วันนี้กลับมาบ้านที่นครสวรรค์ เนื่องจากว่าที่นี่น้ำท่วม เลยคงต้องไปช่วยญาติในเมืองขนของเล็กน้อย เพราะจริง ๆ แล้วขนของก่อนหน้านี้มาพอสมควรแล้ว (จากบทเรียนในปี 38 ที่ไม่ยอมขนเพราะเชื่อว่าน้ำจะไม่ท่วม) พอกลับมาที่บ้าน จริง ๆ เครื่องที่บ้านที่เอาไว้ทำ Home Server นั้นต้องเปิดอยู่ แต่ตอนกลับบ้านมามันปิด ด้วยเหตุที่ว่าน้ำมันเข้าบ้านเมือง 2 วันก่อนเพราะฝนตกแบบไม่หยุด แล้วน้ำในเมืองมันระบายออกแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ทัน มันเลยเข้าบ้าน ทำให้น้ำมันเข้าบ้านเต็มเลย เลยจำเป็นต้องปิด UPS ก่อนที่น้ำมันจะทำให้ UPS พัง -_-‘ เลยต้อง remote เข้ามา shutdown เครื่อง เล่นเอาใจหายเลย พอกลับมาเลยเปิดเครื่องเช็คความเสียหาย ทุกอย่างไม่มีปัญหา ระบบไฟฟ้าที่ต่อไว้ในส่วนของ Home Server ปกติดีทั้งหมด เลยเปิดแล้วเข้าเว็บ Microsoft Update เพื่อ Update ประจำเดือน วันนี้กะว่าคงไม่มีอะไร update หรอก แต่มาวันนี้มันมาเพียบเลย 7 ตัว และที่ตัวเครื่อง Laptop อีก 16 ตัว (รวมตัว Office 2003 ด้วย) ซึ่งกว่าจะลงเสร็จทั้ง 2 เครื่องก็ซัด Data Tranfer ไปเยอะเลย แต่ช่างมันเหอะ ถือว่าเป็นการป้องกันระบบไปในตัว
พูดถึงตรงนี่ หลายคนไม่ค่อยทำการ update ระบบ Operating System Software เท่าไหร่ จริง ๆ แล้วผมถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก นี่ยังไม่รับรวมการ update Application Software ที่ยุ่งยากและน่าปวดหัวกว่าพอสมควรนะ เพราะการ update ดังกล่าวนี้จะนำมาซึ่งการปรับปรุงการทำงานที่ไม่ดี หรือข้อจำกัดบางอย่างในการใช้งานต่าง ๆ ให้หมดไป ซึ่งในปัจจุบันนั้นมักจะมุ่งไปในด้านความปลอดภัยเสียมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะข้อมูลของเรามีค่ามากกว่าระบบใด ๆ เสียอีก ซึ่งการไม่ update ระบบนั้นนำมาซึ่งความเสียหายในบางส่วนในเวลาที่เราจำเป็นต้องใช้งานคุณสมบัติบางอย่าง ที่มันมีข้อผิดพลาดอยู่ แต่ถ้าได้รับการ update แล้วข้อผิดพลาดนั้นจะไม่มี ถ้าเราดันไปใช้ตอนที่เราไม่ได้ update แล้วเนี่ย เราก็จะสูญเสียความคล่องตัวในการทำงานได้ นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็กเท่านั้น ยังไม่รวมเรื่องของความปลอดภัยที่น่าจะเป็นเรื่องแรก ๆ ที่เราต้องใส่ใจในการใช้งานระบบไอทีในปัจจุบันด้วย