ลองใช้ Surface 2 และเทียบกับ Surface RT

เป็นการลองใช้ตัวเป็นๆ ตามที่สัญญาไว้จากเดือนก่อนโน้นในตอน หลังจาก Microsoft Surface 2 แล้วไงต่อ? โดยแน่นอนว่าในตอนนี้จะมาเจาะลึกตัว Surface 2 กันในเชิงฮาร์ดแวร์ต่างๆ เป็นหลัก เพราะในส่วนของซอฟต์แวร์คงพูดท้ายๆ เนื่องจากการใช้งานจริงๆ ไม่ได้แตกต่างจาก Surface RT มากนัก เพราะเป็น Windows RT 8.1 update เหมือนกันทั้งหมด โดยผมได้อัพเกรดเป็น Windows RT 8.1 update ตัวล่าสุดแล้วทั้ง Surface RT และ Surface 2 และใช้ Microsoft Account พร้อมปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้พอคล้ายๆ กันตามแต่จะทำได้

ซึ่งในตอนนี้จะมีการเล่าถึงประสบการณ์ในการใช้งานคีย์บอร์ดทั้ง Type Cover 2, Touch Cover และ Touch Cover 2 ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นตัวที่เหมาะสมต่อการใช้งานร่วมกับ Surface ได้ แต่เสียดายผมไม่มี Type Cover ตัวแรกมาเทียบกับ Type Cover 2

2

วัสดุในการทำตัวเครื่อง Surface 2 ยังคงใช้ VaporMg magnesium alloy เช่นเดิม สัมผัสในการใช้งานยังแน่น และงานประกอบดีมาก แต่ถ้าใครใช้งานขณะชาร์จไฟ และไม่ได้ต่อสายดินระหว่างใช้งานอาจจะเกิดอาการไฟดูดได้

CPU และ VGA แรงขึ้นกว่าเดิม โดยอัพเกรดเป็น NVIDIA Tegra 4 (T40) 1.7 GHz Quad Core จากตัวเก่า Surfact RT ที่เป็น NVIDIA Tegra 3 แน่นอนว่าแรงขึ้นแต่ความร้อนก็ยังตามมาหลอกหลอนอยู่เช่นเดิม คิดว่าตรงนี้ควรทำใจ แต่น่าเสียดายที่ควรเพิ่ม RAM มาให้อีกสักหน่อยก็ยังดี เพราะที่ให้มาอยู่นี้คือ 2GB เท่ากับ Surface RT ซึ่งไหนๆ ก็จะอัพเกรดแล้ว น่าจะใส่มาสัก 4GB เพราะพอใช้งานแอพแบบ Snap เปิดหลายๆ แอพพร้อมๆ กัน มีอาการช้าๆ หน่วงๆ อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผมใช้ Snap หน้าจอบ่อยมากจนติด และผมค่อนข้างชอบความสามารถนี้มาก และไม่มีแท็บเล็ตแพลตฟอร์มอื่นที่มีความสามารถนี้

1

ในส่วนของหน้าจอนั้นมีความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น Full HD 1080p (16:9 aspect ratio) ที่จอภาพละเอียดกว่าตัวเก่าเท่าตัว คงเพราะ NVIDIA Tegra 4 นั้นแรงขึ้นพอที่จะแสดงผล Full HD ได้อย่างราบรื่นแล้ว ซึ่งในตัวเก่า Surfact RT เป็น HD 720p แน่นอนว่าจอภาพละเอียดขึ้นย่อมดีกว่าในเรื่องความเม็ด pixel ที่อัดแน่นมากขึ้น ทำให้การแสดงผลของภาพนั้นเนียน และไล่สีต่อเนื่องได้ดี ตรงนี้ถือว่าทำได้ดี จอภาพ ClearType Display ยังสมราคาคุยอยู่ สีดำก็ดำสนิทจริงจังดีจริงๆ

ด้วยหน้าจอที่มี aspect ratio ที่ 16:9 ทำให้การใช้งาน Surface นั้นควรใช้ในแนวนอนจะมีความเหมาะสมกว่าแนวตั้งแบบแท็บแล็ตทั่วไป เพราะจะได้สัดส่วนที่คุ้นเคยกว่า และถ้าใช้แนวตั้ง การใช้งานจะยากลำบากกว่า เพราะหน้าจอจะยาวเกินไป

