มอนอของเรา

จาก เรื่องน่ารู้ของ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผมก็เลยเอามั่ง ขอไปขุดจาก Fwd-Mail มาบ้าง

  • มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก มีชื่อเล่น ว่า มน.
    (NU, มอ-นอ และเป็นที่มาของเว็บ mornor.com)
  • เป็นมหาวิยาลัยที่ร้อนและแดดแรงมากที่สุดในสยามประเทศ
    (ร้อนไปได้ไง ซัมเมอร์ 43 องศาและแดดแรงขนาดมีศูนย์พลังงานแสงอาทิตย์ และสาว ๆ หนุ่ม ๆ ที่นี่จะใส่เสื้อกันหนาว  แม้แดดจะร้อนแรงแทบจะเป็นลม และเหงื่อออกซึมเข้าเสื้อจนบิดเป็นน้ำได้เลย)
  • เราเรียกนักศึกษาที่นี่ ว่า นิสิต
    (ไม่ต้องเถียงกัน เรื่องนี้ หาอ่านได้ทั่วไป)
  • สีประจำมหาวิทยาลัยคืิอ เทา แสด
    • สีเทา หมายถึง แมลงอันอุดมสมบูรณ์
    • สีแสด หมายถึง แดดอันแผดร้อน
  • บัตรนิสิต เป็นบัตรที่เราไม่อยากจะให้ใครได้เห็น เพราะรูปนั้นมันนรกมาก ช่างกล้องที่ถ่ายบัตร ช่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการถ่ายรูปอย่างสูงจริงๆ
    (จริง บัตรตัวเองยังไม่อยากให้ใครดูเลย)
  • สิงที่นิสิตเคารพบูชาที่สุด คือ พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในท่าประทับนั่ง พระหัตถ์ขวาทรงสุวรรณภิงคารหลั่งทักษิโณทก เราเรียกที่นี่ ว่า ลานสมเด็จ
  • ลานสมเด็จนี่เองจะมีช่วงคึกคักมากๆที่สุดในรอบปี คือ สอบมิดเทอม และช่วงสอบไฟนอลเท่านั้น สิ่งที่นิสิตมักบน สมเด็จเสมอคือ
    • วิ่งรอบลานสมเด็จ(เมื่อก่อนเล็กกว่านี้ ปัจจุบันขยายกว้างขึ้น)
    • ถูลานสมเด็จ
      (อันนี้สมเด็จท่านอนุโลมให้เอาเพื่อนมาช่วยถูได้ และตอนปีหนึ่งไปถูบ่อย ๆ เพราะโดนแฟน กับเพื่อนลากไปถู เพราะบนไว้ (ลำบากตรูอีก -_-‘) แฟนเคยบนไว้ว่าจะถูลานสมเด็จ 15 ครั้ง ก็ผ่อนวันละ 2-3 ครั้ง ไม่สะอาดทุกวันได้ไง คนทำความสะอาดสบายไป ฮา ….. )
    • ดอกไม้สีสันสวยงามต่างๆ
    • ตุ๊กตาไม้ที่เป็นช้าง ม้า และไก่ชน (เท่านั้น)
  • ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือ ดอกเสลา ซึ่งเป็นดอกไม้ศักดิ์สิทย์มากๆ บางคนเรียนมา สี่ปียังไม่เคยเห็นดอกเสลาซะที
    (เราเคยเห็นตอนปีหนึ่ง หุๆๆๆ)
  • หน้ามหาวิทยาลัย ยังทำนา และเลี้ยงเป็ดอยู่ ถนน หน้ามหาวิทยาลัย บางทีชาวบ้านก็เอาข้าวเปลือกมาตากซะงั้น
    (เห็นทุกครั้งที่กลับบ้าน หรือกลับมอ)
  • นิสิตมน.เกือบทุกคนต้องรู้จักเจ๊เสริฐ
    (กะเทยสมรภูมิที่ขายกับข้าวตามสั่ง เคยเห็นกับตาเลยว่าแกกระดกเบียร์ ตอนทำกับข้าว สงสัยจะบิ้วอารมณ์)
  • มน.มีชาไข่มุกของป้าที่อร่อยสุดๆของแคว้นแดนไทย ซึ่งในกรุงเทพยังหากินได้อร่อยไม่เท่า
