พรีวิว Netflix แบบเร็วๆ

  • UI อะไรต่างๆ บน Apple TV และ iOS โดยรวมหากเคยใช้บน primetime, Hollywood HDTV หรือ iflix มาก่อน คงย้ายสลับมาใช้คงไม่ยากนัก (จริงๆ Netflix เป็นต้นฉบับด้วยซ้ำ แต่เพิ่งเปิดตัวให้สามารถใช้งานได้ในไทย เลยต้องเทียบแบบนี้)
  • Content โดยรวมน้อยกว่า US บางส่วนคาดว่าติด exclusive หรือติดพวกสัญญาลิขสิทธิ์ กับเจ้าที่ทำตลาดมาก่อน ส่วน exclusive ของ Netflix เองนั้น บางส่วนก็ยังไม่มีมา คิดว่าอยู่ในขั้นตอนการเจรจาลิขสิทธิ์
  • Sub title จากที่สำรวจมา ยังไม่มีภาษาไทย
    แต่คุณ Pop Thanapon แจ้งว่า SDI Media ผู้ให้บริการ Media Localization ทั้งการพากย์และทำซับไตเติล ที่มีสาขาในไทย ทำสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์กับ Netflix คิดว่าในอนาคตคงมีให้เลือก (อ้างอิง SDI Media Named Netflix Vendor of the Year)
  • Register ต้องผูกบัตรเครดิต หรือบัญชี Paypal เสียก่อน ไม่งั้นสมัครใช้บริการไม่ได้ ซึ่งอาจเป็นจุดอ่อนสำคัญสำหรับตลาดไทยที่มักไม่ชอบให้ผูกบัตรเครดิต แต่ใช้บัตรเติมเงินเข้าไปแทน คงต้องรอ Netflix Gift card ในอนาคตหากไม่ต้องการผูกบัตร
  • App ในส่วนของ iOS, Android, Apple TV และ PS4 โผล่มาแล้ว
  • Web ตอนนี้เปิดให้บริการและดูบนเว็บได้ทันที แต่ interface เป็นภาษาอังกฤษ
  • ราคา ไม่ถือว่าแพงหากเป็นคนชอบดูหนัง ส่วนคนที่ติดซีรีย์ที่ exclusive Netflix หลายๆ เรื่อง แนะนำให้สำรวจก่อนตัดสินใจจ่ายเงิน มีช่วงเวลาให้ลอง 30 วันเช็คก่อนต่ออายุได้

ส่วนตัวคงใช้ Netflix คู่กับ primetime ต่อไป เพราะสำหรับหนังใหม่ที่เพิ่งออกจากโรง บน Netflix ไม่มี แต่มีให้เช่าบน primetime

ส่วนการเช่าหนังราคาบน primetime ถูกกว่า iTunes ที่ primetime มีให้เช่าในราคาประมาณ 50 บาทต่อเรื่อง (iTunes ราคา 4.99USD)

ขั้นตอนการติดตั้งภาษาไทยบน Pebble firmware 3.0 ใน Pebble Classic และ Pebble Steel

Pebble Classic และ Pebble Steel สามารถติดตั้ง Pebble firmware 3.0 พร้อมรองรับภาษาไทยได้ง่ายขึ้น ด้วยขั้นตอนตามด้านล่างนี้

หมายเหตุ, อ้างอิงจาก iOS

1. ลบแอพ Pebble Smartwatch และ forgot device ใน Bluetooth ใน Setting ของ iOS ให้เรียบร้อย

2. ลงแอพ Pebble Time บน iOS Device

3. ทำการ pair device ใหม่ตามขั้นตอนของแอพ

4. ทำการอัพเดท firmware 3.0 ผ่านแอพตามปรกติ ตั้งค่าต่างๆ ให้เรียบร้อย จะ factory reset ตัว Pebble หรือไม่ก็ได้

5. เข้าไปที่ https://pittaya.com/thai-language-on-pebble-time/ ทำการดาวน์โหลด “Thai language pack เวอร์ชัน 0.3 (2015.06.29)” จากลิ้งค์ แน่นอนว่ามันจะดาวน์โหลดไม่ได้ จะขึ้นหน้า thai_03.pbl

6. เลือก action menu ของ browser (ปุ่มลูกศรชี้ขึ้นที่มุมขวามือบน) แล้วเลือก Open In …

