เหตุผลที่ซื้อ Microsoft Office 2007

ไม่ใช่มาโฆษณาอะไรหรอกนะครับ แต่ต่อจากตอนที่แล้ว ว่าด้วยการซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์อย่าง Microsoft Office 2007 เป็นเหตุผลที่มานั่งคิดกับตัวเองว่าจะเสียเงินซื้อแพง ๆ ทำไมเมื่อมี OpenSource อย่าง OpenOffice.org ทำไมไม่ใช้ก็เลยเอามานำเสนอกันครับ

  • ตัว UI ตัวใหม่ใน Office 2007 ที่ชื่อ Ribbon
    • ตัวนี้สร้างความแตกต่างให้กับ Office ทุกรุ่นตั้งแต่ 97 – 2003 ทำให้การตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นกว่าเดิมครับ เพราะทำให้ต้องศึกษาใหม่ และดูน่าคุ้มค่าในการเปลี่ยนแปลงมาก ๆ รวมถึงการลงทุนที่จะซื้อมาใช้
    • ด้วยลักษณะของ icon ต่าง ๆ ที่เข้าใจง่าย (แต่ต้องเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงด้วย) การเข้าถึงการใช้งานต่าง ๆ ที่ง่าย ถ้าใช้กันจริง ๆ ผมก็ว่าง่ายนะ ด้วยความที่ความสามารถของ Office มันเยอะมาก ๆ ใช้ Menu-bar แบบปกติคงไม่สามารถทำให้ความสามารถนั้นออกมาได้ครบเครื่องมากขึ้น
  • ผมใช้ Outlook บ่อยมากประมาณว่าใช้เป็นประจำทุกชั่วโมงในทุก ๆ วัน ตั้งแต่ตอนอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว
    • รับ/ส่งอีเมลหลาย Account (มีอยู่ 4 Account ในตอนนี้) แถมแยกและรวม Storage file ได้
    • ใช้รับ Calendar ทางอีเมล แล้วทำ Task จากอีเมลในตัว
    • ทำ Journal ตอน Meeting
    • แถม Note ใน Outlook แทนใช้ Sticky
    • รับ iCal ใน Calendar แล้วมาทำ Overlay กับ Calendar หลักของเรา (มันใช้ Feed ได้ด้วย แต่ผมแยกไปใช้ FeedDemon แทนเพราะมีความสามารถที่ดีกว่า)
    • ใช้ Google Calendar Sync เพื่อ Sync ตัว Calendar กับ Google Calendar
    • ตัว Outlook มี 3rd party software เยอะในการช่วยจัดการข้อมูล ซึ่งผมใช้ Windows Mobile เลยสามารถ Sync กับตัวมือถือได้เป็นปกติเช่น Contact, Calendar, Task และ Note ทำให้ผมมี Backup ตัวข้อมูลพวกนี้จาก PDA Phone ของผม แต่โดยความจริงอีกอย่างแล้วคือ Sony Ericsson ตัวเก่าผม W700i และ T61 ก็ใช้แบบเดียวกับแต่ Sync ได้แค่ Contact, Calendar และ Note ซึ่งก็ Sync ได้เช่นกัน แต่ทำผ่าน Software Suite ของ Sony Ericsson นั้นเอง
  • ผมติดใจ Word, Excel และ PowerPoint ในรุ่นใหม่ใน 2007 เรื่องการทำงานด้าน Graphic ของตัวเอกสารที่ดูดีกว่าเดิมมากเลย ใช้มันหมดทุกตัวเลยตอนนี้ยิ่งพวกจัดการด้านรูป การทำ effect ต่าง ๆ นี่ดูดีกว่าเดิมมากครับผมเลยคิดว่าคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อในตอนนี้ซะเลย
  • ตัว PowerPoint ทำได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะ Presentation mode ที่เข้าถึงง่ายกว่าเดิม ทำให้ผู้ใช้ที่ใช้ Present ในรุ่นเก่า ๆ ได้รู้ว่ามี Presenation mode (คล้าย ๆ กับตัว Presentation mode ของ Keynote อันนี้ต้องขอบคุณ ribbon ที่ทำให้ความสามารถนี้โผล่มาให้เห็นกันแบบง่าย ๆ เพราะมันมีมาตั้งแต่ Office PowerPoint XP แล้วมั้ง ถ้าจำไม่ผิด) ทำให้จัดการ slide ได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ว่า Transition สวย ๆ แบบ Keynote จะยังไม่มีแต่ก็มี 3rg party อย่าง PowerPlug For Power Point ของ  CrystalGraphics ที่ต้องซื้อเพิ่ม แต่โดยภาพรวมแล้วก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่ แค่ effect ปกติก็ใช้งานได้ดีอยู่แล้ว