รองรับการส่งภาพแบบไร้สายที่ชื่อ Miracast ซึ่งใน Surface RT ไม่มี เพราะใน Surface RT นั้นทาง Microsoft แจ้งว่า เพราะตัว WiFi ไม่รองรับการส่งภาพแบบไร้สายแม้ NVIDIA Tegra 3 จะรองรับก็ตามที ซึ่งจากที่ทดลองใน Surface 2 ใช้งานแล้ว ก็ถือว่าใช้ได้ดีทีเดียว แต่คงต้องใช้กับ Access Point ที่เสถียรสักหน่อย ไม่งั้นกระตุกแน่ๆ

4

ใน Surface 2 ปรับปรุงการจัดวางสล็อต microSDXC ที่ใน Surface RT นั้นอยู่ใกล้กับ Charging port มาก เวลาสลับการใช้งาน microSDXC หรือใส่-ถอดออกตัว microSDXC นั้นทำได้ลำบาก ได้ถูกแก้แล้วในรุ่นนี้

5

ขาตั้ง kickstand ปรับระดับได้ 2 ระดับ ซึ่งก็ดูดี และตอบโจทย์การใช้มากขึ้น แต่ทำให้คำโฆษณาตอน Surface RT ที่บอกว่าคิดมาอย่างดีดูแย่ไป ตอนเปิดตัวไม่น่าจะใช้ว่าเราคิดมาดีแล้ว สุดท้ายก็ต้องมาปรับแบบนี้ บางครั้งก็ดูเสียดายคำโฆษณาไปเสียหน่อย แม้ kickstand จะใช้งานได้ดีมากบนโต๊ะ แต่ยังคงใช้งานยากบนตักอยู่ดี

6

7

จากใน Surface RT ที่ให้ Full-size USB 2.0 ใน Surfae 2 นั้นปรับปรุงโดยให้ Full-size USB 3.0 ซึ่งดูดีมากขึ้น แต่ส่วนตัวน่าจะใส่ micro USB 3.0 มาก็ได้ แล้วให้หัวแปลงน่าจะตอบโจทย์กว่า จริงๆ ไม่ถือเป็นข้อเสียนะ แต่แค่คิดว่าในอนาคตถ้าต้องการทำให้บางลง Full-size USB จำเป็นต้องถูกแทนที่ด้วย micro USB มากกว่ก

กล้องหน้า-หลังที่ละเอียดมากขึ้น (front-facing camera 3.5 megapixels และ rear-facing camera 5.0 megapixels) รองรับการเร่งความสว่างในที่แสงน้อย แต่แม้ว่าจะละเอียดมากขึ้น ถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ดี แต่แพลตฟอร์มอื่นเค้าก็ทำความละเอียดหนีไปแล้วเช่นกัน จึงเป็นเพียงแค่ไล่ตามเฉยๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก

ปรับปรุงการจัดวางไมโครโฟนใหม่ จาก Surface RT จัดวางไว้ขอบด้านบนทั้งสองตัว แต่ใน Surface 2 ปรับมาไว้ข้างๆ กล้องหน้า-หลังอย่างละ 1 ตัวแทน ในส่วนของลำโพงนั้นเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้มากนัก

สำหรับส่วนของ Micro HDMI port นั้นอาจจะหาสายยากสักหน่อย เพราะในตลาดบ้านเรา การหาสาย Mini DisplayPort ง่ายกว่าและตัวเลือกเยอะกว่า จะซื้อของ Microsoft อาจจะดูแพงไป เพราะสายของ Microsoft เส้นละ 1,490 บาท ส่วนสายตามร้านทั่วไปราคา 300 – 700 บาท เดินๆ หาหน่อยอาจจะซื้อสายแปลงและสายต่อพ่วงอื่นๆ ได้อีกหลายตัวเลย

ในส่วนของการจัดวางพอร์ตอื่นๆ ใน Surface 2 นั้นไม่ได้แตกต่างจาก Surface RT แต่อย่างใด ถ้าใช้ Surface RT มาก่อนและหันมาใช้ Surface 2 จึงไม่ต้องปรับตัวในเรื่องปุ่มที่จัดวางเลย