  • ช่วงใกล้รับปริญญาคนสวนของมหาลัยจะมีอิทธิปาฏิหาริย์ สามารถเนรมิตพื้นที่ และดอกไม้ให้สวยได้ภายใน3-4วัน
  • และช่วงรับปริญญานี่เอง เป็นช่วงที่น้องหมาสุดรักประจำคณะต้องเก็บตัว
  • คณะเราต้องเรียกพี่ยามเท่านั้น ห้ามเรียกลุงยาม แกบอกว่าแก่ไป พี่ก็พอ
  • พาหนะที่ใช้มากที่สุด คือ รถมอเตอร์ไซต์ และรถวิ่งรอบมอ เมื่อก่อนเราเรียกว่ารถส้ม (รอบละบาทเอง ทันนั่งอยู่ปีเดียว) ปัจจุบันมันเป็นรถไฟฟ้าไปซะแล้ว (คันสีขาวเหมือนรถกอล์ฟ)
  • ใครขับรถรอบมอตอนเที่ยงๆถึงบ่าย สาม สิ่งที่คุณได้รับอย่างไม่น่าเชื่อ คือ สีผิวเปลี่ยนได้ทันตาเห็น และคุณจะกลายเป็นลูกครึ่งผมแดง ทั้งที่พ่อแม่คุณเป็นคนไทย
  • ตอนที่ยังไม่เป็นหวยบนดิน นิสิตสามารถแอบซื้อหวยได้กับป้าแม่บ้าน
  • สะพานลอยหน้ามหาลัยมีไว้ให้มอเตอร์ไซต์หลบฝน และนิสิตไว้หลบแดดตอนรอรถเท่านั้นไม่ได้มีไว้ใช้ข้าม
    (สารภาพว่า สี่ปี ไม่เคยข้ามสะพานนี้เลยครับ)
  • มนุษย์เพศชายในคณะมนุษย์ ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่น่าสงสัยว่าเป็นมนุษย์กึ่งชาย
    (อันนี้ no-comment)
  • มน.มีการแข่งขันประกวดดนตรี เราเรียกมันว่า NU VOICE
  • น้องปีหนึ่งจะต้องแต่งตัวถูกระเบียบ น้องผู้หญิงใส่เสื้อนิสิตที่เชยที่สุด คือเสื้อไม่มีสาบ ติดกระดุมคอ กระโปรงคลุมทรงเอคลุมเข่าสีดำ รองเท้าหุ้มส้นสีดำ ห้ามมีลวดลาย น้องผู้ชายใส่เชิตขาวแขนยาว ผูกไทด์สีเทา กางเกงสแล็ค รองเท้าหนัง
    (แต่งตัวเรียบร้อย แต่ผมชอบนะ สาว ๆ น่ารักดี ฮา …. )
  • กระดุมคอและเนคไทด์ของน้องปีหนึ่ง จะได้รับการปลดให้โดยพี่รหัส เมื่อปิดห้องเชียร์เรียบร้อยแล้ว
    (อยากปลดกระดุมน้อง ๆ สาว ๆ อ่ะ แต่ไม่ได้ผิดจรรยาบรรณ์รุ่นพี่ผู้ชาย T_T ต้องไปปลดไทด์น้องผู้ชายแทน)
  • ก่อนจะมีการประกาศห้ามรับน้องรุนแรง วิดยามีประเพณีชิงธง(ในโคลน) ด้านหน้าตึกแมท เข้าใจว่า นิสิตรหัส 47 จะเป็นรุ่นสุดท้าย (ที่ได้ลงโคลน)
  • ชุดพิธีการของมน.หมายถึง ชุดที่ใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ ซึ่ง คือการแต่งกายถูกระเบียบ แต่เปลี่ยนจากกระโปรงและกางเกงสีดำ เป็นกระโปรงและกางเกงสีเทาแทน
  • ช่วงเทอมหนึ่ง น้องปีหนึ่งทุกคนจะได้รับการบอกกล่าวให้ไหว้รุ่นพี่ และอาจารย์ที่เดินผ่าน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดา ที่เมื่อรุ่นพี่หรืออาจารย์เดินผ่านหรือขับรถ ผ่านจะมีน้องๆซึ่งแต่งตัวถูกระเบียบไหว้และร้องทักว่า “พี่คะ/ครับ สวัสดีค่ะ/ครับ”
    (รุ่นพี่ก็เขิน จะไม่รับไหว้เดี่ยวน้องมันจะด่าลับหลัง)