  • การค้นหาด้วย Desktop Search นี่โดยตัว OpenOffice และ Microsoft Office นี่ตัว Microsoft Office นี่กินขาดเลยครับ เพราะทุกค่ายที่ทำ Desktop Search รองรับหมดครับ ทั้งตัวไฟล์รุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ส่วน OpenOffice นี่มี Google Desktop Search แต่ก็รองรับแบบไม่ค่อยดีนักครับ ไม่ประทับใจเท่าไหร่ และอีกตัวคือ Copernic Desktop Search ครับที่รองรับได้ดีมาก ๆ ซึ่งตัว Copernic Desktop Search นี่ผมก็ซื้อรุ่น Professional มาใช้งานในราคา 1,700 บาทเช่นกัน เพราะมันทำงานได้ดีกว่ามาก ๆ กินทรัพยากรต่ำครับ แถมรองรับการค้นหาได้ดีมาก ๆ รวมไปถึง OpenOffice ไฟลืที่ค้นหาได้ดีทั้งไฟล์แบบเก่าของ sun และไฟล์แบบใหม่อย่าง ODF ครับ
  • ระบบ Template Online ตัวใหม่ทำให้ผมหา Template สวย ๆ ใหม่ ๆ ได้ผ่านตัวโปรแกรมครับ โดยความสามารถนี้มีมาตั้งแต่ XP แล้ว แต่ว่ามาใน 2007 ต้อง Validate ตัว Office ผ่านด้วยถึงจะใช้ความสามารถนี้ได้ครับ
  • โดยส่วนตัวผมแล้วใช้ OpenOffice มาตั้งแต่อยู่ในชื่อ TLE และ Pladao Office ครับ แต่ว่าเมื่อ Office 2007 ออกมาผมก็ใช้น้อยลง ด้วยเหตุผลที่ว่าระบบการตรวจสอบคำผิดในภาษาไทยใน OpenOffice รุ่นหลัง ๆ ใน 2.3 นั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ ซึ่งผมก็แจ้งเข้าไปแล้วเช่นกัน และจากที่ได้ใช้ OpenOffice ตัวล่าสุดอย่าง 3.0 beta 1 ก็ ok นะ ยังไม่เจอปัญหาดังกล่าวนี้เลย ซึ่งโดยรวมก็ถือว่า ok นะครับ แต่ด้าน effect และ graphic คงต้องมีการปรับเปลี่ยนกันเพราะว่าตอนนี้ความแตกต่างของ OpenOffice 3.0 กับ Microsoft Office 2007 มีความแตกต่างกันเยอะแล้วครับ โดยเฉพาะตัว UI ที่ยังไมได้ปรับเปลี่ยนให้เข้าถึงความสามารถที่เยอะแยะมากมายได้อย่าง ribbon ซึ่งมันไม่เหมือนตอน OpenOffice 2.3 กับ Microsoft Office XP-2003 ที่กินกันไม่ลงและทดแทนกันได้ โดยตัวผมเนี่ยช่วงเรียนที่มหาวิทยาลัยตอนปี 2-4 นี่ใช้ OpenOffice Writer กับ Calc เป็นประจำในการทำรายงานครับ เพราะใช้งานทดแทนได้ทั้งหมดเลย ส่วน Impress สำหรับผมใช้คงทดแทน PowerPoint ไม่ได้เลยยังใช้ PowerPoint กันต่อไป
  • และเหตุผลสุดท้ายคือรับไฟล์ต่าง ๆ จากหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ มาถ้าเมื่อก่อนแล้วเนี่ย ผมใช้ Word/Excel/PowerPoint Viewer มาใช้แสดงผล และใช้ OpenOffice เปิดเอา (ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย) แต่มาตอนหลัง ๆ เนี่ยต้องมีการปรับแก้ผมเลยโดยบังคับกลาย ๆ ว่าต้องใช้ไปนั้นเอง เมื่อเราจำเป็นต้องใช้ในการทำธุรกิจ เราก็ต้องจำเป็นต้องซื้อ ผมมองว่าไม่มีข้อยกเว้น ผมได้แนวคิดเรื่องนี้มาจากตอนที่ไปเที่ยว ไปนั่งคิด ๆ ว่าชาวนาเค้าต้องใช้รถไถนา เค้ายังต้องซื้อมาใช้ มันจะคันละกี่หมื่นกี่แสน เค้าก็ต้องซื้อถ้ามันทำให้งานมันเสร็จเร็วขึ้น เค้าคงไม่สามารถไปขโมยมาได้หรอก มันเป็นเรื่องของเครื่องมือทำมาหากิน ยิ่งเครื่องมือในส่วนของอาชีพ IT นี่ผมว่าถ้าเทียบกับชาวนาแล้วผมว่ามันยังถูกกว่าเยอะ เค้าไม่ได้ลงทุนแค่เครื่องมือที่ผมบอกไป เค้ายังต้องไปลงทุนตัวอื่น ๆ อีก ซึ่งจะให้เค้าไปขโมยมาแล้วจ่ายทีหลังคงไม่ได้ แต่อาชีพอย่างเรา ๆ ชาว IT มันเอามาใช้ก่อนได้ ถูกใจ หรือพร้อมก็จ่ายเงิน แถมนั่งทำงานก็นั่งทำงานในห้องแอร์เย็น ๆ ไม่ต้องไปตาแดดตากลมอีก ผมว่าโคตรสบายเลย แล้วทำไมเราจะจ่ายคืนไม่ได้หล่ะครับ ไม่ต้องมาบอกผมนะว่าเสียดุลการค้า รถไถ รถยนต์ขนส่ง มันก็ของนำเข้า หรือไม่ก็ต้องมีลิขสิทธิ์มาประกอบแล้วจำหน่ายทั้งนั้นครับ ยังไงก็เสียดุลการค้าอยู่แล้วครับ