7. เลือก Copy to Pebble Time เสร็จแล้วมันจะโยนเข้าแอพ Pebble Time แล้ว Install new language เป็น thai_03 ให้เราบน Pebble ของเราให้เอง

แค่นี้ก็จบแล้วสำหรับการติดตั้งภาษาไทยบน Pebble firmware 3.0 บน Pebble Classic และ Pebble Steel

มารู้จักกับ CAT Data Center และพาเยี่ยมชมภายใน ที่นี่มีอะไรน่าสนใจบ้าง

เมื่อต้นเดือนผมได้ไปเยี่ยมชม CAT Data Center ที่บางรักมา เลยมีเรื่องมาเล่าให้ฟังกันยาวๆ สักหน่อย โดยส่วนที่ผมเข้าไป เป็นโซนชั้นที่ 14 ซึ่งตกแต่งสวยงามเป็นระบบดีครับ

สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจว่าที่แห่งนี้ให้บริการอะไร ก็ต้องอธิบายไว้ว่า บริการ Data Center เป็นการให้เช่าพื้นที่ภายในศูนย์ข้อมูล ซึ่งประกอบไปด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีทั้งอุปกรณ์เครือข่าย ชุดวงจรสื่อสารทั้งใน-ต่างประเทศ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องที่จะควบคุมสภาพแวดล้อมภายในไว้ให้คงที่ เช่น ระบบป้องกันการเกิดอัคคีภัย อุณหภูมิ การไหลเวียนอากาศ ระบบสำรองไฟฟ้า การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และระบบรักษาความปลอดภัย

Front-2

Front-1 meeting room-1

Reception-1 Reception-2

สำหรับที่ CAT Data Center แห่งนี้ ผ่านการรับรองมาตรฐานการให้บริการ ISO 27001: 2013 มั่นใจได้ทั้งระบบรักษาความปลอดภัย และมีระบบไฟฟ้าที่รับไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถึง 2 แหล่งจ่าย พร้อมระบบชุดสำรองไฟ (UPS) 2 ชุด ที่จ่ายไฟสำรองได้นานกว่า 30 นาทีและมีระบบสำรองไฟแบบ Generator จ่ายไฟสำรองได้นานกว่า 48 ชม.ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

CAT data center มีให้บริการหลากหลาย มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

บริการให้เช่าพื้นรับฝากเซิร์ฟเวอร์ (Server Co-location) มีตั้งแต่ 1 U จนถึง 42-U Rack ทั้ง Shared Rack และ Full Rack

1 image

โดยมีบริการขั้นต้นคือ

  • เชื่อมต่อ Internet ด้วย Port ขนาด 10/100 Mbps (สามารถเพิ่มเป็น 1Gbps ได้)
  • การเชื่อมต่อทั้ง International และ Domestic รวมทั้ง Data Center มี bandwidth ให้ที่ระดับ 10 Gbps
  • บริการ IP Address
  • บริการ Traffic Monitoring
  • บริการจัดการโดเมนเนม
  • กระแสไฟฟ้าสูงสุด 32 Amp ต่อ 1 Rack
  • เจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

ทำความรู้จักกับ ISO 27001: 2013 ที่นำมาใช้ใน CAT Data Center

เป็นมาตรฐานระบบความปลอดภัยที่แน่นหนา และเข้มงวดโดยเน้นการปกป้องข้อมูลสารสนเทศ (Information) ให้มีคุณสมบัติ 3 ประการคือ

  • Confidential การปกป้องสารสนเทศให้เข้าถึงได้เฉพาะผู้ที่มีสิทธิ
  • Integrity: ปกป้องความถูกต้องสมบูรณ์ของสารสนเทศไม่ให้ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงผิดไปจากความเป็นจริง
  • Availability :สร้างความเชื่อมั่นว่าระบบสารสนเทศพร้อมใช้งาน

ฉะนั้นการเข้า-ออก CAT Data Center จะมีกระบวนการตามแบบที่ ISO 27001 กำหนดไว้โดยลูกค้าสามารถเข้า-ออกได้ตลอด24 ชม.โดยแต่ละบริษัทจะมีผู้ที่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงระบบ (Contact Point) จำนวน 2 ท่านโดยพื้นฐานและสามารถเพิ่มเติมได้ โดยการสแกนนิ้วมือและมีการ์ดเพื่อเข้าถึงระบบ กรณีมีผู้ติดตามจะต้องแจ้งรายชื่อกับเจ้าหน้าที่ก่อนเสมอ การนำอุปกรณ์เข้าออกต้องกรอกแบบฟอร์มและได้รับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่เสมอกรณีที่ผู้ที่มีสิทธิ์มิได้มาด้วยต้วเองจะต้องส่งอีเมลหรือแฟกส์ล่วงหน้า 1 วัน

