ทวีตเกี่ยวกับงานมอเตอร์โชว์ช่วงเช้านี้ทั้งหมด

ไม่ได้เป็นโน๊ตแก้ต่าง แต่เป็นโน๊ตระบาย ขอพูดบ้าง

ส่วนตัวก็ไปถ่ายงานมอเตอร์โชว์ (แน่นอนหลักฐานเต็ม Flickr) แต่ไม่ถูกต้องที่ออกมาประนามตากล้องแบบเหมารวมและหลายอย่าง "เว่อร์เกินไป"

การแสดงโชว์บรรยายของพริตตี้ เขามีความประสงค์เพื่อโชว์ และเมื่อใครก็ไม่ควรขึ้นเวที ในเวลานั้น การจะขึ้นไปยืนคุยกับ เซล ในเวลานั้นบนเวที ถ้าเป็นจริงจึงเป็นข้อมูลที่ "เว่อร์เกินไป"

ขอยกตัวอย่าง “การท่องเที่ยวที่อื่นๆ” กล้าพูดได้เต็มปากว่า สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ที่พวกคุณไปเที่ยวกันนั้น ล้วนมาจากแรงจูงใจ ที่ช่างภาพ ไปถ่ายภาพมา โดยภาพที่ถ่ายมาแล่้วเอามาลงในเว็บ ในนิตยสาร และตามที่ต่างๆ ทำให้คนอยากไปเที่ยว พอคนไปเที่ยวมาก ตากล้อง กลายเป็นของเกะกะ ไปแทน

งานมอเตอร์โชว์ ที่คนพูดถึงกันมากมาจากการประชาสัมพันธ์ คือคนจัดงาน เน้น พริตตี้ เพื่อให้คนมาถ่ายภาพ ไปทำการประชาสัมพันธ์ แบบบอกต่อ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ซึ่งหัดถ่ายภาพกันใหม่ๆ ก็อาศัยกระแสนี้ เพื่อไปหัดลองฝีมือ ผลพลอยได้คือ เป็นการประชาสัมพันธ์งานไปในตัว และสุดท้ายก็เหมือนเดิม ตากล้อง กลายเป็นของเกะกะ ไปตามระเบียบ

ส่วนตัวแล้วนั้นไปเป็นผู้ช่วยทริปถ่ายรูปบ่อยๆ ไม่ว่าจะถ่ายภาพนางแบบในชุดไทย ชุดเต็มตัว หรือชุดพริตตี้ ทำให้คนที่อยู่ข้างหน้าจะไปบังคนอยู่ข้างหลังครับ ต้องบอกให้คนถือกล้องแถวหน้านั่งลง เพราะบังกัน ตรงนี้จึงเป็นที่รู้กันว่า คนแถวหน้าต้องนั่งลง การที่คนแถวหน้านั่งลง จึงกลายเป็นภาพที่ มองแล้ว กลายเป็นตากล้องหื่น เพราะที่จริง ชุดที่พริตตี้ใส่มานั้น ไม่ต้องนั่งถ่าย ก็หวิวอยู่แล้ว

การที่โดนกระแทก โดนเลนส์นั้น ถือว่า คนหมู่มาก ก็มีกระทบกันมั่ง เหมือนกับ มหกรรมทั่วไป ขนาดผมถ่ายงานที่ได้รับมอบหมายอย่างชัดเจนจากเจ้าหน้าที่หรือเจ้าของงานอยู่บ่อยครั้ง ยังมีกระทบกระทั่งอยู่บ้าง (ป้ายห้อยคอชัดเจนว่าเป็น Staff หรือ All Area) แต่แน่นอนว่างานมันมีคนเบียดเสียดยัดเยียดกระทบกัน บางครั้งหนักนิดเบาหน่อย ขอกัน เตือนกันได้ ยิ่งพวกเลนส์โตๆ นั่น ของรักของหวง เขาไม่อยากให้ไปกระทบกับอะไรอยู่แล้ว (บางตัวแพงกว่าค่าดาวน์รถในงานอีก)

