ASUS Nexus 7 เปิดตัวในงาน Google I/O 2012 ที่ San Francisco เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2555 งานดังกล่าวเริ่มในเวลาประมาณ 5 ทุ่มครี่ง ตามเวลาประเทศไทย โดยในงานมุ่งเน้นแสดงความสามารถของ Android 4.1 Jelly Bean และเปิดตัว Tablet Nexus 7 ที่ใช้ Android 4.1 Jelly Bean เป็นตัวแรก และ Nexus Q ที่เป็น Online TV Devices ของ Google
ผมได้รับ Nexus 7 มาได้เกือบๆ 1 อาทิตย์แล้วครับ (วันที่เขียนวันที่ 11 สิงหาคม 2555) โดยเป็นเครื่องหิ้วจาก US มาในราคาไม่แพงมากนัก (ขอไม่บอกว่าเท่าไหร่แล้วกัน) ซึ่งมารอบนี้มาพาแกะกล่องและเล่าประสบการณ์โดยรวมของ Nexus 7 ตัวนี้กันครับ
ตัวกล่องที่ใส่เครื่องมานั้นเป็นแบบ 2 ชั้นครับ slide ตัวกล่องออกมา โดยรวมกล่องไม่ใหญ่มาก เล็กและหิ้วง่ายดีครับ
เปิดมาก็จะมี Nexus 7 อยู่ด้านบนเลย (แนวๆ เดียวกับกล่อง iPad แหละครับ) ซึ่งด้านล่างก็จะมี MicroUSB และ Wall Charger มาให้ พร้อมคู่มือ Quick Start กับ Warranty มาให้ในกล่องเพียงเท่านี้ ><”
สรุปคือ
- Asus Nexus 7
- MicroUSB Cable
- Wall Charger for MicroUSB
- Quick Start Guide
- Warranty Guide
ของราคาไม่แพงมากมาย ได้มาเท่านี้เทียบกับคุณภาพงานและคุณสมบัติของตัวเครื่อง Nexus 7 แล้วถือว่าโอเคครับ เรามาดูตัวเครื่องกันดีกว่า
ตัวเครื่องนั้นเป็นงานประกอบแบบไร้น็อตด้านนอกเลยครับ ถ้างานออกแบบ อยากให้มองว่ามันคือ iPad 2 (หรือ The New iPad) แบบย่อยส่วนก็พอได้ แต่มีจุดต่างหลายจุดนะครับ คือ form factor มันเหมือนๆ กัน คือเรียบๆ มีปุ่มเท่าที่จำเป็น แต่ที่ไม่เหมือน iPad แน่ๆ คือไม่มีปุ่ม Home ให้ต้องมานั่งเปลี่ยนปุ่มกันเพราะกดจนพัง ;P
ด้านขวาของตัวเครื่องนั้นมีปุ่ม Power (unlock/lock) อยู่ด้านบน และปุ่ม Volume up/down ให้กดกันง่ายๆ ดูพื้นๆ เพียงเท่านี้
ด้านซ้ายมี Microphone คู่ (ด้านบน 1 จุดและด้านล่างอีก 1 จุด) และ 4-pin connector ไว้ต่อกับ dock (ทีก็ยังไม่มีแววว่าจะขาย) มาให้อีกตัวหนึ่ง
สำหรับด้านบนตัวเครื่องนั้นไม่มีอะไรครับ โล่งๆ ฃ
สำหรับด้านล่างตัวเครื่องนั้นมี port MicroUSB สำหรับต่อเพื่อ sync ข้อมูล หรือชาร์จไฟ ถัดมาเป็น 3.5mm headset jack สำหรับต่อหูฟังตามขนาดมาตรฐานทั่วไป
สำหรับด้านหลังนั้นเป็นวัสดุคล้ายๆ หนัง หรือยาง ไม่แน่ใจว่าอะไรแต่จับแล้วไม่ลื่นง่ายดูนุ่มๆ ไม่หลุดมือง่ายดีครับ บริเวณ Logo Nexus เป็นส่วนของ NFC ด้านล่างใต้ชื่อ Asus เป็นลำโพง ของตัวเครื่อง