พอเรารู้ข้อกำหนดแล้วมาชมภาพภายในกันดีกว่าโดยภาพทั้งหมดนี้ได้รับการอนุญาตจากทาง CAT Data Center แล้วว่าสามารถเผยแพร่ได้

image

Co-lo1-1 247247

ทางเข้านั้นมีการกำหนดให้ใช้รหัส และการแสกนนิ้วก่อนเข้า เพื่อควบคุมการเข้าถึงภายในผ่านเจ้าหน้าที่ และผู้มีสิทธิ์ในการเข้าถึงเท่านั้น ภายนอก มีโต๊ะ และเก้าอี้สำหรับจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนนำเข้าห้อง พร้อมชุด console สำหรับต่อกับเครื่องภายในห้องไว้ให้บริการด้วย

Co-lo1-5 Co-lo1-4

เครื่องต่างๆ ที่ลูกค้าวางไว้ภายใน จะอยู่ใน Rack ที่มีกรงป้องกันการเข้าถึงหน้าเครื่องอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยมิได้รับอนุญาตจากลูกค้ารายอื่น ที่เข้ามาใช้บริการ

Co-lo1-6 Co-lo1-3

แน่นอนว่านอกจาก Rack ตามข้างต้นแล้ว ยังมีบริการแบบ

บริการห้องเปล่าที่ล้อมด้วยกรง หรือ Cage Co-Location

บริการห้องวีไอพี หรือ Suite Co-Location ที่มาพร้อมกล้อง CCTV และ Proximity Card Access Control สำหรับแต่ละห้อง

Co-Lo2 Carrier zone-1 Co-Lo2 Carrier zone-2

Co-Lo2 Carrier zone-3 Co-lo1-2

CAT ยังมีบริการห้อง Carrier room สำหรับวางวงจรสื่อสารที่เชื่อมต่อไปภายนอกโดยผู้ให้บริการ internet (ISP) รายอื่น ๆ ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้สามารถเลือกเชื่อมต่อไปยังผู้ให้บริการโครงข่ายรายอื่นได้อย่างอิสระ

พื้นที่สำหรับให้เช่าพื้นที่สำนักงานชั่วคราว (Temporary Office) พร้อมอุปกรณ์สำนักงาน และ Internet ความเร็วสูงสำหรับลูกค้ามีความต้องการ

โดยบริการสำนักงานชั่วคราวขั้นต้นนั้นจะมีดังนี้

  • มีสายสัญญาณ Internet ความเร็วสูง
  • เฟอร์นิเจอร์ (ตู้เก็บของ โต๊ะ เก้าอี้)
  • ระบบไฟฟ้า แสงสว่าง ตลอด 24 ชั่วโมง
  • ระบบน้ำ และระบบปรับอากาศ ตลอด 24 ชั่วโมง

247242 247241

Temp office-5 Temp office-4

Temp office-1 Temp office-2

image

สำหรับการเข้าไปชมพื้นที่ในชั้น 14 นี้ ถือเป็นของใหม่ของผมพอสมควรเพราะปรกติผมเข้าไปชั้น 13 มากกว่า ส่วนในชั้น 14 นี้ถือว่าเป็นเฟสใหม่กว่าชั้น 13 (เปิดตัวประมาณปี 2554) จุดเด่นเท่าที่ได้สัมผัสคือ แอร์เย็นมาก ระบบไฟต่างๆเป็นแบบวางใหม่ ปลั๊กไฟ 2 เฟสเฟสละ 5 ช่อง การเดินสายสัญญาณสื่อสารไม่ได้เดินจากด้านใต้ของ Rack แต่เดินบนเพดานแทนทำให้การเดินสายทำได้ง่ายกว่ามาก แบ่งโซนระบบดับเพลิงด้วยสารเคมีที่แบ่งเป็นโซนแทนทั้งห้อง

