จะเอามาลงทั้งหลายทีแล้ว วันนี้ว่าง ๆ เลยเอามาลงซะเลย …….. จากกระทู้ ใน Pantip.com กล่าวไว้ได้น่าสนใจทีเีดยวหล่ะครับ
ปัจจัยที่มีผลต่อราคา Notebook ** ไม่ใช่แค่ spec **
ขอเสนอข้อมูลให้คนที่กำลังมองๆหา Notebook เพื่อใช้งานได้ดูประกอบการตัดสินใจครับ
จริงๆแล้วเห็นมีหลายกระทู้มากๆๆที่โพสถามว่าจะซื้อรุ่นนี้ดีมั้ย รุ่นไหนดีกว่า อะไรแบบนี้เยอะมาก ถ้าอยากได้คำตอบที่ตรงจริงๆคงต้องบอกความต้องการใช้งานประกอบด้วยละครับ ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร ต้องการความสะดวกในการขนย้ายมั้ย, ต้องใช้งานข้องนอกโดยไม่มีปลั๊กเสียบบ่อยๆ, ใช้เล่นเกมส์เป็นหลัก, ใช้เก็บรูปเก็บเพลง, หรือต้องดูดีอวดชาวบ้านได้(สารภาพมานะ!) เพราะจริงๆแล้วเกณฑ์การตัดสินใจนี่คือ เปรียบเทียบ “สิ่งที่ Notebook ทำได้” มันเหมาะสมกับ “วัตถุประสงค์การใช้งาน” ต่างหากล่ะครับ
แต่อย่างแรกที่ต้องจำไว้เลยก็คือ ** ไม่มี Notebook ที่ดีที่สุด หรือว่าเลิศสมบูรณ์ทำได้ทุกอย่างครับ ** ยืนยันอีกที – No Best or Perfect Notebook ในโลก!! โดยเฉพาะถ้าจำกัดงบประมาณมายิ่งเป็นไปไม่ได้เลย แบบที่จะเอา Notebook จอปิ๊งๆ เล่นเกมส์ลื่นๆ แบตอึดๆ บริการดีๆ ทนทาน ประกันนาน แถมต้องเบาๆพกพาง่าย แต่ให้งบมา 40,000 !! จะหาจากไหนล่ะครับ…
ปัจจัยหลักๆที่จะมีผลต่อราคา จริงๆแล้วไม่ใช่ Spec นะครับ โดยเฉพาะความเร็ว CPU จะยิ่งมีผลน้อยมากๆ, Technology ของ Platform หรือ VGA อาจมีผลนิดหน่อย แต่ไม่เยอะขนาดปัจจัยที่จะพูดถึงต่อไปนี้
1. น้ำหนัก: ถ้าอยากได้ Notebook เบาๆพกพาง่ายคงต้องลงทุนหน่อยละครับ ยิ่งเล็กยิ่งเบาก็ยิ่งแพง แถมส่วนใหญ่พวกตัวเล็กนี่จะทำด้วยวัสดุชั้นดีทนทานเพื่อให้เหมาะสมกับ การใช้งานที่เน้นเอาไปไหนต่อไหนด้วยเลยยิ่งแพงใหญ่ ตัวอย่างชัดๆก็พวก Fujitsu, Sony หรือ X series ของ IBM ที่ต้องมี 70,000-80,000 เป็นอย่างน้อยละครับ
2. วัสดุ/ความทนทาน: ดูได้เลยครับ พวก Notebook ไต้หวัน spec สูงๆที่ทุบราคาลงมาได้ก็เพราะประหยัดโดยการใช้วัสดุเกรดธรรมดาๆทั้งนั้น ซึ่งอาจจะมีผลเรื่องความทนทานอย่างละ อีกอันที่เห็นชัดๆก็ความหรูหรานี่แหละ =)
3. การออกแบบ Ergonomic: เคยรู้สึกกันมั้ยครับ ว่า Notebook แพงๆมันมักจะ”เข้ามือ”มากกว่าพวกพื้นๆ โดยจะรู้สึกว่าพิมพ์ถนัดมือกว่า ปุ่มก็อยู่ตำแหน่งที่ถนัดไม่ขัดมือ อันนี้ก็มาจากเรื่องการออกแบบที่คำนึงถึง Ergonomic ให้สะดวกสบายในการใช้งานนี่แหละครับ และแน่นอนว่าเป็นต้นทุนที่ต้องบวกเข้าไปด้วย
4. ประกัน/บริการ: ต้นทุนของการประกันและบริการนี่ไม่ใช่ถูกๆนะครับ ซึ่งทำให้เห็นความแตกต่างของแต่ละยี่ห้อได้เลยเชียวแหละ ประกัน 1 ปีกับ 3 ปีนี่ผิดกันเกือบหมื่นนา
5. ยี่ห้อ: คงจะเถียงไม่ได้นะครับว่าชื่อเสียงของแต่ละยี่ห้อที่สร้างสมมานี่ก็เอามาบวกในราคาทั้งนั้น ส่วนที่คนใช้จะได้รับตรงนี้ก็คงจะเป็นการบ่งบอกฐานะของเจ้าของ และ credit เวลาไป present (มั้ง!)
