กูเป็นนักศึกษา ? !!!!

เพลง : กูเป็นนักศึกษา
ศิลปิน: พงษ์สิทธิ์ คำภีร์

ทุกวัน ทุกวัน เห็นเขารีบออกไป แต่งตัวทันสมัย ขับรถซิ่ง

อือฮื้อ อาฮ้า เทวดาฟ้าดิน กุ๊กกิ๊ก ดุ๊กดิ๊ก สะดิ้งมาเต็มคัน

ชาวบ้านยืนมองแล้วอดใจไม่ไหว เอ่ยถามขึ้นทันใดว่าไอ้หนุ่มเอ้ย

มึงเป็นใคร ?

กูเป็นนักศึกษา นักล่าปริญญา ใฝ่ฝันขึ้นไปเป็นใหญ่

แล้วยังไง ?

กูจะรวยน่ะสิว่ะ ความรู้กูแน่นหนากูจะมาเป็นนายมึง

รำพึงรำพันน้อยใจวาสนา ไม่มีการศึกษาอนาคตสั่นไหว

จับกังคนงานยังฝันหวานเกินไป น้อยอกน้อยใจไม่ได้เป็นนักศึกษา

เข้าเทคเข้าบาร์ ดึ๊บดั๊บกันเข้าไป ชาติจะเป็นยังไงไม่ใช่เรื่องนักศึกษา

มึงเป็นใคร ?

กูเป็นนักศึกษานักล่าปริญญา ใฝ่ฝันขึ้นไปเป็นใหญ่

แล้วยังไง ?

กูจะรวยน่ะสิว่ะ ความรู้กูแน่นหนากูจะมาเป็นนายมึง ……..

ชาวบ้านถามว่าคุณจะทิ้งผมไปไหน ยากจนเข็นใจรอให้คุณนำพา

คุณขึ้นสวรรค์ผมไม่เคยคิดอิจฉา ขอเถอะคุณจ๋าอย่าทิ้งผมไปไหน

มึงเป็นใคร ?

กูเป็นนักศึกษานักล่าปริญญา ใฝ่ฝันขึ้นไปเป็นใหญ่

แล้วยังไง ?

กูจะรวยน่ะสิว่ะ ความรู้กูแน่นหนากูจะมาเป็นนายมึง

มึงเป็นใคร ?

กูเป็นนักศึกษานักล่าปริญญา ใฝ่ฝันขึ้นไปเป็นใหญ่

แล้วยังไง ?

กูจะรวยน่ะสิว่ะ ความรู้กูเหนือกว่า กูจะมาเป็นนายมึง

บทเพลงกระแทกใจคนหลาย ๆ คน (รวมถึงผมด้วย) ในวันที่เราเรียนหนังสือ และเข้าศึกษาในระดับต่าง ๆ เราไขว้ขว้าความสำเร็จ เราเหยียบหัวคนที่ มีความรู้น้อยกว่าตัวเองมาเท่าไหร่ คนบางคนที่มีความรู้ไม่มากเท่าเรา แต่เรากลับมองว่าเค้าเหล่านั้นไม่รู้ มองว่าโง่กว่าเรา แต่เราไม่มองว่า "ทำไม" เค้าเหล่านั้นถึงได้เป็นแบบนั้น อาจจะเพราะสภาพแวดล้อม ทั้งด้านการเลี้ยงดู และทางด้านการเงินในตอนเริ่มปฐมวัยมาแต่เด็ก หลังจากฟังเพลงนี้สิ่งที่ต้องนำมาฉุกคิดคือ เรากำลังเรียนเพื่ออะไรกันแน่ เรียนเพียงแต่สนองความอยากด้านการเงิน ที่เรียนเพื่อปรับฐานเงินเดือนตามวุฒิฯ และความมั่งคั่งเท่านั้น หรือเพื่อการพัฒนาต่อสังคมโลกที่ได้รับผลจากการที่เราเรียนรู้และต่อยอดทางความคิด