8

cover port ใน Surface 2 นั้นมีการปรับปรุงในส่วนของหน้าสัมผัสเพิ่มเติม คาดว่าใช้งานร่วมกับ dock เพื่อใช้ชาร์จไฟระหว่างใช้งาน

ในด้านของแบตนั้นทำได้ดีมากขึ้น จาก data sheet ระบุว่าอยู่ได้นานขึ้นกว่าตัวเก่าอีก 3 ชั่วโมงเป็น 10 ชั่วโมง และจากการใช้งานแล้วเพิ่มขึ้นมา 1-2 ชั่วโมงโดยประมาณ ซึ่งช่วยให้ทำงานได้มากขึ้น

14

มาดู Cover ที่ใช้กับ Surface 2 กันบ้าง ที่ผมได้ทดสอบนั้นมีทั้งหมด 3 ตัว คือ Type Cover 2, Touch Cover และ Touch Cover 2 โดยทั้งหมดได้ทดลองใช้เป็นส่วนๆ ไป ในด้านความหนานั้น Type Cover 2 นั้นหนากว่า Touch Cover 2 ประมาณหนึ่ง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ การตอบสนองต่อการพิมพ์ที่ดีกว่า และในรุ่น Touch Cover 2 และ Type Cover 2 มาพร้อมกับ backlit ด้วย

9 10

11 12

แน่นอนว่าสำหรับ Surface ทุกรุ่นนั้น แนะนำว่าควรใช้คู่กับ Cover อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ว่าจะ Type หรือ Touch ก็ได้ เพราะ Surface นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้คู่กับ Cover เหล่านี้อย่างแยกกันไม่ออกเลยทีเดียว ทั้งการช่วยให้การจับถือ ป้องกันหน้าจอ และการใช้งานในด้านการพิมพ์ที่ดีกว่าอย่างมาก แต่แน่นอนว่าน้ำหนักที่มากขึ้นก็ชวนคิดเหมือนกันว่าโอเคไหม โดยถ้าใช้ร่วมกันแล้วมีน้ำหนักเกือบๆ 1 กิโลกรัม เลยทีเดียว (Touch และ Type Cover น้ำหนักประมาณ 200 – 300 กรัม)

13

Type Cover 2 และ Touch Cover 2 นั้นมีการปรับเปลี่ยนด้านการวางปุ่มใหม่ ในส่วนตรง F1-F2 จะกลายเป็นปรับเพิ่ม-ลด ความสว่างของหน้าจอภาพ แทนเพิ่ม-ลดเสียงใน Type Cover และ Touch Cover รุ่นก่อนหน้านี้ การสกรีนตัวอักษรเพิ่มเติมใน Type Cover 2 และ Touch Cover 2  นั้นมี F1-F12 เพิ่มเติมขึ้นมาแบบของ US แล้ว (รุ่นเก่า Type Cover และ Touch Cover ของ US มีมาให้แต่ของไทยไม่มี) ในส่วนของการสกรีนต่างๆ หนาและดูชัดเจนมากขึ้น

การตอบสนองที่ทาง Microsoft โฆษณาว่า Touch Cover 2 นั้นใส่เซ็นเซอร์มาเยอะกว่าตัวก่อนทำให้การตอบสนอง และความไวในการพิมพ์นั้นดีกว่า จากที่ได้ลองพบว่าแตกต่างอยู่บ้าง แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามากมายนัก อาจจะเพราะผมชินกับ Touch Cover ตัวแรกแล้วก็ได้ ที่ผมจะลงนิ้วไปกลางปุ่มบน Cover พอดี ซึ่งคิดว่าเซ็นเซอร์น่าจะมาช่วยตรงการสัมผัสขอบๆ ของปุ่มบน Cover เป็นหลักที่คนที่เพิ่มเริ่มใช้งานจะมีปัญหาเวลาพิมพ์ ซึ่งตอนผมใช้ Touch Cover ตัวแรกผมก็เป็น กว่าจะลงตัวต้องปรับตัวอยู่พอสมควร แต่แน่นอนว่าก็แลกกับราคา Touch Cover 2 และ Type Cover 2 ที่ราคาห่างกันหลักร้อย และแพงกว่า Touch Cover ตัวแรกเกือบเท่าตัว

เทียบระหว่าง Surface 2 ในด้านคุณสมบัติภายในเมื่อเทียบกับ Surface RT ตอนใช้งานจริงแล้วเป็นยังไงบ้าง?