  • ช่วงก่อนเปิดเทอม 1 จะมีการจัดค่ายให้น้องๆ ปี 1 มาอยู่รวมกันทำความรู้จักกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน เรียกว่า “Begining Camp” โดยน้องปีหนึ่งจะได้รับการบายศรีสู่ขวัญ และผูกข้อมือ
    (หุๆๆ เจอแฟนก็งานนี้แหละ ฮา …. ช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะสาว ๆ ปี 1 จะ reset state/status กันเกือบทุกคน ฮา ….. )
  • ค่ายปรับฐานของคณะวิดยาฯ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ต้องไปค้างคืนที่ศาลาสวดศพวัดคุ้งวารี ตอนถ่ายรูปจะมีเมรุเผาศพติดมาด้วยทุกรูปเลยครับ
  • ครุยมน. เป็นครุยผ้าโปร่งสีขาว มีแถบสีเทา-แสด อันเป็นสีประจำมหาวิทยาลัย มองเผินๆคล้ายกับชุดพระยาแรกนาขวัญ (อันนี้เพื่อนชอบแซว) ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระเทพฯ ในช่วงธ.ค.- ม.ค.
  • ช่วงรับปริญญาที่มน. เป็นช่วงที่คึกคัก และทำให้การจราจรติดขัดที่สุด
  • ชื่อเดิมของ มน.คือ “มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขต พิษณุโลก”
  • ที่นั่งเล่น ออกกำลังกายในมอนอ มี 2 แห่งคือที่โอเอซิสหรือที่เรียกอีกชื่อว่า สวนเทเลทับบี้ ใครนึกไม่ออกจินตนาการถึงสนามหญ้าที่พวกเทเลทับบี้ชอบออกมาเต้น กับอีกแห่ง คือ อ่างเก็บน้ำ ที่นี่มักมีคนไปให้อาหารปลาด้วย
  • ไอติมทอดข้างมอร้าน “กิ่งแก้ว” (เอ๊ะ หรือเปล่า – -*) ป้าคนขายเป็นคนขี้ลืมมากๆ ถ้าไม่จดให้ป้าแก ป้าแกจะลืมทำ หรือถ้าไม่จด เวลาคิดเงิน ป้าแกจะถามว่า สั่งไรบ้าง เดินไปก้าวนึง ก็จะถามคำถามเดิม เดินอีกก้าว ก็ถามใหม่จนกว่าจะถึงเก๊ะเก็บตังค์ -*-
  • ไก่ทอดร้าน กะต๊าก (หรือกะโต๊กนี่แหละ) อร่อยม้ากๆๆ อร่อยกว่า KFC อีก !!!
  • มีโลโก้ประจำม.ก็คือ ยุงที่มีมือซ้ายกางร่ม มือขวาครีมกันแดด (ยุงเยอะมากกกกกกก แดดแรงมั่ก )
  • รถไฟฟ้าที่วิ่งรอบมหาวิทยาลัยจะเรียกสั้นๆว่า ” โดเรม่อน” หรือ “เตาอบเคลื่อนที่ ”
  • นิสิตหอหญิง(เก่า) ส่วนใหญ่จะรู้จัก ” ยามจอย “(ดุมาก)
  • ลานสมเด็จจะคึกคักช่วงก่อนสอบ และจะมีควันธูปตลบอบอวนอยู่ตลอดเวลา
  • เด็กปี 1 ผู้ญ จะต้องโดน “รองเท้าคัดชูกัด” แทบจะทุกคน
  • แทบจะทุกคนจะต้องได้ไปเรียนที่ตึก MD
  • ตลาดนัดวันอังคาร จะเป็น center point ของเด็กมน.จะมีขายทุกสิ่งอย่าง ผักสด, เสื้อผ้า ,สุนัข ฯลฯ และเป็นศูนย์รวมแฟชั่น
  • ที่นี่จะขับรถเหมือนเวียดนาม ก็คือ ไม่มีไฟเขียวไฟแดง นึกจะเลี้ยงก็เลี้ยว นึกจะปาดก็ปาด ไฟเลี้ยวไม่เปิด
  • ที่นี่จะมีอยู่ 2 ฤดู ก็คือ ร้อน กับ ร้อนอิ๊บอ๋าย.. – -*
  • วิศวะชอบไปกินข้าวที่โภชนาคาร 2 เวลาไปกินที่โภฯ นิ จะเจอพวกนี้เยอะมากกก..
  • ทางหลังม. ตรงทางแยก ถนนตรงนั้นจะไม่สามารถซ่อมได้ และ สามารถเลี้ยงปลาได้
