่เราคุ้นเคยทำงานได้ไหม และลองดูว่า การเขียน App บน Windows Mobile นี่มันยากหรือเปล่า ลองเล่น ๆ ดู ถ้ามี idea เราคงได้เจอกัน ;P

แล้วเจอกันใหม่ครับ ;)