อีกอย่างคือ ผมก็เห็นภาพชุดพริตตี้ ที่เอามาโชว์กันในบอร์ดต่างๆ ส่วนใหญ่ “ก็ไม่มีลักษณะ ภาพของ ตากล้องหื่น ตากล้องบ้ากาม” เหมารวมที่เค้าถ่ายกันดีๆ ดูจะเป็นการพูดเกินจริงไปหน่อย

ส่วนตากล้องเองนั้น เมื่อจำนวณเยอะขึ้น คนมากขึ้นเราก็ควรเกรงใจเค้าก่อน เหมือนรถมอเตอร์ไซต์ 2-3 คันขี่กันมาก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นหลักสิบ หลักร้อยก็กลายเป็นขี่กวนเมืองได้ ก็ควรจะระวังและใส่ใจในส่วนนี้ให้มากขึ้น คงไม่ต้องให้เค้ามาเกรงใจเราก่อนหรอก ถ่ายรูปในงานต่างๆ ก็เดินให้มันระวังๆ หน่อย ไม่ใช่อยากเดินตรงไหนก็เดิน ชนใครก็ชน เค้าจะมาด่าเราในเน็ตอีกเรื่อยๆ เห็นทุกปี ก็โต้ไปโต้มาทุกปี อ่านแล้วก็เซง ไอ้เราก็ถ่ายรูปทำตัวเนียนๆ ยังโดนด่าเหมารวมลับหลังทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ไปเหยียบเท้าใคร เอาเลนส์ไปกระแทกหัวใคร หรือไปเดินเบียดใครให้เค้าต้องมาบ่น แต่ก็โดนเพราะ "ตากล้องเลนส์ยาวๆ" อ่านก็ได้แต่เซง (ก็ผมใช้ 80-200mm f/2.8 นี่ มันก็โดนผมด้วย!!!)

สำหรับคนที่จะไปซื้อรถ แต่ถ้าตั้งใจซื้อรถจริงๆ ส่วนใหญ่แล้ว เซลจะเชิญคุณไปคุยที่โต๊ะรับรองลูกค้าด้านใน ซึ่งแยกต่างหากชัดเจน มีขนม น้ำ ให้กินเล่น ไม่ต้องยืนคุยกันข้างรถโชว์เลยครับ ถ้าต้องการดูโน้นนี่ในตัวรถอาจจะไปดูที่รถโชว์ได้ แต่ต้องดูจังหว่ะ ว่าไม่ชนกับเวลาโชว์ของบูทเค้า ซึ่งถ้าดันไปอยู่ในจังหวะนั้น เดินดูรถก็จะถูก เจ้าหน้าที่หรือเซลของบูทเชิญออกมายืนรอบนอก หรือไปที่โต๊ะรับลองอยู่ดี (ตากล้องก็ไม่เว้น) เพราะงั้นก็ต้องเข้าใจเค้าด้วย ไม่ใช่จะตามใจฉันอย่างเดียว

โดยแต่ละบูทในงานมอเตอร์โชว์นั้น รอบพรีเซ้นจะใช้เวลา 10-15 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมงอยู่แล้ว มีป้ายบอกชัดเจน ระหว่างนั้นถ้าไม่อยากโดนเบียดก็คงต้องเลี่ยงๆ เอาครับ งานคนเยอะ สถานที่แต่ละบูทมีจำกัด เวลาแต่ละช่วงของการพรีเซ้นของเค้าก็จำกัดและมีค่าเช่นกัน เพราะงั้นต้องหูไวตาไว

ถ้าทุกคนถ้อยอาศัย กัน เกรงใจกัน ก็คิดว่าปัญหามันคงไม่เกิด แต่เพราะต่างคนต่างอ้างว่าตัวเองมีสิทธิ์เหนืออีกคนทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว ก็ยืนอยู่ในฐานะเดียวกันในเวลานั้น คนถือกล้องบางคนก็อาจจะกำลังดูรถหรือยี่ห้อนั้นๆ ที่กำลังจะซื้ออยู่ก็ได้