และภายหลังจากเหตุไฟดับเมื่อ 2 ปีก่อน CAT data center ได้ปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยและระบบไฟฟ้าใหม่

image image

image image

นอกจากนี้ CAT ยังสร้างศูนย์ Data Center แห่งใหม่ ในชื่อ CAT data center Nonthaburi II ที่มีการออกแบบและก่อสร้างให้มีเสถียรภาพสูงเพื่อเป็นอาคารที่ให้บริการ Data Center โดยเฉพาะ ผ่านการรับรองมาตรฐาน Trusted Site Infrastructure Certificate (TSI Certificate) Level 3 แห่งแรกและแห่งเดียวใน ASEAN รองรับการใช้งานในลักษณะ Mission Critical ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

image

image

สำหรับ CAT Data Center ในพื้นที่อื่นๆ ก็จะมีที่ นนทบุรี, ศรีราชา, เชียงใหม่, ขอนแก่น, ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี

ซึ่งต้องอธิบายสักนิดว่า Data Center แบ่งออกเป็น 4 Tier ด้วยกันคือ

  • Tier I: Basic Capacity
    มีระบบส่ง-จ่ายไฟฟ้า, ระบบส่งน้ำเย็น, ระบบปรับอากาศ ระบบลิ้งค์ต่างๆ เพียงพอที่จะรองรับ Data Center ทั้งระบบได้ แต่ด้านจำนวนอุปกรณ์ ไม่มีสำรองไว้รองรับ
  • Tier II: Redundant Capacity Components
    ระบบการทำงานมีพื้นฐานจาก Tier I และรวมไปถึง มีอุปกรณ์ชุดสำรองในระบบที่สำคัญ ระบบที่มีชุดสำรอง แบบ N+1 เช่น UPS และ Generator โดยที่ +1 คือ มีระบบสำรองไว้รองรับ
  • Tier III: Concurrently Maintainable
    ระบบการทำงานมีพื้นฐานจาก Tier I และ Tier II โดยรวมไปถึงระบบที่ยังสามารถทำงานอยู่ได้ ในขณะที่ซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ทดแทนเข้ามา และมีระบส่งไฟฟ้าที่แยกอิสระออกจากกัน ช่วยให้การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าทำได้โดยไม่ต้องปิดระบบทั้งหมด
  • Tier IV: Fault Tolerance
    ระบบการทำงานมีพื้นฐานจาก Tier I, Tier II และ Tier III ที่ยังคงสามารถทำงานอยู่ได้ เมื่อมีปัญหาจากความผิดพลาดเกิดขึ้น จุดสำคัญคือ ระบบทั้งหมด ยังสามารถทำงานอยู่ได้ ทุกส่วนหากมีอุปกรณ์ใดๆ เสีย เพราะมีการสำรองอุปกรณ์ไว้แบบ N+1 เสมอทุกๆ ส่วน

อ้างอิงจาก Explaining the Uptime Institute’s Tier Classification System

โดยหากเราระบุเป็น SLA ภายใน 1 ปีนั้น ยอมให้ระบบไม่สามารถให้บริการได้ตามปรกติ หรือมี  down time ได้ดังนี้

  • Tier I ให้ SLA ที่ 99.671% หรือที่ 28.817 ชั่วโมงต่อปี
  • Tier II ให้ SLA ที่ 99.741% หรือที่ 22.688 ชั่วโมงต่อปี
  • Tier III ให้ SLA ที่ 99.982% หรือที่1.5768 ชั่วโมงต่อปี
  • Tier IV ให้ SLA ที่ 99.995% หรือที่ 26.28 นาทีต่อปี

หากดูจากแต่ละพื้นที่ ที่ CAT data center ได้ให้บริการแล้วนั้น จะผ่านมาตรฐานตั้งแต่ Tier II ขึ้นไป ในเขตพื้นที่กรุงเทพ โดยเฉพาะส่วนที่ผมได้เข้าเยี่ยมชมคือ CAT data center บางรัก ชั้นที่ 14 นั้น อยู่ในระดับ Tier IV ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเลยทีเดียว

image

จากทั้งหมดที่ได้เล่ามานั้น ช่วยให้การเยี่ยมชมในครั้งนี้ ได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับส่วนของเฟสใหม่ของ CAT Data Center ชั้น 14 มากขึ้น โดยทาง CAT คาดหวังว่าการเข้าไปเยี่ยมชมและนำข้อมูลเหล่านี้นำมาเผยแพร่ จะช่วยให้ลูกค้า และคนที่กำลังตัดสินใจในการเลือก Data Center เพื่อนำระบบเข้าไปวางภายใน ได้มั่นใจในมาตรฐานต่างๆ ที่ทาง CAT ได้ผ่านการตรวจสอบ และพัฒนาระบบเพื่อให้บริการลูกค้าบนมาตรฐานสูงสุด