ทางสองสายที่บางครั้งไม่จำเป็นต้องเลือก เพราะมันไปด้วยกันได้ เพียงแต่ในสังคมไทย ทางทั้งสองกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น อาจจะเพราะสังคมไทยโดยส่วนใหญ่ต้องการผลงานที่ฉาบฉวย ต้องการเพียงวันนี้ พรุ่งนี้ ประมาณงานผักชีโรยหน้า ปีงบฯ เป็นปี ๆ ไป พลาญเงินไปเรื่อย ๆ สนุกสนานกันไป

น่าเสียดายสังคมการศึกษาสมัยนี้ยึดติดภาพลวงตา ทั้ง ๆ บางครั้งไม่มีอะไรเลยที่ได้กลับมา (แถมเสียเงินอีก -_-‘) แถมภาพลวงตาเหล่านั้น กลับมาดูถูกเพื่อนรวมโลกของตัวเอง แทนที่จะช่วยกันเพิ่มพูนความรู้ให้แก่กันและกัน แถมไม่ยอมรับฟังเหตุผล เพียงเพราะเรามีวุฒิการศึกษาสูงกว่า (แต่บางครั้งใช้งานไม่ได้ในโลกความเป็นจริง)

ผมอาจจะไม่ได้เป็นนักการศึกษา แต่ก็ไม่อยากทำตัวเป็นนักศึกษาความรู้มือสอง

ผมเคยช่วยพ่อผมทำโปรแกรมคิดเงินภายในร้านอาหาร และเป็นโปรเจ็คส่งอาจารย์ตอนปี 2 ด้วย แต่พอทำไป ดู ๆ แล้วใช้งานไม่ได้ในความเป็นจริงแม้จะลองเก็บ requirement เต็มที่ ข้อมูลครบ จริง ๆ ทำเลียนแบบคล้าย ๆ MK ในด้านการสั่งอาหารและคิดเงิน แต่เราไม่ได้ทำส่วนของ flow นำเข้าห้องครัว แถมเราไม่มี Pocket PC ให้ลอง เลยทำ เป็น webbase แทน แต่กลับยุ่งยากและช้ากว่าวิธีเดิม ๆ เพราะเราไม่เข้าใจธรรมชาติของงานที่บางครั้งเขียน และกดเครื่องคิดเลขเองจะเร็วกว่า ถ้าจะทำให้ดี ต้องทำครบวงจรจริง ๆ คือมีระบบแจ้งเข้าครัวด้วย แต่ยากเข้าไปอีก เพราะครัวนั้นเอาคอมฯ เข้าไปคงพังภายในเดือนเดียว T_T เลยพับโครงการไป แต่ก็ยังคงคิดว่าจะทำยังไงกับตรงนี้ต่อดี เพราะถ้าทำได้ น่าจะนำออกจำหน่ายได้แน่ ๆ เพราะร้านอาหารแบบนี้มีเยอะมาก แต่ที่แน่ ๆ พ่อผมก็บอกไว้ว่า "ต้องไม่เบรคพฤติกรรมเก่า ๆ หรือปรับไม่มาก flow การทำงานต้องคงเดิม หรือปรับให้น้อยที่สุด เพราะเราทำงานร่วมกับคนหลากหลายแบบ หลากหลายวุฒิการศึกษา อย่าคิดว่าทุกคนฉลาดและเข้าใจเหมือนกับเรา" โดนเลยคำพูดนี้ เลยต้องนั่งปรับ ๆ แนวคิดเยอะมาก ๆ

จากตัวอย่างของผมเนี่ย บางครั้ง ถ้าเราเอาสิ่งที่เราเรียนมาพัฒนางานพื้น ๆ ภายในครอบครัวเรา และ/หรือนำเสนอต่อคนภายในสังคมเราก่อน ตอบโจทย์สังคมเราให้ได้ น่าจะเป็นทางออกที่ดี เพราะเท่าที่เห็น เรามักทำอะไรสนองตลาดที่กว้าง แต่มักลืมไปว่าช่องทางภายในสังคมเรายังมีอีกมากจนบางครั้งเราหลงลืมไปเยอะมาก

แถมด้วยปัญหาด้านลิขสิทธิ์ บางครั้งงานที่เรานำเผยแพร่ อาจจะดีกว่าของต่างชาติในเชิงความต้องการที่ตรงประเด็น แต่เพราะว่า option/feature เราอาจจะไม่มากมาย แต่โดนแนวคิดเก่า ๆ ทำลายไป เพราะเรามี option/feature น้อยกว่าเท่านั้น แนวคิดเดียวกับ "อาหารแช่แข็งไม่อร่อย"

 

3 thoughts on “กูเป็นนักศึกษา ? !!!!”