เอาเข้าจริงๆ ใน Surface 2 กลับไม่ใช่การอัพเกรดฮาร์ดแวร์ให้ทันต่อความต้องการในความสามารถบางอย่างที่มาในตัว Windows RT 8.1 update เป็นหลักแบบที่เคยบอกไว้เมื่อตอน หลังจาก Microsoft Surface 2 แล้วไงต่อ? แต่เป็นการอัพเกรดตัวฮาร์ดแวร์เพื่อแก้ไขการออกแบบเดิมบางอย่าง และในบางอย่างก็ปรับปรุงเพื่อให้ทัดเทียมกับคู่แข่งในตลาดทั้งแพลตฟอร์มเดี่ยวกัน และต่างแพลตฟอร์ม เพราะจริงๆ แล้วความสามารถใน Windows RT 8.1 update ที่เพิ่มเติมเข้ามานั้น มุ่งเน้นให้รองรับฮาร์ดแวร์ที่หลากหลายอยู่แล้ว ฉะนั้น ความสามารถใดๆ ที่ใน Surface RT ทำไม่ได้ แต่ใน Surface 2 ทำได้ นั้นเกิดจากข้อจำกัดทางฮาร์ดแวร์ตัวเครื่องเป็นหลัก ซึ่งมีอยู่ไม่กี่อย่าง

การใช้งาน Surface ทั้งสองตัว (Surface RT และ Surface 2) เป็นยังไงบ้างในภาพรวม?

ในความคุ้มค่าในปัจจุบันแล้ว Surface 2 นั้นยังคงมีราคาที่สูงกว่า ซึ่งความเห็นส่วนตัว การซื้อ Surface RT อาจดูคุ้มค่ากว่า หรือขยับไปเล่น Surface Pro ในราคาใกล้ๆ แม้ว่าคุณสมบัติภายในจะเก่ากว่า 1 ปีก็ตาม  แต่ในแง่การรองรับตัวแอพ และซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่หลากหลายกว่ามาก อีกทั้ง Surface RT และ Surface 2 นั้นยังรองรับเพียงแค่ Windows Store app เท่าน้้น โดยการติดตั้งต้องทำผ่าน Windows Store เพียงอย่างเดียว และในขณะนี้แม้แอพต่างๆ จะลง Windows Store เยอะมากแล้ว แต่ว่าแอพต่างๆ ที่พอจะใช้งานเพื่อทำงานได้ทัดเทียมกับแพลตฟอร์มอื่นๆ นั้นยังไม่ใกล้คำว่าการทดแทนได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้อย่างครบถ้วนแบบ Android หรือ iOS ทำได้ในขณะนี้ แน่นอนว่าในเรื่องของแอพทั่วไปนั้นดูเป็นจุดอ่อนสำคัญของ Surface RT และ Surface 2 แต่การใช้งาน Surface นั้นจุดขายที่สำคัญ และส่วนตัวแล้วน่าจะเป็นตัวโปรโมทที่เหมาะสมต่อการซื้อมาใช้คือ ความสามารถในการพกพาแบบแท็บแล็ตที่สามารถนำมาทดแทนโน๊ตบุ๊คโดยตอบสนองงานที่พึ่งพาการใช้งาน Microsoft Office เป็นหลัก และไม่ติด ข้อจำกัดของ Office RT โดยส่วนตัวมองว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าพอสมควร

สุดท้าย การใช้งาน Surface ทุกรุ่นมาพร้อมกับ Windows RT 8.1 update และ Windows 8.1 update การใช้งานบนระบบปฏิบัติการนี้นั้น ถ้าหากผู้ใช้งานไม่คุ้นเคยกับเจสเตอร์ (Gesture) ที่มีอยู่พอสมควร จะทำให้เราใช้งานลำบากมาก แน่นอนว่าเจสเตอร์เหล่านี้เมื่อทำความคุ้นเคยไปสักพัก เราจะเริ่มรู้สึกเป็นธรรมชาติ และเข้าใจได้อย่างชันเจนว่ามันถูกออกแบบมาอย่างดีเพื่อใช้งานบนแท็บแล็ต

หากอ่านแล้วสนใจ และซื้อมาใช้งาน ผมหวังว่าจะสนุกกับการใช้ Surface ครับ …