สิ่งที่ตาเห็น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่สมองและหัวใจเรารับรู้
กล้องก็เช่นกัน สิ่งที่กล้องบันทึกอาจจะไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า ค่าสี bit/byte และข้อมูลจำนวนหนึ่ง
เพราะกล้องไม่มีจิตวิญญาณ ไม่มีจิตใจ มันทำหน้าที่แค่บันทึกภาพ ตามที่คนบันทึกภาพสั่งมันเท่านั้น
กล้องมันไม่ได้ใส่ความรู้สึกลงไปในภาพ แต่คนต่างหากที่จะใส่มันลงไป
แต่ก็คนอีกนั้นแหละ ที่มองภาพเหล่านั้นแตกต่างกัน
ความรู้สึกในภาพแตกต่างกันไปตามแต่ประสบการณ์การรับรู้ของคนคนนั้นที่มีต่อโลกใบนี้
สิ่งที่ตาเห็น แม้คงที่ แต่การเห็นของคนเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เช่นเดียวกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องปรับเปลี่ยนค่าต่างๆ อยู่ตลอดเวลา
แต่ ณ. ชั่วขณะแห่งเวลาบันทึกภาพ ความรู้สึกของผู้บันทึกภาพที่ถ่ายทอดลงไปในภาพจะอยู่ชั่วนิรันดร์
แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เห็น ความรู้สึกของผู้บันทึกภาพแม้คงที่อยู่ชั่วนิรันดร์
แต่การรับรู้ภาพนั้นๆ ของคนอื่นๆ ก็ยังคงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเป็นนิรันดร์เช่นกัน
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เห็น ที่รับรู้ ไม่เคยคงที่ ไม่เคยแน่นอน ไม่ว่าจะในตาคู่เดิม กล้องตัวเดิม คนคนเดิม สภาวะแวดล้อมเดิมๆ หรือ ในตาคู่ใหม่ คนคนใหม่ กล้องตัวใหม่ สภาวะแวดล้อมใหม่ก็ตามที
สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่อยู่ชั่วนิรันดร์ได้อย่างแท้จริงหรอก ทำใจและยอมรับมันซะ …
ความรู้สึกของผู้บันทึกภาพแม้คงที่อยู่ชั่วนิรันดร์ — ข้อความนี้เป็นเท็จครับ ถามตัวเองดูความรู็สึกเราเปลี่ยนครับมากน้อยต่างกัน
ปล.สิ่งนิรันดร์คืออนิจัง (คือมันไม่แน่)ไม่ได้อิงศาสนาแต่อิงสิ่งที่เห็นเคยเห็นเคยเป็น
ความรู้สึกตอนบันทึกภาพเป็นสิ่งที่เรารู้สึก ภาพที่ถูกบันทึกจะถูกหยุดอยู่ตรงนั้นตลอดไป ทุกสองอย่างนั้นผู้บันทึกภาพรู้ดีครับ ว่ามันไม่ได้หายไปไหน ;)
มีนินทามีสรรญเสริญ มีทุกข์มีสุข มีเกลียดมีรัก มีมืดมีสว่าง มีบุญมีบาป มีความตายมีชีวิต มีอธรรมมีธรรมมะ มีดับสูญก็ยังมีถามวรนิรันดร์
สิ่งที่มองเห็นเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ แต่สิ่งที่เที่ยงแท้คือสิ่งที่มองไม่เห็น เจริญพร