  1. เพลงโดนใจพอสมควร แต่บางครั้งการศึกษาก็ไม่ได้ช่วยคนให้ฉลาดขึ้นสักเท่าไหร่เหมือนกันแฮะ

  2. เพลงโดนใจ และเขียนได้ถูกใจมากครับ

    โดยส่วนตัวผมมองว่าวิธีคิดของนักศึกษา รวมถึงของอาจารย์ผู้สอน เป็นปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพการศึกษามาก ถึงมากที่สุด ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ทั้งเรื่องทุน การจัดการ อุปกรณ์การศึกษา ฯลฯ เป็นเรื่องที่ตามมาทีหลัง ลองนึกภาพการศึกษาสมัยกรีก โรม ยุโรปยุคกลางดูครับ ปัจจัยทางกายภาพเอื้อต่อการศึกษาน้อยกว่าประเทศไทยในปัจจุบันมากมาย แต่ผมเดาเอาจากความรู้ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ว่าบรรยากาศการศึกษาคงดีกว่ามหาวิทยาลัยหลาย ๆ ที่ในบ้านเราตอนนี้ ทำไม? เพราะเป้าหมายของการศึกษาในตอนนั้นคือเรียนเพื่อรู้ ไม่ใช่เรียนเพื่อเท่ เพื่อเหยียบหัวคนอื่น เพื่อสถานภาพทางสังคม แค่วิธีคิดก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้วครับ

  3. เยี่ยมๆๆๆๆๆๆ ยอดมากเลย ผมเพิ่งฟังครั้งแรก สุดยอดมากเลยครับ แต่ก็ต้องบอกก่อนนะครับว่า เป็นเพลงที่ เหล่านิสิต นักศึกษาควรฟัง
    เป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า เราจะได้ เห็นจริง ซักที เราถูกสอน ให้พยายามเก่งเหมือนคนที่เก่งหรือตามให้ทันและเอาชนะกัน โดยตัดสินที่เกรด
    หากใครเกรดดีคนนั้นยิ่งมีโอกาสมากในทุกๆ ด้าน ปฏิเสธไม่ได้เหรกว่า การศึกษาทำให้เราแก่งแย่งกัน บางคนเรียกว่า การคัดเลือกทางธรรมชาติที่ผู้ที่ แกร่งกว่า ที่จะอยู่รอด หากแต่ลืมไปว่า เรานั้น มีสมองและความคิด การนำมาซึ่งชัยชนะ มันไม่มีวิธีการตรงตัวเสมอ เพื่อให้ได้มาซึ่ง ชัยชนะ การโกง พวกพ้อง และเล่เหลี่ยม ถูกใช้เสมอ
    ผม ขอ เสมอ แนวคิดใหม่ การเรียนไม่ได้ตัดสินเราและคัดเลือกเรา เราต่างหากทีี่จะเลือก เรามีอิสระภาพ ที่จะตัดสินใจ ในการเรียน ความสนใจ และความสามารถ เราไม่ได้เชิดชูผู้ที่เก่งเพียงอย่างเดียว แต่เราเชิดชูผู้ที่ให้อิสระเรา ยอมรับเรา
    เข้าใจเรา มีความเสมอเ้ท่าเทียมกัน เราต่างคนต่างมี ความเก่งกาจ ความสามารถ ความสนใจ ที่หลากหลาย ให้สิ่งเหล่านี้ นำพาเรา เชื่อมโยงเรา ช่วยเรา และจากนั้น เราช่วยกันและกัน ไม่มีใครเหนือกว่า ต่ำกว่า เก่งกว่า ด้อยกว่า มีโอกาสมากกว่า หรือมีโอกาสน้อยกว่า
    เราช่วยกัน

Comments are closed.