จากลา dtac ไป AIS มาได้สักเกือบๆ 2 ปี จาก blog entry ด้านล่างที่เขียนฝากไว้ก่อนจาก
มาวันนี้ผมขอเล่าปัญหาของ AIS บ้าง ว่าทำไมผมถึงย้ายกลับมา dtac เป็นข้อมูลที่เจอมาเกือบ 2 ปีก็แล้วกัน เพราะช่วงแรกที่ย้ายมาใช้ AIS นั้นมีความสุขมาก เพราะใช้งานได้ดีมากๆ แต่แล้วมาระยะประมาณ 6-8 เดือนที่ผ่านมา ผมกะๆ ไว้ประมาณช่วงตั้งแต่หลังปีใหม่ 2555 เป็นต้นมาก็เริ่มมีปัญหาต่อไปนี้
- พื้นที่ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ปรกติ 2G บริเวณหมู่บ้านกลางเมืองมอนติคาร์โล ซึ่งเป็นแถวๆ ที่ทำงานเก่าของผม สัญญาณเข้าไม่ถึงภายในบ้าน คือรับสาย-โทรออกต้องเดินออกมาคุยนอกบ้านตลอด อนาถมาก T_T
- พื้นที่ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ปรกติ 2G ภายในตึกสำนักงานบางที่บริเวณเพลินจิตสัญญาณมาๆ หายๆ ต้องไปยืนคุยแถวริมหน้าต่าง ถึงจะคุยโทรศัพท์ได้ แต่มักจะหลุดก่อนได้คุย ต้องโทรกลับหาคนโทรเข้ามาเสมอๆ เป็นบ่อยมาก
- สัญญาณโทรศัพท์ปรกติ 2G อยากจะหลุดก็หลุดไปเฉยๆ แบบวูบดับไปดื้อๆ ยิ่งใช้ยิ่งเป็น แล้วนับวันยิ่งเป็นบ่อยมาก โทรศัพท์คุยเรื่องงานการสำคัญๆ ลำบากมาก
- ตลอดระยะทางรถไฟฟ้า BTS ตั้งแต่อุดุมสุขถึงหมอชิตส่วนใหญ่ใช้งาน 3G/Edge ได้เป็นระยะๆ ต้องใช้ TOT 3G ต่อผ่าน MiFI จึงใช้งานระหว่างการเดินทางบน BTS ได้ราบรื่นขึ้น ><“
- สัญญาณ 3G และ Edge ไม่ได้แรงสมราคาคุย “เครือข่ายที่ดีที่สุด” ดั่งที่โฆษณาไว้ ข้อมูลรับและส่งมาๆ หายๆ ตอนยังไม่เปิด AIS 3G ตัว Edge ก็ทำงานได้เร็วดี (ผมถือว่าไม่ด้อยกว่า dtac) ทำให้ตอนช่วงน้ำท่วมผมถือว่าไว้ใจได้เลย แต่ดูเหมือนหลังน้ำท่วมปี 2554 และเปิด 3G ขึ้นมาให้ใช้ก็รู้สึกว่าห่วยลงเยอะมากจนทำงานและติดต่อสื่อสารลำบากมาก
- พื้นที่ให้บริการ 3G ส่วนใหญ่ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ขึ้นต่อ 3G แต่ไม่มีข้อมูลส่งเข้า-ออกมาให้ เปิดไปเสียดายพลังงานแบตฯ เลยเปิดและใช้ Edge ก็พอใช้งานไปได้ แต่ผมจ่ายเงินเพื่อ 3G เดือนเกือบ 1,000 บาทนะครับ!!
ด้วยคุณภาพด้านบนที่กล่าวมาในระยะหลังๆ ค่าโทรศัพท์ AIS นั้นมีค่าใช้จ่ายแพงมากจนน่าตกใจ บางเดือนผมต้องจ่ายเกือบ 3,000 บาท กับคุณภาพที่มาๆ หายๆ หลุดแล้วหลุดอีก (ผมเป็น Serenade Gold ตามเงื่อนไขระยะเวลา 6 เดือนชำระขั้นต่ำ 1,500 บาท ตั้งแต่ 6 เดือนแรก)
ได้ข้อสรุปต่างๆ แล้วผมจึงสอบถามน้องที่ทำงานอยู่ dtac คนนึง (ขอไม่ออกชื่อ) ให้เค้าลองทดสอบเรื่อง 3G/Edge และสัญญาณโทรศัพท์ให้หน่อยว่าโอเคขึ้นกว่าเดิมที่เคยบ่นๆ ด่าๆ ไปเมื่อเกือบ 2 ปีก่อนไหม น้องเค้าก็ทดสอบให้ แถมรับรองว่าพี่ย้ายมาเลย Engineer เค้าเฟิร์มสัญญาในในกรุงเทพฯ แรงมาก แล้วเค้าทดสอบส่ง Speedtest กับลองโทรศัพท์ไปพร้อมๆ เล่น 3G/Edge ให้ว่ามันทำงานได้ดีขึ้นหลังจากเกือบ 2 ปีก่อน เพราะสำคัญมาก เนื่องจากเมื่อก่อน dtac ไม่ใช่ Edge+ ทำให้ถ้าใช้ Alway Connect ของมือถือทำให้โทรเข้าไม่ได้แต่ตอนนี้ทดสอบแล้วโอเคแล้ว
เมื่อน้องเค้าทดสอบให้เห็นผลชัดว่าดีขึ้น ก็เลยสบายใจว่าโอเคขึ้น ทำเรื่องย้ายเลย!!