โดยหลังจากเปิดเครื่องเชื่อมต่อ Internet เพื่อลงทะเบียนเครื่องตามปรกติของเครื่อง Android แล้วนั้นก็มีให้ update เป็น 4.1.1 ทันทีครับ ก็เป็นตามภาพด้านล่างนี้ครับ
เรามาเข้าเรื่องเรื่องประสบการณ์ในการใช้งานบ้างครับ
โดยจากการใช้งานมาเกือบๆ 7 วันนั้น จอภาพ 7 นิ้ว บน Resolution 1280x800px ให้ละเอียดจนทำให้ Digital Magazine ที่มาให้รองรับแค่ 1024x768px (iPad 2) นั้นภาพแตกดูไม่สวยงามไปเลย น่าเสียดายเล็กๆ แต่กับ PDF หรือพวก Digital Magazine ที่ทำมารองรับในส่วนของตัว Text นั้นแสดงผลได้คมมาก ตัวหนังสือ scale ขึ้นมาอ่านง่ายมาก ไม่รู้สึกว่ามี dot pixel ที่ตัวจอภาพเลย
สำหรับตัวความเร็วในการตอบสนองในการใช้งานนั้นอันนี้ H/W คงไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่นัก แต่ตัว Android 4.1 (Jelly Bean) นั้นพัฒนาขึ้นในเรื่องของการตอบสนองที่ดีกว่า Android 4.0 (Ice Cream Sandwich) แน่นอน อาการกระตุกเห็นได้น้อยมากกว่า ICS พอสมควรเลย ถ้าเป็นไปได้ต้องมาลองเล่นดูครับ คิดว่า Tablet รุ่นก่อนหน้านี้น่าจะได้อัพเกรดมาใช้กันเร็วๆ นี้
ส่วนต่อมาเรื่องการจับถือนั้น ส่วนตัวแล้วนั้นชอบขนาดของตัวเครื่องประมาณนี้อยู่แล้ว คือ 10” หรือ 9.7” มันดูใหญ่ไปหน่อย อาจจะเพราะผมชอบขนาดประมาณหนังสือการ์ตูน pocket book A5 ก็ได้มั้ง เลยชอบขนาดประมาณนี้แหละ ซึ่งที่ผมใช้งานมาทุกวัน ก็ใช้แบบติดฟิล์มกันรอยหน้าจออย่างเดียว ไม่ได้ใส่ case แต่ประการใดครับ ก็ถือจับถนัดสบายๆ ก็กลัวทำตกแล้วเป็นรอยที่เครื่องเหมือนกัน แต่ว่าเครื่องมันออกแบบด้านหลังมาสองงามมาก ไม่อยากให้มันเสียความของเลยเอาแบบนี้แหละ ของราคาไม่ได้สูงมาก ก็เลยตามเลยแหละครับ
ซึ่งระดับราคาขนาดไม่เกิน 8,000 บาท ซึ่งราคาขายที่ US คือ $199 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 6,200-6,500 บาทโดยประมาณ รวมค่า Tax และค่า Shipping ตอนสั่งซื้อและค่าเหนื่อยคนหิ้วมาให้ก็ประมาณนี้ ไม่ถือว่าเยอะไป ซึ่งสำหรับผมแล้วนั้นราคานี้ในระดับความสามารถแล้วผมถือว่าโอเคมากๆ เพราะส่วนตัวแล้ว Tablet ที่สำหรับผมใช้งานไม่ควรเกิน 10,000 บาทครับ ถ้าเกินกว่านี้ ผมซื้อ Netbook ใช้งานดีกว่า คือแม้มันจะแทนกันไม่ได้ แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ เพราะด้วยลักษณะการทำงานแล้ว ผมซื้อ Tablet ผมคิดว่าผมต้องซื้อ Keyboard สำหรับมันมาแน่ๆ เพราะงั้นต้องเผื่อส่วนนี้ไว้ด้วย เพราะงั้นจึงต้องตีเผื่ออุปกรณ์เสริมไปด้วย ไม่งั้นซื้อๆ มาเสริมมันจะเท่ากับ Netbook ไป
