จากข่าวเรื่องต้นทุนของสินค้า ซึ่งก็มีอยู่ตลอดเวลาเช่น เผยต้นทุน iPhone 5 รุ่น 16GB ราคาอยู่ที่ 5,200 บาทเท่านั้น!! หรือ คาดต้นทุนวัสดุและชิ้นส่วน iPhone 5 อยู่ที่ห้าพันกว่าบาท ซึ่งมีข่าวแนวนี้เยอะแยะในอดีต ซึ่งจริงๆ ก็มีมานานแล้วแหละ
ผมขอเสริมเพิ่มเติมจากที่ได้โพสไว้ใน Google+ เสียหน่อย
ผมได้เห็น ผมได้อ่านความคิดเห็นต่างๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกกกแรงๆ เพราะความเห็นส่วนใหญ่มุ่งแต่สิ่งที่จับต้องได้เป็นหลัก โดยลืมคิดถึงมุมของความความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในหลายๆ เรื่อง และมันรวมไปถึงคุณค่าของความคิดในมุมต่างๆ ของคนเรา ก่อนที่จะนำมาผลิตว่ามันมีต้นทุนอื่นๆ มากมายแค่ไหน
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมก็หมายรวมถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย แต่กรณีนี้ทำให้เห็นภาพชัดเจนมากๆ แล้วผมก็ไม่แปลกใจว่าทำไมงานด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของบ้านเรามันถึงได้ไม่ไปไหนกันสักเท่าไหร่ เพราะหลายๆ คนลืมนึกถึงต้นทุนที่จับต้องไม่ได้มากจนเกินไป เพราะถึงแม้ข่าวสารแนวๆ นี้มักจะมีในต่างประเทศเป็นปรกติ แต่เมื่อสื่อของบ้านเรานำมาตีข่าวเพื่อนำเสนอ แต่ความคิดเห็นต่างๆ มันเป็นความคิดเห็นของคนในบ้านเราเองที่สื่อถึงสิ่งที่อยู่ในข่าวดังกล่าว ซึ่งสะท้อนภาพได้ชัดเจนถึงแนวคิดนี้
การค้ากำไรเป็นเรื่องปรกติในวงการธุรกิจ จะมากจะน้อย มันขึ้นอยู่กับการความพอใจในการตั้งราคา และแน่นอนว่าถ้าราคานั้นที่ตั้งขึ้นมานั้นคนที่ซื้อคิดว่าไม่คุ้มค่า ไม่เหมาะสม ย่อมเป็นกลไกของตลาดที่จะกำจัด หรือบีบให้ผู้ขายต้องลดราคาตามกาลเวลาไปเอง (พูดง่ายๆ อย่าไปเดือดร้อนกับมันมากนัก)
การพัฒนาต่างๆ มันค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในมือคุณตอนซื้อเพียงเท่านั้น แต่มันมีสิ่งที่คุณไม่ได้ถืออยู่ในมือมากมายนัก ถ้าคุณจะพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานได้ทัดเทียมกับซอฟต์แวร์ที่ขายในระดับโลกหลายตัว คุณคงต้องใช้เวลาหลายปีหรือตลอดชั่วชีวิตคุณเพื่อที่จะทำมันให้ทัดเทียมได้ เพราะซอฟต์แวร์และสิ่งที่คุณจับต้องไม่ได้เหล่านั้น ไม่ได้ถูกสร้างมาเพียงคนคนเดียว คนพัฒนาซอฟต์แวร์กินข้าวราคาเดียวกับคุณ หรือต้นทุนเพียงหยิบมือที่คุณมี แต่มันมีคือกลุ่มคน และเครื่องมือต่างๆ มากมายที่นำเข้ามาเพื่อพัฒนาให้มันเกิดขึ้น ช่างน่าแปลกใจที่สุดท้ายพวกเราหลายๆ คน ตีค่ามันแค่สิ่งที่ถืออยู่ที่มือมันเพียงเท่านี้