ลองของกับ Apacer Thunderbird AST680S (240GB) และ Apacer TURBO II AS710 (128GB)

ผมได้ SSD มาทดสอบอยู่ 2 ตัว เมื่อไม่นานมานี้ เป็นรุ่นที่ระดับ consumer ใช้งาน ยี่ห้อน Apacher รุ่น Thunderbird AST680S (240GB) และ TURBO II AS710 (128GB)โดยทั้งสองรุ่นนั้นมีความสามารถที่เหมือนกันอยู่หลายๆ อย่าง เช่น รองรับ SATA Interface 6.0Gbps, ECC engine correcting, TRIM command support, 256-bit AES encryption and decryption และพร้อมกับประกัน 3 ปี

แต่ทั้งสองรุ่นก็มีข้อแตกต่างกันในการนำไปใช้งานอยู่บ้าง เรามาดูเป็นรุ่นๆ ไปดีกว่า

2015-08-08 15.06.18

Apacer Thunderbird AST680S (240GB)

รุ่น Apacer Thunderbird AST680S ถือเป็นรุ่นที่ระดับบน ความจุ 240GB ในราคาประมาณ 3,1xx บาท ที่ให้ทั้งประสิทธิภาพที่ดีในด้านความเร็วเป็นหลัก ตัวเคสที่ประกอบมีงานแน่นหนามาก ตัวเคสที่ประกอบมีความหนาเพียง 7mm เท่านั้น ทำให้ประกอบใส่เข้ากับ notebook ขนาดเล็กได้

ความเร็วที่ให้ไว้ใน datasheet คือ Interface SATA III 6Gb/s ให้ความเร็วในการอ่าน 550 MB/s และ เขียน 520 MB/s

2015-08-08 15.10.43

2015-08-19 22.17.54 2015-08-19 22.18.06

2015-08-19 22.18.12 2015-08-19 22.18.30

โดยการทดสอบ ผมนำเอา SSD รุ่นดังกล่าวมาติดตั้ง OS แล้ววัดความเร็วด้วย AS SSD Benchmark ให้ชมกัน

as-ssd-bench Apacer AST680S 2 19.8.2558 22-06-17 as-ssd-bench Apacer AST680S 2 19.8.2558 22-06-09

as-copy-bench Apacer AST680S 2 19.8.2558 22-11-27

จะเห็นในด้านความเร็วทั้ง MB/s และ IOPS ทำออกมาได้ค่อนข้างดี ใกล้เคียงกับ datasheet

as-compr-bench Apacer AST680S 2 19.8.2558 22-05-32

มาดูที่การทำความเร็วว่าทำงานได้สม่ำเสมอมากแค่ไหน โดยจากกราฟจะเห็นว่า ความเร็วที่ได้นั้น ค่อนข้างนิ่ง ถือว่าผ่านในการทดสอบความนิ่งในการใช้งาน

Apacer TURBO II AS710 (128GB)

รุ่น Apacer TURBO II AS710 ถือเป็นรุ่นที่ระดับกลาง ที่ให้ความจุ 128GB ในราคาประมาณ 2,6xx บาท ที่ให้ทั้งประสิทธิภาพที่ดีในด้านความเร็วปานกลาง ตัวเคสที่ประกอบที่แน่หนา แต่เบากว่า  Apacer Thunderbird AST680S ซึ่งคาดว่าเพื่อไว้สำหรับพกพา เพราะในรุ่นนี้ สามารถเชื่อมต่อผ่าน USB 3.0 ได้โดยตรง โดยตัวเคสที่ประกอบมีความหนาเพียง 7mm เท่านั้น ทำให้ประกอบใส่เข้ากับ notebook ขนาดเล็กได้