ส่วนใครที่ไม่ได้ใช้แบบเป็นชุด ๆ ก็ซื้อแยกก็ได้ครับ เช่นใช้ Word อย่างเดียว ก็มีขายแยก เป็นตัวโปรแกรมไปเลยครับ แต่ราคาเมื่อเอามารวมเป็นชุดแล้วก็จะดูแพงกว่าครับ (เรื่องปกติในการทำตลาดด้านราคาครับ) อย่างที่เห็นขายแยกอยู่ตอนนี้คือ Microsoft Outlook 2007 ครับ ราคาประมาณ 3,900 บาทได้มั้ง ถ้าจำราคาไม่ผิด ซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่อยากได้พวกชุดที่มี Word, Excel และ PowerPoint ที่อาจจะใช้ OpenOffice เอาได้ อะไรแบบนั้น สำหรับราคาลองไปดูที่ Microsoft Office ที่เว็บ http://www.selectmore.com ดูครับ

สุดท้ายแล้ว ตราบใดที่เรายังคิดจะใช้ซอฟต์แวร์ของนอก และไม่อุดหนุนคนไทยด้วยกันเอง โดยการที่เราไม่คิดกลับมามองพวกเดียวกัน คิดว่าของนอกดีกว่า ยังไงผลงานคนไทยด้วยกันเองก็ไม่เกิดหรอก เพราะเราไม่สร้างให้เกิดมูลค่าของซอฟต์แวร์ของพวกเดียวกัน ไม่ช่วยกันเอง และถ้ารู้อยู่แล้วว่าของนอกแพง ของไทยถูก เราก็ซื้อของคนไทยก่อนเป็นอันดับแรกซิครับ สร้างให้วงจรการพัฒนามันขับเคลื่อน อันไหนไม่ดี อันไหนยังไม่มี ก็นำเสนอ บอก ๆ กัน น่าจะช่วยให้การพัฒนาตัวเองในระยะยาวดีกว่า และมากขึ้นเรื่อย ๆ ซอฟต์แวร์บางตัว ตัวราคาก็ไม่กี่ร้อยบาท ยังไม่ค่อยจะซื้อกันเลย ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเหมือนกัน อย่างโปรแกรม Dictionary นี่ตัวอย่างที่ดีเลย ตัวไม่ถึง 500 บาทยังไม่เอากันเลยครับ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมรู้สึกเซงทุกครั้งที่มีคนมาขอผม copy ทั้ง ๆ ที่มีขายตามร้านหนังสือตามห้างอยู่แล้ว ซึ่ง entry เก่า ๆ ใน blog ของผมก็เคยนำเสนอไปแล้วในชื่อ "แสบๆ คันๆ !!! Bill Gates เยาะเย้ย Software เถื่อนเมืองไทย กระทบคนไทย โปรแกรมเมอร์ไทยและบริษัทไทยมากกว่า MS" ซึ่งผมได้เข้ามาอยู่ในวงการนี้มาพอสมควรผมก็มองเห็นว่าเป็นความจริงครับ เรื่องพวกนี้ได้เอาไปพูดคุยกันในงาน Barcamp Bangkok 2 ร่วมครับพี่ @9aum ไปแล้วครับ Slide ภาษาไทยก็ที่นี่ครับ Copyrighted Software And A Life Of Freelancer Thai ส่วน VDO ก็ไปดูที่ More Videos from Duocore Team ที่ตัว VDO ที่ชื่อ BarCampBangkok2 – Freeware and Freelances แต่เสียดายที่เวลาน้อยไปหน่อยเลยไม่ได้รายละเอียดลึก ๆ หลายส่วนครับ แต่ผมมองว่าเป็นตัวจุดประกายให้กับใครหลาย ๆ คนในครั้งนั้นได้ครับ