  • ประตูทางออกตรงคลองหนองเหล็ก ส่วนใหญ่เค้าจะเรียกว่า ” ป่าดงดิบ ”
  • สวนเทเลทับบี้มีไว้ให้ลูกหมาวิ่งเล่น
  • ที่ฟิตเนสจะมีพวก กึ่งชายกึ่งหญิง ตัวล่ำขาวๆ มักจะเล่นอยู่ประจำ
  • อ่างเก็บน้ำมีไววิ่งออกกำลังกาย และ ให้อาหารปลา
  • รถไฟฟ้า เปิดประทุน ช่วงเย็น ถ้าคุณจะนั่ง คุณต้องไปขึ้นที่ตรงเก็บรถ
  • 7-11 ตรงโภฯ 2 จะมีไว้ให้นิสิตหญิงใช้เท่านั้น!!
  • อ.ผู้ชายที่หน้าตาดีที่สุดของมหาวิทยาลัย อยู่ที่คณะเภสัช หน้าตาดีเป็นจำนวนมาก ด้วย จนไม่น่าเชื่อว่า เป็นศูนย์รวม อ.หน้าตาดีอะไรได้ขนาดนี้ แต่ 80 เปอร์เซนต์ของอาจารย์ที่ว่ามา เป็น…..
  • มีสวนเทเลทับบี้ อยู่ใกล้หอสมุด
  • ตรงสวนเทเลทับบี้ เด็ก มน.หลายคนอาจไม่ทราบมีการปลูกต้นไม้ประจำจังหวัดของทั้ง76จังหวัด ปลูกเรียงกัน เป็นแผนที่ประเทศไทย
  • บริเวณตลาดหลังมอ เรียกอีกอย่างว่า ตลาดปอยเปต เพราะสภาพไม่ต่างอะไรกับตลาดชายแดน (ล่าสุดได้ข่าวว่าพัฒนาแล้ว ถนนลาดยางไปแล้วเรียบร้อย ก่อนมีนโยบายให้นิสิตปีหนึ่ง ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาในมอ)
  • แยกวัดใจ ตรงหน้าคณะมนุษย์ (บริเวณที่ตั้งเพชรคณะมนุษย์)
  • ลานสมเด็จ โหดร้ายมากๆ ถ้ารุ่นพี่ให้ไปยืนร้องเพลงคณะตอนเที่ยงตรง
  • ก๋วยเตี๋ยวไก่ป้าล้อม มามอนอ แล้วไม่ได้กิน เสมือนว่ามาไม่ถึง (ตอนนี้ย้ายมาอยู่ที่หน้าตึกแมทคับ ตอนที่อยู่โภฯ 1 มีคนเข้าแถวรอซื้อเหมือนแจกฟรี)
  • เด็กรุ่นรหัส43 เป็นรุ่นสุดท้าย ที่เกรดไม่มีประจุ (บีบวก ซีบวก ดีบวก)
  • รหัส 43 นอกจากเป็นรุ่นสุดท้ายที่เกรดไม่มีประจุ ยังเป็นรุ่นสุดท้ายที่เวลาตกจะได้ “E” แทน “F” ในรุ่นต่อๆ มา
  • รหัส 43 ยังเป็นรุ่นสุดท้ายด้วย ที่รู้จักการต่อคิวลงทะเบียน หลังจากนั้นลงผ่านเนทหมด
  • ร้านข้าวต้มอารมณ์ดี ร้านข้าวต้มหน้ามอ เจ้าอร่อย เจ้าของร้านใจดีด้วย (แต่รายการอาหารไม่มีราคาบอกนะ ต้องสังเกตุจานเอา)
  • รพ.มหาลัย ก่อนเปิดเป็นรพ.ในปัจจุบัน เริ่มแรก เปิดเป็นหอหญิงด้วย นิสิตรหัส 45 เป็นรุ่นแรกที่ได้เข้าไปประเดิมนอน ตอนเข้าค่ายมอ
  • คณะเภสัชศาสตร์ ม.นเรศวร เป็นคณะเภสัชแห่งแรกในประเทศไทย ที่เปิดหลักสูตร6ปี
  • รพ. มหาลัยไม่เคยมีห้องเต็ม
  • สภานิสิตมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นสภาแห่งแรกที่จดโดเมนเนมเป็นของตัวเองในชื่อ sapanisit.com
  • เป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียว ที่คณะเภสัชศาสตร์เป็นคณะบุกเบิกในการถ่ายภาพและที่คณะเภสัชฯ แห่งนี้ มีห้องมืดล่างอัดภาพขาวดำเป็นของตัวเอง
  • ในอดีต ไม่มีหอพักชายภายในตัวมหาวิทยาลัย มีแต่หอพักหญิง