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2555 ก็ได้เวลาจากลา AIS เสียที เพราะรับไม่ไหวกับคุณภาพที่ตกลงอย่างน่าใจหายจนไม่น่าให้อภัย และคิดว่าคุณภาพตกลงหลังจากเปิด AIS 3G เป็นต้นมาเลยทีเดียว
ผมเลยทำเรื่องย้ายค่ายเบอร์เดิม (Mobile Number Portability) กลับเช่นเดิม
ผมขอนำ Quote เก่าตอนลาจาก dtac มาใช้กับ AIS บ้าง
ไม่อยากให้ AIS สร้างมาตราฐานที่เรียกว่าระบบใช้งานไม่ได้นี้คือบริการที่ลูกค้าต้องทำใจและ ปลง และคำขอโทษไม่ได้ทำให้ระบบดีขึ้นพรุ่งนี้ครับ
หลังจากทำเรื่องย้ายได้วันเดียว dtac ล่ม!!! ><“
น้องที่ทดสอบให้ผม ก็มาขอโทษผมใหญ่เลย ผมก็บอกว่า sim ของ dtac ยังไม่ activate ยังใช้ AIS อยู่ น้องเค้าเลยโล่งใจไป
แต่มันโจ้กที่ว่าวันที่ผมย้ายหุ้น AIS ตก และ วันต่อมา dtac ล่ม อืมม ฉลองกันใช่ไหม T_T
ปล. แต่ไม่ได้เจอเหตุการณ์ เหตุเกิด ณ. ดีแทค สาขาพารากอน แบบเดิม แม้จะย้ายที่ dtac สาขาพารากอนที่เดิม แต่น้องคนที่มาย้ายเบอร์ให้ผมก็น่ารักไม่แพ้กัน (อุ่ยยยย!!!)
เหมือนคุณทุกอย่างเลยค่ะ ย้ายมาจาก DTAC นึกว่า AIS 3G นึกว่าจะดี ดีอยู่ประมาณ 2-3 เดือน ที่เหลือต่อๆ หลุดๆ อืดมาก โทรไป call center ครั้งแรกให้ทำ resetnetwork บ้าง ล้างคุ๊กกี้บ้าง ปิดสัญญาณ WIFI บ้าง สุดท้ายก็ช้าเหมือนเดิม และคิดว่าคงไม่เกี่ยวกับการมี App เยอะบนเครื่อง เพราะเราก็มี App น้อยมาก ก็ต้องมานั่ง reset กันทุกวัน อดทนใช้เป็นเดือน และก็โทรไปอีก บอกว่าจะขอเช็ควัญญาณ 3G ให้ Reset Network เพื่อจับสัญญาณ สรุปกัน จนท. ว่ายังช้า เขาบอกว่าให้ปิด 3G ใช้ EDGE แทน ปรากฎว่าเร็วกว่า 3G มาก แต่เราก็ว่า EDGE ช้ากว่า 3G ที่ใช้ AIS สมัยก่อน เขาก็สอบถามว่าอยู่พื้นที่ไหน เพราะ 3G จะมีปัญหาเป็นจุด ขอบอกว่าอยู่ตรงข้าว central world ใจกลางเมือง เขาก็บอกว่าบางทีในตึกมันก็มีปัญหา ช่วงนี้ถ้าช้าให้ใช้ EDGE ไปก่อน ภายใน 1 สัปดาห์จะแจ้งกลับ ขอแจ้งงานปัญหา 3G ให้ engineer เกือบแล้ว จะกลับ DTAC เหมือนกัน แต่ขอรอ 1 สัปดาห์นี้ก่อน
ประโยคสุดท้ายเป็นคีย์เวิร์ดแห่งการย้าย (อุ่ยยยย!!!)