6. Software: อย่าลืมเชียวนะครับว่า Software แต่ละตัวที่อยู่ใน Notebook ก็มีราคาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น OS (Windows XP Pro กับ XP Home หรือกับ DOS ราคาห่างกันอย่างละหลายพัน), หรือจะเป็น Software อำนวยความสะดวกต่างๆในเครื่อง เช่น Connection Manager, Multimedia Manager หรือ Rescue & Backup พวกนี้เป็นเงินที่เค้ามาเก็บกับเราทั้งนั้น คนไทยมักจะชอบลืมของพวกนี้เพราะแผ่นผีพันธุ์ทิพย์นี่ละ =/
ถ้าเราไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ ก็สามารถเลือก Notebook ยี่ห้อหรูๆดูดีมีทุกอย่างพร้อม พกพาสะดวก ไม่ต้องกังวลกับการจัดการในเครื่อง จะได้ใช้งานได้อย่างเต็มที่, แต่ทีนี้ ถ้าเรามีงบจำกัด ก็ยังมีทางเลือกที่จะใช้เครื่อง spec สูงๆเล่นเกมส์ลื่นๆได้ โดย trade off กับการที่อาจจะต้องยอมแบกเครื่องหนักหน่อย, รูปทรงหน้าตาบื้อๆดูไม่หรูแบบของเพื่อน, ต้องเพิ่มความระมัดระวังเวลาขนย้ายอีกนิดถ้าไม่อยากให้ NB จากไปก่อนวัย, ยอมวัดดวงว่า NB จะไม่มีปัญหาหลังจากใช้หมดปีแรก, ลง Software และจัดการเครื่องเองได้ อันนี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไร อยู่ที่ “วัตถุประสงค์การใช้งาน” ของแต่ละคนที่จะเลือกแล้วละครับ
ขอให้มีความสุข ได้ใช้เครื่องถูกใจ Fit to Propose นะครับ ;)
มีคำถามอะครับ
DOS license นี่คืออะไรครับ ต่างกันกับที่เป็น OS windows ยังไงครับ
จริงก็น่าสนใจทีเดียวเลยนะครับสำหรับบทความนี้อ่ะ ผมเคยลองใช้ Netbookของเอเซอร์อ่ะครับ รุ่นAspire-one ผมว่าราคาก็ไม่สูงมากอ่ะครับ อาจจะเล็กไปหน่อย แต่ผมก็ไม่ได้ใช้งานหนักมาก ไว้สำหรับเล่นเนทซะส่วนใหญ่ จริงๆแล้วมันมีข้อมูลที่นี่ด้วยอ่ะครับ http://www2.acer.co.th/backend/backoffice/webcms/website/Final_10April2009/index.html ถ้าเพื่อนๆมีข้อมูลมาแชร์กัน ก็แนะนำได้นะครับ