ทวีตเกี่ยวกับงานมอเตอร์โชว์ช่วงเช้านี้ทั้งหมด ข้อความบ้างส่วนอ้างอิงแนวคิดและวิธีคิดของ น้ามังกรดำ ด้วย

 

6 thoughts on “ทวีตเกี่ยวกับงานมอเตอร์โชว์ช่วงเช้านี้ทั้งหมด”

  1. เรื่องอื่นผมไม่รู้ครับ
    ผมรู้แต่ว่าพริ๊ตตี้น่าราาากกก ^_^

  2. คืดได้แค่นี้หรือไงครับ คนถือกล้องมันถึงเป็นที่รังเกียจของคนทั่วไป

    • ผมคิดว่าเราอธิบายกันด้วยเหตุด้วยผลครับ และแน่นอนว่าการอธิบายย่อมอยู่บนความเป็นจริงครับ

      ความน่ารังเกียจมันอยู่ที่แต่ละบุคคล ซึ่งถ้าคิดว่าใครทำตัวไม่ดี ก็ควรจะพูดเป็นคนๆ หรือบุคคลไปมากกว่า การต่อว่าเชิงเหมารวมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมายาวนานจนเป็นความชินชา แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นแต่อย่างใด

  3. ขอยกตัวอย่าง “การท่องเที่ยวที่อื่นๆ” กล้าพูดได้เต็มปากว่า สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ที่พวกคุณไปเที่ยวกันนั้น ล้วนมาจากแรงจูงใจ ที่ช่างภาพ ไปถ่ายภาพมา โดยภาพที่ถ่ายมาแล่้วเอามาลงในเว็บ ในนิตยสาร และตามที่ต่างๆ ทำให้คนอยากไปเที่ยว พอคนไปเที่ยวมาก ตากล้อง กลายเป็นของเกะกะ ไปแทน

    งานมอเตอร์โชว์ ที่คนพูดถึงกันมากมาจากการประชาสัมพันธ์ คือคนจัดงาน เน้น พริตตี้ เพื่อให้คนมาถ่ายภาพ ไปทำการประชาสัมพันธ์ แบบบอกต่อ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ซึ่งหัดถ่ายภาพกันใหม่ๆ ก็อาศัยกระแสนี้ เพื่อไปหัดลองฝีมือ ผลพลอยได้คือ เป็นการประชาสัมพันธ์งานไปในตัว และสุดท้ายก็เหมือนเดิม ตากล้อง กลายเป็นของเกะกะ ไปตามระเบียบ

    ^
    ^
    ^
    ผมว่า ท่อนนี้ค่อนข้างจะรำเริกบุญคุณได้น่ารังเกียจไปหน่อยนะครับ ในส่วนอื่นๆ เข้าใจครับ ข้องใจแค่ตรงนี้ล่ะครับ คนที่คุณควรให้เขาสำนึกบุญคุณคือคนจัดงาน+เจ้าของสถานที่ครับ ไม่ใช่คนที่ไปเที่ยว เขาก็เสียเงินไปครับ (แถมบางคนยังเสียเงินซื้อหนังสือที่มีรูปของพวกคุณอีกไงครับ) คุณไปถ่ายก็ได้กลับมาทั้งประสบการณ์และผลงานอยู่แล้ว คนทั่วไปเขาไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับตรงนี้เลย มันก็ต่างคนต่างได้ในส่วนของตัวเองไป แล้วจะมาให้ระลึกอะไรกันครับ