ทั้งหมดนี่เป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่ผมซื้อซอฟต์แวร์ Microsoft Office 2007 ในครั้งนี้ แต่ในความเป็นจริงอีกอย่างแล้วนั้น เดี่ยวนี้ผมก็ซื้อแผ่น DVD ภาพยนต์และแผ่นเพลงลิขสิทธิ์แท้แทบจะตลอดอยู่แล้วเป็นปกติ จากเมื่อก่อนที่โหลดเอาจากเว็บ BitTorrent แต่มาตอนหลัง ๆ สักช่วงที่ผมทำงานมีรายได้เป็นของตัวเองแล้วก็ซื้อประจำครับ

ผมยอมรับแหละครับว่า BitTorrent ผมก็โหลด แต่เดี่ยวนี้ลดน้อยลงมาก ปกติโหลดแต่ MV หรือพวกรายการ TV พวกวสารดคีมากกว่า แต่อันไหนที่มันเป็นเครื่องมือทำมาหากิน อันไหนเป็นการสนับสนุนคนไทยด้วยกันเอง ผมก็ทำ ผมว่าเราทำเท่าที่ตัวเองทำได้ และคิดว่าดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยลองคิดเล่น ๆ ครับว่า Microsoft Office 2007 ที่ผมซื้อในราคา 7,700 เนี่ยผมเก็บเงินกว่า 5 เดือน ก็คือเก็บเงินวันละ 52 บาทโดยประมาณ หรือเดือนละ 1,600 บาทนั้นแหละครับ ถ้ารับงาน Freelances ผมมองว่าต้องคิดต้นทุนตัวซอฟต์แวร์ลงไปในราคางานด้วย 10 – 20% ครับ เพื่อนำไปใช้ตอนมีการ upgrade และซื้อตัวซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ ในอนาคตครับ (เอาแนวคิดนี้ไปคิดในเชิงการทำงานอื่น ๆ น่าจะทำให้มูลค่าของเนื้องานเราดีมากขึ้นครับ)

เราคงต้องเริ่มแนวคิดแบบนี้กันเยอะ ๆ ครับ ผมว่าช่วย ๆ กันน่าจะเป็นการดีครับ

update – ทางคุณ @mk จาก blognone ขอให้ผมนำ entry นี้ไปใส่ที่ blognone ด้วยครับที่ http://www.blognone.com/node/8947

10 thoughts on “เหตุผลที่ซื้อ Microsoft Office 2007”

  1. ใช่ครับ ต้องคิดเงินค่าซอฟต์แวร์ลงไปในค่าจ้างด้วย
    ให้ทุกคนช่วยกันจ่ายให้กับคนพัฒนา

  2. ฝากเอาไปโพสต์ต่อด้วยครับ คราวนี้โพสต์เป็น blog เน้อ

  3. กำลังจะซื้อพอดีเลย บริษัทเค้าห้ามใช้ครับ เค้าให้ใช้เฉพาะ OpenOffice เหอ เหอ

    ตามไปอ่านที่ Blognonoe ต่อแล้ว ก็ยังสงสัยครับว่า การซื้อแบบ OEI ที่ว่าเนี่ยะ ถึือว่าผิดกฎด้วยไม๊ เพราะเค้าให้ใช้เฉพาะเครื่องมาจากโรงงานเท่านั้น มีคนบอกว่าต้อง Fullpack ประการเดียว…ซึ่งแพงชะมัดเลย

  4. BoeMarket – ต้องดูว่าเราเอาไปลงเครื่องในลักษณะไหนน่ะครับ เช่นเครื่องใหม่แกะกล่อง, เครื่องที่มี License อื่นอยู่แล้ว หรือต้องการติดตั้งใหม่แต่เครื่องเก่ามากแล้ว อะไรแบบนั้นครับ

  5. ตามอ่านมาจาก blognone ครับ / อ่านแล้วมีคำถามเล็กน้อยนะครับ ปัจจุบันเครื่องผมใช้ office xp เถื่อนอยู่อ่ะคับ ผมเช็คข้อมูลในเว็บของ <a href=\

  6. Microsoft แล้วปรากฏว่าในนั้นแนะนำให้ซื้อแบบ Volume Licensing น่ะครับ แบบนี้ผมจะชื่อ MS Office 2007 แบบกล่องมาใช้งานได้? ครับ

Comments are closed.