เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตอนแรกก็หงุดหงิดแฮะ … จริงๆ หงุดหงิดตั้งแต่สมัยห้ามเอา Notebook เข้าไปแหละ!!!! แต่หลังๆ Notebook ก็ปล่อยผ่านไป (ใครจะบ้าเอางานเข้าไปทำ หรือเอากล้อง webcam ถ่ายหนังฟร่ะ!)
ต่อมาสักปีเกือบๆ 2 ปี นี้ผมถ่ายรูปผมก็เจอเหตุการณ์ห้ามเข้ากล้องเข้าโรงหนังอยู่ครั้งนึง โชคดีที่วันนั้นผมหาที่ฝากที่ปลอดภัยกว่าการฝากกับเจ้าหน้าที่ของโรงหนังได้ เลยรอดตัวไป คืออย่างน้อยๆ ก็ไว้ใจได้กว่าเจ้าหน้าที่แน่นอน
หลังๆ ถ้าไปดูหนัง ผมจะไม่เอากล้องไปเลย ไม่อยากนั่งเครียดในโรงหนัง กังวลว่าออกมาจะเป็นยังไง เค้าจะขนย้ายเป็นไหม ตกแตกจะว่าไง แล้วถ้าหายหล่ะใครจะรับผิดชอบ ทำให้ผมเข้าโรงหนังน้อยลงพอสมควรเลย
คือผมไม่ค่อยชอบมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับเจ้าหน้าที่ของโรงหนัง เท่าไหร่เพราะรู้ว่าเจ้าหน้าที่ก็มีหน้าที่ของเขา และก็ไม่ใช่หน้าที่อะไรของเขาที่จะต้องรู้ว่าอุปกรณ์ลักษณะแบบนี้รุ่นนี้ มันถ่ายวีดีโอได้หรือไม่ได้ เค้าคิดแค่ว่ามันคือกล้อง ห้ามเข้า ก็จบๆ ไป คือผมพยายามเข้าใจเค้านะว่าบางคนแค่เอาตัวรอดให้พ้นเดือนก็ยากลำบากแล้วหล่ะ
อาจจะเพราะผมเคยทำงานด้านบริการคล้ายๆ แนวๆ นี้มาก่อนบ้าง แม้จะไม่คล้ายกัน แต่ก็หาเงินเองอยู่ตอนเรียน เลยพอทำให้เข้าใจว่าทุกครั้งที่เรามีเรื่อง ตัวเราเองก็จะสร้างปัญหา สร้างความเหนื่อยใจหนักใจให้กับเจ้าหน้าที่เค้าเช่นกัน
ผมเข้าใจว่าเราก็รักกล้องของเรา รักของของเรา กล้องเราหายของเราจะทำยังไง?
และแน่นอนเค้าก็รักหน้าที่การงานของเขา ถ้าเจ้าหน้าที่ปล่อยผ่านไป แล้วเขาโดนไล่ออกคุณจะทำยังไง?
สรุปพบกันครึ่งทางอันไหนที่มันเป็นข้อห้าม ต้องฝากไว้ เราไม่เอาไปก็จบ ถ้าเราเอาไป ก็ต้องรับความเสี่ยงกันเอง เพราะถือว่าก็รู้ๆ กันอยู่ (แต่บางที่ไม่มีป้ายบอกแฮะ …)
มีหนังหลายเรื่องที่ผมไม่มีเวลาไปดู และเวลาที่ว่างกลับมีกล้องติดต่อไปซะชิบ … ผมก็รอแผ่นเอาง่ายดี ^^
ผมยังหลอนกับข้อความในบัตรรับฝากของตามห้างต่างๆ อยู่ครับ
หากสูญหายทางห้างจะไม่รับผิดชอบ
เห็นแล้วเซงสุดๆ
เหมือนผมจะเคยอ่านเจอนะครับว่า
ถ้าเราเอาเรื่องจริงๆ ทางห้างก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี
เอาใส่ไว้ในรถเราก่อนก็ไม่เลวนะครับ