    ประชาสัมพันธ์แบบนี้เป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ผมว่าพวกคุณก็ไม่ควรตอบโต้กับคนที่มาด่าช่างกล้องเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะช่างกล้องปากหนักที่นอกจาก ชนแล้วจะ”ไม่ขอโทษ” แล้วยังไปด่าคนที่มาชนอีก มันมีจริงๆครับ ควรจะยอมรับตรงนี้กันให้ได้ด้วยนะครับ ถึงแม้คุณจะเป็นคนดีก็ตาม แล้วก็โยนส่วนที่โดนด่าไปให้พวกนั้นซะครับ ไม่ต้องไปตอบโต้กันให้มาก แทนที่มันจะได้ชี้แจงแก้ไขภาพพจน์ ดันกลายเป็นดราม่ากันอีก ภาพพจน์แย่ยิ่งไปใหญ่ จากแค่ช่างกล้องหื่น เกะกะ ไร้มารยาท จะเพิ่ม หยิ่งผยอง ชอบรำเริกบุญคุณ ขี้ร้อนตัว แก้ตัวอยู่ได้ อ้างไปเรื่อย บลาๆกันเข้าไปอีก กลายเป็นต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเข้าใจกัน ไม่ได้ช่วยให้ภาพพจน์ดูดีขึ้นเลยสักนิด จริงไหมล่ะ

    ผมไม่ได้เข้ามาด่าอะไรคุณซ้ำนะครับ แต่ผมคิดว่าการสื่อสารในส่วนนี้มันมีช่องผิดพลาดที่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่กันไปใหญ่ การยกตัวอย่างกับคำพูดอาจจะดูรุนแรงแต่ผมหวังดีจริงๆครับ

    • เราพูดอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงครับ

      เพราะสิ่งที่บอกนั้นไม่ใช่การรำเริกบุญคุณอะไรเลย แต่เป็นสิ่งที่ผู้จัดงาน(และหลายๆ บูทในงานไว้) ได้วางวิธีการประชาสัมพันธ์แบบนั้นไว้จริงๆ (รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ ที่ที่เคยไปเที่ยวก็สนับสนุนตากล้องเพื่อถ่ายรูปเพื่อนประชาสัมพันธ์เช่นกัน) ประเด็นคือการบอกว่ามันเป็นแบบนั้น และจริงๆ ก็ไม่ได้ผิดอะไรเพราะเป็นการประชาสัมพันธ์ทางอ้อม

      สิ่งที่ผมเขียนและชี้แจงจึงเป็นสิ่งที่เป็นเรื่องที่หลายคนดูจะรับไม่ได้ ส่วนตัวแล้วเรื่องบางเรื่องและคนในสถานที่ระดับนั้นกระทบกระทั้งกันบ้างเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ คนไร้มารยาทมีทุกวงการ เพราะฉะนั้นการเหมารวมหรือใช้อารมณ์ในการต่อว่า ด่ากราด ฯลฯ จึงเป็นสิ่งที่เห็นจนชินชา แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เป็นเรื่องการเทศกาลหนึ่งๆ ที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการจัดงานโดยที่คนที่ทำตัวปรกติ ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาแต่อย่างใด

      ส่วนตากล้องหื่นๆ อะไรพวกนั้น ผมคิดว่ามีทุกที่ ทุกงาน จะมากจะน้อยก็แล้วแต่จะเจอ แต่พอดีว่างานนนี้เจอเยอะเจอบ่อย ผมเจอก็สะกิดคนคุมบูทว่าคนนั้นคนนี้ (เค้ามีมาตราการป้องกันเบื้องต้นอยู่ แต่ก็กันได้ไม่หมดหรอก)

      แต่สุดท้าย ถ้าคุณคิดว่าคุณเข้ามาด่าผม อืมมม ผมก็สุดแล้วแต่ครับ เพราะด่าก็ด่าไป ถ้าไม่ได้รุนแรงถึงขนาดใช้ถ่อยคำรุนแรงหรือรับไม่ได้ก็ถือว่าเป็นคำชี้แนะ ซึ่งถ้าอันไหนเป็นจริงก็จะปรับปรุง แต่อันไหนดูจะไม่ใช่และหรือเกิดเลย ซึ่งไม่ใช่ผมก็คงปล่อยผ่านไป เพราะส่วนตัวแล้วนั้นชี้แจงบนพื้นฐานที่ตัวเองประสบพบเจอจริงๆ และแน่นอน ผมก็ได้บอกไปแล้วว่าส่วนตัวแล้วนั้นก็ทำงานด้านนี้เป็นงานเสริม ถ้าคิดว่ารับไม่ได้ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ครับ

Comments are closed.