ต่อมาเรื่องพื้นที่เก็บข้อมูลที่ให้มา 8GB นั้น ส่วนตัวแล้วไม่ถือว่าเยอะ แต่ก็ไม่ถือทำให้อึดอัดสำหรับ Tablet ที่เอามาใช้งานเพื่อเป็นตัวแทน Notebook ของผมในงานเล็กๆ เบาๆ ต้องการความคล่องตัวและติดต่อกับ Cloud Storage อย่าง Dropbox/SugarSync ที่มีไฟล์เอกสารของผมอยู่บนนั้นได้สบายๆ ผ่าน WiFi หรือถ้าจะต่อ 3G คงลำบากหน่อย แต่สำหรับผม ผมมี MiFi ที่ต่อ SIM 3G อยู่แล้ว เลยต่อด้วย WiFi เข้า MiFi แทน ก็ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาสบายๆ ครับ ไม่ติดปัญหาเรื่องนี้เท่าไหร่
สำหรับของการจับสัญญาณ GPS นั้น จากที่ทดสอบใช้งานนั้น จับสัญญาณ GPS ได้ค่อนข้างเร็วดีครับ ไม่นานจนหงุดหงิด คือเปิด Google Maps รอสักพักก็ทราบว่าตอนนี้อยู่ตรงไหนของแผนที่แล้ว ถ้าจะให้เร็วมากขึ้นใช้คู่กับ Cell Site มือถือ ซึ่งผมใช้ผ่าน MiFi ก็ทำให้คาดคะเนได้ดีขึ้นเยอะเลย
สำหรับกล้องหน้านั้นยังไม่ได้ทดสอบครับ -/\-
ส่วนที่ไม่ชอบนั้น …. อืมมมมม คือตัวงานประกอบก็มีติดนิดๆ นะที่ขอบจอภาพกับตัวเครื่องมันดูจะประกอบแปลกๆ คือมันก็ดูเนียนดีแต่หลายๆ คนบอกว่ามันมีอาการเผยอ ผมก็เจอนะ ต้องกดๆ กลับเข้าที่ มีคนแก้บอกให้แงะออกมาขันน็อตใหม่ อืมมมมเอางั้นเลย ส่วนอีกอย่างคือฝาหลัง ผมแอบกลัวว่าใช้ไปนานๆ มันจะไม่สวยเนียนเหมือนเก่าแฮะ คือมันสวย มันจับถนัดมือครับ แต่ของแบบนี้มันแลกมากับอาการล่อนลอกออกมาในอนาคตแฮะ ><”
ก่อนซื้อขอบอกก่อนนะครับว่าตัวนี้ ไม่มีกล้องด้านหลัง ซึ่งส่วนตัวผมเฉยๆ ใช้กล้องมือถือเอาหมดเรื่อง ส่วนไม่มี 3G มาให้ ส่วนตัวแก้ปัญหาด้วย MiFi ครับ เพราะมีใช้อยู่แล้วเลยไม่มีปัญหาอะไร
โดยรวมถือว่าประทับใจครับ หวังว่าจะมีขายในไทยอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ครับ
ASUS Nexus 7 Tech Spec
- OS: Android 4.1 (Jelly Bean)
- CPU: Quad-core Tegra 3 processor
- MEMORY: 1 GB RAM and 8 GB Internal storage
- SCREEN: 7” Back-lit IPS display 1280×800 HD display (216 ppi) with Scratch-resistant Corning glass
- WIRELESS: WiFi 802.11 b/g/n and Bluetooth 4.0
- CAMERA: 1.2MP front-facing camera
- BATTERY: 4,325 mAh
- FEATURES:
- Micro USB
- Microphone
- NFC (Android Beam)
- Accelerometer
- GPS
- Magnetometer
- Gyroscope
- SIZE: 198.5 x 120 x 10.45mm
- WEIGHT: 340 grams
ข้อมูลจาก http://www.google.com/nexus/
2 thoughts on “แกะกล่องเล่นๆ กับ Nexus 7 ขนาด 8GB”
Comments are closed.