2015-08-08 23.55.14

2015-08-08 18.43.00 2015-08-08 18.43.59

2015-08-08 18.45.29 HDR 2015-08-08 18.45.52 HDR

ในด้านความเร็วนั้น การทำงานทั้งผ่าน SATA และ USB 3.0 นั้น ให้ความเร็วใกล้เคียงกัน โดยความเร็ว USB 3.0 นั้นขึ้นอยู่กับ interface controller ของเครื่องนั้นๆ ด้วยว่าสามารถทำความเร็วได้แค่ไหนด้วย หากเป็น interface controller รุ่นใหม่ๆ จะทำความเร็วได้เสถียรและใกล้เคียงกับ SATA มาก

as-ssd-bench Apacer AS710 128 19.8.2558 22-31-47 as-ssd-bench Apacer AS710 128 19.8.2558 22-32-00

as-copy-bench Apacer AS710 128 19.8.2558 22-37-47

จะเห็นในด้านความเร็วทั้ง MB/s และ IOPS ทำออกมาได้ค่อนข้างดี ใกล้เคียงกับ datasheet

as-compr-bench Apacer AS710 128 19.8.2558 22-33-38

มาดูที่การทำความเร็วว่าทำงานได้สม่ำเสมอมากแค่ไหน โดยจากกราฟจะเห็นว่า ความเร็วที่ได้นั้นค่อยวิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแตกต่างจาก Apacer Thunderbird AST680S รุ่นที่เหนือกว่าตัวนี้ คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของ cache และตัว controller ตัวนี้ที่อาจเกี่ยวกับ interface ที่มี USB 3.0 เป็นส่วนเสริมเข้ามา

สรุป

ความรู้สึกหลังจากใช้งานทั้งสองตัวโดยรวมแล้ว Apacer Thunderbird AST680S (240GB) ให้ตอบสนองการใช้งานที่จำเป็นต้องการประสิทธิภาพที่สูงกว่ามาก สำหรับคนที่ต้องการลงทุนสำหรับการใช้ติดตั้ง OS น่าจะชื่นชอบตัวนี้ อีกทั้งตาม endurance rating ของรุ่นนี้ ที่ระบุไว้ที่ 670 TBW ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการความทนทานสูง และสำหรับ Apacer TURBO II AS710 (128GB) นั้น น่าจะเหมาะกับการนำมาพกพามากกว่า เพราะมีน้ำหนักเบา และถึงแม้ว่าจะมีประสิทธิภาพที่น้อยกว่ารุ่นบนที่นำมาทดสอบคู่กัน แต่ endurance rating ของรุ่นนี้ ที่ระบุไว้ที่ 340 TBW ก็ถือว่าให้ตัวเลขมาได้ค่อนข้างน่าสนใจ และถือว่าสูงเมื่อเทียบกับความจุและราคาที่ได้

หมายเหตุ สำหรับใครสงสัยเรื่อง endurance rating สามารถเข้าไปได้ตาม link ที่ได้ทำไว้ครับ

เปิดใช้ความสามารถ Letter Sealing ในแอพ LINE บน iOS เพื่อเข้ารหัสข้อความจากปลายทางถึงปลายทาง ช่วยป้องกันการดักอ่านข้อมูล

จากข่าว LINE เปิดฟีเจอร์ Letter Sealing เข้ารหัสแบบ End-to-End แล้ว เป็นความพยายามเพิ่มความเป็นส่วนตัวของการคุยกันของลูกค้าจากทาง LINE ซึ่งในขณะนี้สามารถเข้ารหัสข้อความแบบคุยกัน 1 ต่อ 1 หรือแชร์ตำแหน่งระหว่างกันได้แล้ว โดยเป็นการเข้ารหัสข้อความจากปลายทางถึงปลายทาง (End-To-End, E2EE) ช่วยป้องกันการดักอ่านข้อมูล หรือการเปิดอ่านข้อความจากฝั่งผู้ให้บริการเอง โดยข้อความที่คุยกันจะอ่านได้เพียงเครื่องที่ส่ง และเครื่องที่รับข้อความเพียงเท่านั้น

สำหรับคนที่ใช้ iOS ความสามารถนี้ต้องมาเปิดเอง ซึ่งการเปิดใช้งานก็ไม่ได้ยากอะไร

1. ไปที่ Settings ของแอพ LINE

2. ไปที่ Chats & Voice Calls

2015-10-13 16.07.10c 2015-10-13 16.07.05

3. ทำการเปิดการใช้งาน Letter Sealing ผ่านตัวเลือก

โดยจะมีข้อความเตือนว่า ข้อความพรีวิวที่ Notification จะไม่สามารถแสดงผลได้ ซึ่งก็เข้าใจได้ในเชิงความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน

เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว ….

2015-10-13 16.06.50 2015-10-13 16.07.17