  • พระรูปสมเด็จพระนเรศวร ทรงคนโฑด้วยพระหัตถ์คนละข้างกับพระรูปที่อยู่ที่ในตัวเมือง
  • เป็นมหาวิทยาลัยที่มีตราสัญญลักษณ์สองแบบ คือองค์สมเด็จไว้สำหรับติดในที่สูง และช้างเจ้าพระยาไชยานุภาพไว้ติดในที่ต่ำ (เช่นหัวเข็มขัด)
  • วิดวะมี ร้านอาหารข้างใต้ แต่ไปกินโภ 2 เพราะใกล้ กว่าโภฯ 2
  • ตลาดนัด เป็นที่ทำไว้สำหรับจอดรถ ทั้งมหาลัยแล้วให้ นั่งรถไฟฟ้ามาเรียน แต่โดนประท้วง
  • ร้านข้าวใต้ตึก EN อาหารที่ฮิต คือ ข้าวไข่เจียว
  • ร้านถ่ายเอกสาร ตาตู้ มี ชีท ของ ทุึกคณะทุกวิชา ที่เรียนที่ตึก EN
  • อาจารย์ วิดวะ สามารถแจ้งข่าวการสอน ได้ที่ร้านตาตู้
  • เมื่อก่อน รุ่นพี่วิดวะพาน้องไปลองของที่วัดจูงนาง
  • ตึกวิดวะก่อนสอบ มีแต่นักศึกษาแพทย์ เอากระดูกมาท่อง
  • สมัยก่อนลานสมเด็จ ยังไม่กว้าง แก้บนด้วยวิ่งรอบมอ
  • คนที่แก้บนด้วยการถูลานสมเด็จคนแรก เป็นเด็กคณะวิดวะ
  • ช่วงก่อนสอบและหลังสอบ ผ้าถูพื้นลานสมเด็จไม่เคยแห้ง
  • เด็กวิดวะ ถ้าไม่เข้าครอบครูประจำปี จะเรียนไม่จบ
  • คณะวิดวะใช่จะมีชายแท้ หญิงแท้มาเรียน เคยมีกระเทย มาเรียนแล้วเรียนไม่ไหวลาออกไปแปลงเพศ
  • ปัจจุบัน เจ๊เสริฐ ขายร้านอาหารตามสั่งทิ้งไปแล้ว
  • ร้านเช่าการ์ตูนไทเกอร์ ตอนนี้ไทเกอร์เข้าประถมแล้ว
  • ประตูหน้ามอ ใกล้ๆ กับศูนย์วิจัยจะเปิดตอนรับปริญญา
    (และเป็นสถานที่ซ้อมเชียร์ต่าง ๆ เยอะที่สุด เพราะกว้าง และไม่มีรถผ่าน)
  • ก่อนที่จะมีลูกระนาด เคยมี เด็กวิดวะเคยแข่ง มอไซค์รอบมอด้วยความเร็วกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • มีบางคนเรียนจบแล้วยังไม่รู้ว่า มีประตูออกจากมออีก ตรงคณะวิทยาศาสตร์
    (เพิ่งรู้ตอนปี 3 เหมือนกัน -_-‘ แต่แถวนั้นมีร้านข้าวอร่อยหลายร้านนะ ขอบอก ๆ ให้ไปชิมให้ได้)
  • ปี 46 ห้องเชียร์วิดยาภาคพิเศษ ที่จัดที่มอในเป็นปีสุดท้าย และย้ายมาจัดที่อาคารกิจกรรมแทน กลังจากปีนั้นเป็นต้นมา

4 thoughts on “มอนอของเรา”

  1. คิดถึงมอนอ มอนอของหนู

    คิดถึงๆๆๆ

  2. แถมให้
    – ฝนชอบตกวันที่มีตลาดนัด (ทุกวันอังคาร) วันอื่นไม่ตก และถึงแม้อากาศตอนกลางวันแดดจะแรงกว่าวันอื่นก็เถอะ ตกตลอดเทอม1ด้วย >> เห็นด้วยไม่ครับ
    – เคยไปตลาดนัดหน้าสนามกีฬาหรือใหม่ ก่อนจะย้ายมาที่ลานจอดรถร้อยล้าน (ตลาดนัดชาลี) ย้ายเมื่อปี 46 รู้สึกมี 2วัน
    – รู้สึกเองน่ะว่าเด็กที่นี้ขี่รถแบบเวียดนามมากๆ อยากจะเลี้ยวก็เลี้ยวเลยน่ะ >> หวังว่าคงมีความรู้สึกแบบนี้กันบ้าง เซ้งมากๆ

    มอนอแม้อยู่แห่งใด

  3. ตกไปได้ไง
    มอนอแม้อยู่แห่งใด รักกันไว้ให้สุขทุกนิรันด์

Comments are closed.