เดี่ยวนี้เริ่มมีเพื่อนๆ น้องๆ เริ่มขอโน้นขอนี่ทาง IM มากขึ้นไอ้เราก็ไม่มีเวลา แต่เออ ช่วยๆ กันก็ได้เลยหาให้ แต่จนแล้วจนรอดเวลาเราไม่ว่างก็ดันมาถาม โทรหามั้งหล่ะ ทำอย่างกับเราเป็น Technician Support อย่างงั้นหล่ะ ไอ้ช่วยอ่ะช่วยได้ แต่นี่เล่นแม่งเช้าสายบ่ายเย็นก็ไม่ไหวนา …..
หากันเองก่อนได้ไหม Google, Yahoo หรือแม้ต่ MSN Search ใช้หากันก่อนถ้ามันไม่ได้แล้ว ค่อยว่ากันอีกที
ทุกวันนี้มันทำไมเป็นกันแบบนี้ผมก็ไม่เข้าใจว่าที่เค้าเล่นอินเตอร์เน็ตกันเนี่ย เค้าไม่ได้ศึกษาหลักการใช้งาน Search Engine กันเลยหรือไง ถึงได้ใช้กันไม่เป็น
ภาษาก็เหมือนกัน ใช้กันหน่อย ศึกษากันมาตั้งแต่ ป.1 เนี่ยจะม.6 หรือ ม.3 บางคนจะจบ ป.ตรี ยังขี้คร้านจะอ่านมันอีก
ผมเป็นเทวดาหรือไง ถึงให้แปลให้เนี่ย แค่พออ่านออก จับใจความได้ ไม่ได้ถึงขนาดแปลได้เล่าได้เหมือนเจ้าของภาษานะ
เฮ้อ ….. เซง จริงๆ มันเกิดจากอะไรผมไม่แน่ใจนะนิสัย ป้อนเอาๆๆ
แต่สังเกตไหมหล่ะว่า นักเรียนไทย หรือแม้แต่ประชาชน ไทยของเราเข้าร้านหนังสือเป็นอัตราส่วนที่ยังคงน้อยอยู่ ที่อ่านกันจริงจะเป็นหนังสือแนวแฟชั่น มากกว่าส่วนพวกสาระความรู้แบบเต็มๆ ทั้งเล่มแทบจะหาได้ลำบากมาก ส่วนใหญ่จะเอาไปลงแทรกๆ ซะมากแต่ว่าหาคนอ่านได้น้อย เพราะว่ามันไม่น่าสนใจกว่าดาราคนที่เราชื่อชอบเท่าไหร่น่ะซิ
สังคมเรานี่แปลกนะ รายการ Reality Show ตอนนี้ก็ปา ไปหลายรายการแล้วแถมพวกประกวดทางความสวยความงาน ใครได้ก็ดังกันใหญ่ แต่ทีพวกความรู้ โอลิมปิก หรือแข่งขันงานด้านวิชาการต่างๆ เงียบเป็นป่าช้า
“เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษา งานวิชาการ และความรู้มากเท่ากับสิ่งที่เป็นมายา สังคมเราอ่อนแอลงเพราะภาพมายาที่คนเหล่านั้นสร้างขึ้น มันกำลังบ่อนทำลายสังคมนี้อย่างช้าๆ และกำลังเห็นผลในเร็ววัน”
มันเลยทำให้เราถูกยัดเยียดความสบายจากสิ่งที่ได้มาง่ายๆ ทั้งการประกวดที่ไปยืดๆ แสดงความสามารถปัญญาอ่อน (บางคน) หรือไปเดินส่ายๆ ร้างเพลงปาวๆๆ แล้วก็ได้รางวัลมา นี่หรือสิ่งที่เรียกว่าสังคมที่จะเป็นสังคมอุดมปัญญา(อ่อนนะซิ)
แต่ผมรู้สึกดีนะในบางแง่ บางช่องรายการทีวีของเรา ยังมีรายการดีๆ ให้ดูบาง ถึงแม้มันจะน้อยก็เถอะ มันก็ยังทำให้เราเพิ่มรอยหยักสมองได้มากกว่าที่ควรเป็น
ถึงแม้ผมจะได้ดูพวก UBC Excite หรือแม้แต่ Discovery ซึ่งมันได้ความรู้อย่างมาก แต่ผมกลับสงสารคนที่ไม่ได้ดู เค้ามีทางเลือกอะไรไหมในการได้ความรู้ต่างๆ มามันน่าแปลกที่เรายัดเยียดภาพมายา แต่ไม่เห็นมีใครยัดเยียดความรู้ให้มั่งเลย
ภาพมายาเหล่านั้น ทำให้เราอยากสบายอย่างนั้นบ้าง วันๆ ไม่ต้องทำอะไร เอาแต่หาคนรัก เอาแต่แก้แค้น หรือแม้แต่ทำงานสบายๆ ซึ่งชีวิตจริงๆ มันมีหรือเปล่าหล่ะ
คนไทยเราเลยได้ภาพว่า เฮ้ย จบไปทำงานแล้วสบาย ไม่ต้องคิดเอง มีหนังหรือละครสักเรื่องไหมหล่ะครับ ที่เป็นแนวสาระ หรือบ่งบอกความเป็นคนให้ความรู้แนวต่างๆ ผมว่ามีอยู่ไม่ถึง 10% และส่วนมากจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะไปเหยียบหางพวกใหญ่ๆ โตๆ ก็มี
เวรกรรมจริงๆ ส่งที่อยู่ในย่อหน้าที่แล้ว ทำให้เราไม่หาอะไรเอง เพราะ “หวัง” ว่าจะมีคนเอาสิ่งเหล่านั้นมาให้ ทั้งๆ ที่ชีวิตจริงมันไม่มีหรอก จะบ้าเหรอ ถ้ามันมีและเจอกันทุกคน คงไม่มีคนจนหรอกครับ เราไม่ยอมรับความจริงในเรื่องนี้กันหรือย่างไร ทำไมถึงได้เป็นกันแบบนี้
“เราเป็นแต่ผู้รับแต่ไมได้เป็นผุ้ให้ หรือให้มากไป จนคนรับคิดว่าไม่ต้องหาเองก็ได้ มีคนให้อยู่แล้ว “
มันเลยทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ว่า เราไม่ต้องทำอะไรนอกจากนอนรอ ความรู้ที่มันวิ่งชนเรา มีคุณครูสอน มีอาจารย์สอน สิ่งที่เค้าไม่สอน คือสิ่งที่ไม่ออก หรือสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ ทั้งๆ ที่บางครั้งมันมีประโยชน์มากในอนาคต
ตอนนี้ผมเริ่มทำใจกับเรื่องนี้แล้ว บางครั้งเพื่อนผมส่งเมลมา มักจะส่ง links กลับไปหาเองซะมาก อ่านเอง เพราะว่ามันจะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่มีใครคิดอะไรเอง แล้วต่อไปประเทศไทยจะแย่ เพราะว่าไม่มีคนคิดเป็น มีแต่คนใช้งาน เราจะล่มสลายแน่ในตอนนั้น เพราะว่านวัตกรรมใหม่ไม่เกิด เงินตราต่างประเทศ จะไหลออกไปเรื่อยๆ จนหมด
แล้ววิกฤตเศรษฐกิจ จะกลับมาเยือนเราอีกครั้งแน่นอนในตอนนั้น เพราะเราใช้แต่ของนอก และเงินตราสำรองที่เป็นเงินดอลล่าหมดประเทศ ….
ผมหวังว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้นในช่วงชีวิตผมอีก ……
เขียนได้ดีมากๆๆๆๆ